ขอสรุปงบไว้ตรงนี้เลยนะค๊า
1.ตั๋วเครื่องบิน เราได้มาราคาโดนใจม๊ากมาก ปิดราคาที่คนละ 6,660 บาทถ้วน รอบนี้เดินทางกับ Bangkok Airway เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือราคาถูกลง เชื่อว่าหลายๆคนคงจะจำโปรที่ออกมาช่วงมกราคมที่ผ่านมาได้ ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่นั่งจ้องเพจพี่ช้างจนตาเป็นหมีแพนด้าทุกวัน เรียกว่าเสพติดเลยก็ว่าได้ ต้องขอบคุณเพจดีๆ ที่บอกข้อมูลได้ละเอียด แล้วก็เป็นเพจที่ทำให้เราจนลงทุกวัน ไม่มีตังเก็บกันเลยทีเดียว 5555+ ใครไม่อยากพลาดโปรดีๆ เราแนะนำเลยจ้าเพจนี้ https://www.facebook.com/ch.trixget/ เราไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรเลยนะคะ แค่อยากแชร์ข้อมูลดีๆเผื่อเพื่อนๆที่อยากจะเดินทางแบบประหยัด อยากได้ตั๋วเครื่องบินแบบถูกๆ
2.เรื่องที่พักคราวนี้มาลงตัวที่ Meeru Island Resort เนื่องจากคราวที่แล้วจองกับเอเจนซี่จากไทย แต่ครั้งนี้เนื่องจากจองตั๋วล่วงหน้าไว้นาน จนลืม 555+ ลืมจริงๆค่ะ เพิ่งจะมาคิดหาที่พักล่วงหน้าไม่ถึงเดือน แล้วที่ไหนจะมีราคาดีๆ เราเลยจองผ่าน agoda ซึ่งเวลานั้นราคาน่าจะดีที่สุดแล้ว คือเลือกแบบนอนกลางน้ำ เอาแบบ All Inclusive กันไปเลยจ้าาา กะแบบกินไม่อั้น เมาหัวทิ่มกลับห้องไม่ถูกกันไปเลยค่ะคุณขาาา (อันนี้ก็เว่อเกิน) เราพัก 4 วัน 3 คืน รวมทั้งหมดแล้ว
3.การเดินทางไปยังรีสอร์ท เนื่องจากครั้งนี้เราเดินทางเอง ก็อาจจะไม่ได้สบายมากนักถ้าเทียบกับการจองกับเอเจนซี่ เนื่องจากเราต้องมีหน้าที่นัดแนะกับทางรีสอร์ทเอง ว่าเราจะถึงตอนไหน เจอกันตรงไหน ประมาณเนี้ยค่ะ ถ้าใครพักที่เดียวกับเรา ตรงไปเค้าเตอร์ 59 ได้เลยนะคะ จะมีเจ้าหน้าที่เช็คชื่อแล้วพาเราไปส่งที่เรือเองจ้าาาา ค่าเรือคนละ 150 $ ตามรูปเลยค่ะ (ตีเป็นเงินไทย 5,100 บาท/คน นะคะ)
เบื้องต้นก็มีค่าใช้จ่ายเท่านี้ค่ะ ไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้ว
-ค่าเรือ 10,200 บาท (2 คน)
-ค่าตั๋วเครื่องบิน 13,320 บาท (2 คน)
-ค่าที่พัก 44,813 บาท (2 คน)
ราคารวม 68,333 บาท หารสองโล้ด ตกคนละ 34,167 บาทเท่าน้าน
***หมายเหตุ รูปเยอะมากๆ ถ้าเป็นการรบกวนต้องขออภัยด้วยนะคะ
วันเดินทางเราออกจากบ้านเช้ามากๆ เพราะกะว่าจะไปนั่งเล่นที่ Boutique Lounge ของ Bangkok Airway ใครที่เดินทางกับสายการบินนี้ เราว่าคุ้มมากๆนะคะ สะดวกสบาย ทั้งอาหาร เลือกที่นั่ง และก็โหลดกระเป๋า ฟรีทั้งน้านเลย อย่างที่เราๆรู้กันว่าทีเด็ดของบางกอกแอร์ เราต้องไปนั่งกินข้าวต้มมัดค่ะ อันเล็กน่ารัก รสชาติอร่อยใช้ได้เลยค่ะ ถูกปากมากๆ ไปดูบรรยากาศใน Boutique Lounge กันดีกว่า ใครอยากจะเล่นคอมที่นี่ก็มีนะคะ
เนื่องจากเราหลับสบายตลอดทางตื่นมาก็ถ่ายวิวด้านล่างได้ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่อยากให้ทุกคนมาเห็นกับตา มันสวยกว่าภาพล้านเท่าเลยนะคะ
พอถึงสนามบินเราก็จัดแจงซื้อซิม แต่ถ้าใครพักที่ Meeru เราแนะนำว่าไม่ต้องซื้อก็ได้ค่ะ เพราะทางรีสอร์ทจะมี wifi ให้เราใช้ฟรีอยู่แล้ว สัญญาณแรงใช้ได้ทุกบริเวณบนเกาะนั้นเลย แต่ที่เราซื้อเพราะเมื่อปีที่แล้วเราไปที่ Thulhagiri สัญญาณไม่ถึงห้องพักเท่าไหร่ เล่นได้แต่ช้ามาก เราเป็นพวกติดโซเชียล เพื่อความชัวร์เลยซื้อดีกว่า เราจะใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือถึงรีสอร์ทประมาณ 45 นาทีนะคะ ใครเมาเรือเราแนะนำให้กินยาก่อนขึ้นเรือ 30 นาทีนะคะ ช่วยได้เยอะเลย ไปดูเรือที่จะพาเราไปรีสอร์ทกันดีกว่า
นี่ขนาดน้ำที่ท่าเรือนะคะ ยังใสขนาดนี้ ตอนนั้นใจไปอยู่ที่รีสอร์ทแล้วค่ะ อยากเห็นห้องพัก อยากเล่นน้ำ ช่วงที่ไปอากาศดีมาก ฝนไม่ตกซักเม็ด เป็นไปตามที่ภาวนาไว้เลยค่ะ
เมื่อถึงรีสอร์ทแล้ว บอกได้คำเดียวว่าประทับใจตั้งแต่เดินลงเรือมาเลยค่ะ พนักงานต้อนรับดีมากๆ มีเรียงแถวตีกลองต้อนรับได้น่ารักมากๆ แขกผู้เข้าพักทุกคนจะได้ผ้าเย็นๆ กับ welcome drink ไว้คอยต้อนรับ
แล้วจะมีพนักงานมาคอยอธิบายรายละเอียดก่อนจะพาเราไปส่งที่ห้องพักนะคะ เราแนะนำให้แลก US แบงค์ย่อยๆเอาไว้หน่อยก้ดีนะคะ เผื่อเอาไว้ให้ทริปพนักงานที่คอยยกกระเป๋ามาให้ที่ห้อง
กับพนักงานที่คอยดูแลเราที่โต๊ะอาหาร เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆค่ะ ไปดูห้องพักกันดีกว่า ไหนๆมาทั้งทีเราคิดว่าเพื่อนๆก็คงอยากนอนกลางน้ำเหมือนเราแน่ๆ มีอ่างให้แช่อีกต่างหาก ฟินคร้าาา
บริเวณด้านหลังกับอ่างจากุชซี่นะคะ แช่ให้ตัวเหี่ยวกันไปเลยค้า ยิ่งกลางคืนแช่น้ำอุ่นๆ นอนดูดาว โอ๊ยยย ไม่มีอะไรดีไปกว่าช่วงเวลานี้แล้วค่ะสำหรับเรา 555
ห้องน้ำที่นี่กว้างมากๆ
ไปดูบรรยากาศนอกห้องกันบ้างดีกว่า สวยงามไม่แพ้กัน เราชอบมานั่งจิบไวน์ตรงนี้ที่สุด
ถ่ายรูปพอหอมปากหอมคอแล้ว ท้องก็ร้องจ๊อกๆๆ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า มื้อนี้จะพิเศษหน่อยเพราะเราได้คูปองอาหารกลางวันคนละใบ แล้วได้มาทานโซนที่ต้องเสียเงินเพิ่มแบบฟรีๆ จัดไปคร้าาาา บริเวณห้องอาหารริมสระ กับลมเย็นๆ โอ๊ยยยมันดีทุกอย่างอ่าาา ชอบบรรยากาศมากๆ
จริงๆเราตั้งใจจะไปทริปขึ้นเรือดำน้ำของที่นี่ ซึ่งจะมีเฉพาะวันพฤหัส ซึ่งเป็นวันที่เรามาถึงพอดี แต่ด้วยเรามาไม่ทัน แล้วจะมีอีกทีก็วันอาทิตย์รอบเช้า
ซึ่งเราก็ต้องกลับแล้ว แอบเสียใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไปเดินถ่ายรูปสวยๆ พักผ่อนเก็บแรงไว้เล่นน้ำตอนเย็นดีกว่า ไปดูบรรยากาศรอบๆดีกว่าเนอะ ฝอยมากเกินไปแล้ว 555
รูปนี้น่าจะถ่ายซักประมาณ 5-6 โมงเย็นนะคะ ตอนเอาออกมาจากกล้องมึดมาก พอลองเอามาปรับแสงหน่อย ก็คิดว่าน่าจะดูได้ 555
ไปดูบรรยากาศตอนเย็นๆกันบ้างดีกว่า อากาศกำลังดี พระอาทิตย์กำลังตกดินเลยค่ะ
กระทู้รูปเยอะมากนะคะ เพราะมาติดเกาะแบบนี้ กิจกรรมก็ไม่มีไรมาก ซึ่งเครื่องเล่นที่เป็นเครื่องยนต์เราเล่นไม่เป็นซักอย่าง อีกอย่างต้องเสียเงินเพิ่มด้วย เลยไม่ได้เล่นอะไรมากนะคะ นอกจากดำน้ำดูปะการัง แถวที่พัก ซึ่งน้ำใสมากๆ ปลาเยอะ แต่ปะการังไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ถ้าเทียบความอุดมสมบูรณ์ เราว่า Thulhagiri จะค่อนข้างสวยกว่า แต่น้ำจะค่อนข้างซัดเข้าฝั่งแรงไปหน่อย มีความน่ากลัว 555 เราขอลงรูปรัวๆเลยนะคะ ส่วนมากก็เป็นรูปจากรอบๆรีสอร์ทที่เราไปเดินเล่นมา
อันนี้เป็นส่วนของบาร์ ใครที่ซื้อแพ็คเก็จแบบ all inclusive สามารถมานั่งดื่มได้นะคะ ไม่อั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ วิวแบบนี้หาไม่ได้ที่ไหนแล้วนะคะ สำหรับเรามันมีความสุขมากๆแล้ว
ไปมัลดีฟส์ทั้งที ก็ต้องใส่บิกินี่ใช่มะค๊าาา เราเคยใส่ไปเที่ยวทะเลที่ไทย แต่ผู้ใหญ่แถวนั้นไม่ค่อยเข้าใจเราเท่าไหร่ บ้างก็มองแบบตำหนิ เราเลยไม่กล้าใส่เที่ยวที่ไทยเท่าไหร่ นอกจากไปแบบ pool villa กับเพื่อนๆไรงี้อ่าค่ะ แต่ใส่ที่นี่แล้วสบายใจ เพราะไม่มีใครมาจับจ้อง นินทา หรือมาสนใจเรา อยู่กันแบบสบายๆค่ะ นี่แหละนะอีกมุมของฝรั่งที่เราชอบมากๆๆ
อีกทริปที่ all inclusive สามารถไปได้ฟรีๆ คือทริป sunset แล้วก็ดูปลาโลมานะคะ ซึ่งทริปนี้โชคไม่ค่อยเข้าข้างซักเท่าไหร่ เพราะน้องปลาโลมา ขี้อายมากๆ ได้แค่ว่ายๆมาให้เห็น แต่ไม่มีโชว์กระโดดมาทักทายผู้คนเลย แต่อย่างน้อยก็ได้ดูวิวสวยๆ ถือว่าไม่เสียเที่ยวค่ะ ดีเท่าไหร่แล้วที่ฝนไม่ตก
ปะเตรียมไปดูพระอาทิตย์ตกกันดีกว่าค่ะ
เราแนะนำนั่งชั้นบนหลังคาเรือดีกว่าค่ะ วิวสวย ลมเย็น ยิ่งไปกับแฟนนะสวีทมากๆ มากันเป็นคู่ๆเชียว
นี่คือโฉมหน้าปลาโลมา อย่าเรียกว่าหน้าเลย เห็นแต่ตูด 5555 มาให้เห็นแค่นี้ แล้วก็พากันว่ายจากไป เสียใจ
วิวท่าเรือยามเย็นก็สวยดีแฮะ
เนื่องจากทริปนี้เรามาไม่ค่อยตรงกับโปรแกรมที่เราอยากไปซักเท่าไหร่ เลยทำได้แค่ไป sunset กับ snorkeling แค่นั้น เพราะจุดประสงค์อยากมาลงเรือดำน้ำ แต่เนื่องจากมาช้ากว่าที่คิด เลยอดไปทริปเลย ไปดูโซนอาหารบ้างดีกว่า ซึ่งรีสอร์ทนี้ค่อนข้างใหญ่มากๆ โซนที่พักริมน้ำก็จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ใครสะดวกใกล้ทางไหน ก็ไปทานตรงนั้น หรือจะไปทุกที่เลยก็ได้นะคะ อาหารก็จะต่างกันไปตามโซน แต่เราทานห้องอาหารที่ใกล้ท่าเรือ เพราะเดินมาไม่ไกลมาก หรือจะเรียกพนักงานให้ขับรถกอล์ฟมาส่งก็ได้นะคะ สะดวกเหมือนกัน แต่ไหนๆก็มาแล้ว เดินเอาเท้าแตะดินแบบไม่เจอรองเท้าซัก 3-4 วัน จะบอกว่ารู้สึกสดชื่นมากๆ 5555+ (อีนี่จินตนาการเยอะค่ะ อย่าถือสาเลยนะคะ ) ในส่วนของห้องอาหาร เราไม่ถ่ายมาเยอะเท่าไหร่ เพราะอาหารไม่ค่อยถูกปากเรานะคะ แต่แฟนเรานี่นางกินได้ทุกอย่าง อร่อยไปซะหมด
มีอีกโซนที่ชอบคือ ส่วนของห้องสมุด แล้วก็ส่วนของ Reception เค้าจัดได้น่านั่ง แล้วห้องสมุดนี่แอร์ก็เย็น มานั่งเล่นได้ค่ะ
มาต่อนะคะ รู้สึกรูปเยอะๆกระทู้ไม่ค่อยโหลดรูปเท่าไหร่ 5555 ที่นี่เวลาจองทริป เราสามารถจองผ่านจอไอแพด ที่ Reception ได้เลยนะคะ รูปล่างหน้าตาแบบนี้ เค้าจะให้เรากรอกชื่อ เลขห้อง แล้วก็ทริปที่เราเลือก ถึงเวลาไปทริป ก็มารอก่อนเวลาซักครึ่งชั่วโมงตรงบริเวณนี้ได้เลยค่ะ
ไปเก็บบรรยากาศรอบๆอีกทีดีกว่านะคะ เราก็ถ่ายๆไปเรื่อย รูปนี่ถ่ายมาล้านแปดเลยหล่ะค่ะ เป็นประเทศที่ไม่รู้จะเล่าเรื่องอะไร เพราะมาอยู่ที่นี่เหมือนมาติดเกาะ แต่เป็นเกาะที่สำหรับเรา เราคิดว่ามาที่นี่เรารู้สึกได้ชาร์ตแบตก่อนกลับไปทำงานได้มากกว่าประเทศอื่นๆ รู้สึกเห็นน้ำใสๆก็สบายใจ ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ไม่ต้องรีบทำงานแข่งกับใคร ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนเราไหมนะคะ แต่อยากให้มาเที่ยวซักครั้งก่อนมัลดีฟส์จะจม ไม่รู้ใครกล่าวไว้เหมือนกัน 5555+ แล้วก็ไม่รู้จะจริงไหม เอาเป็นว่าตามมาเที่ยวกันนะคะ
ส่วนอันนี้เป็นที่พักวิวทะเล อยู่ติดชายหาดเลยค่ะ ถ้าใครไม่อยากนอนกลางน้ำ ที่พักแบบนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย ตื่นมาวิ่งลงทะเลไปโล้ดดดคร้า
อันนี้ปลาแถวห้องพักนะคะ แอบมีปลาฉลามด้วย บางทีมีปลาแปลกเยอะ แต่ถ่ายไม่ค่อยทันค่ะ มันเห็นคน ก็ว่ายหนีหมด
เจอฉลามน้อยด้วย เอาจริงๆเราก็แอบกลัวนะคะ แต่พนักงานบอกว่ามันไม่กัด ไม่ต้องกลัว พอเราลงน้ำ มันก็ว่ายหนีแล้วค่ะ
อันนี้เป็นบริเวณรอบๆห้องอาหารติดท่าเรือนะคะ เก็บวิวไปเรื่อยๆ รูปเยอะหน่อย ถ่ายตรงไหนก็สวยไปหมด ขอลงรัวๆเลยนะคะ
อันนี้เป็นส่วนของสปา ถ้าใครเลือกแบบ all inclusive จะได้ใช้บริการฟรี 15 นาทีค่ะ
หลังจากเราเข้าพักได้ 1 วัน เราจะได้แชมเปนฟรี 1 ขวด สำหรับแพ็คเก็จ all inclusive นะคะ จะมีพนักงานนำมาให้ถึงห้องเลยจ้าาา จิบแชมเปน แช่น้ำในอ่างจากุชซี่ เราว่าเป็นอะไรที่ดีงามม๊ากกมากกก
พระจันทร์ที่นี่สวยมากๆ เรานั่งมองเพลินไปหน่อย เพิ่งจะคิดหยิบกล้องมาถ่ายตอนเมฆเยอะๆเนี่ยนะ อดได้วิวพระจันทร์เลย
ส่วนอันนี้เป็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นนะคะ ตื่นมาถ่ายตอนประมาณ ตี 5 ถึงช่วง 7 โมง ของวันกลับ รู้สึกใจหายนิดๆ 4 วัน 3 คืนบนเกาะนี้ บางทีเวลาแห่งความสุขมันก็น้อยเกินไป
ขอจบกระทู้เท่านี้แล้วกันนะคะ ส่วนใครมีคำถามอยากสอบถามตรงไหน ยินดีมากนะคะ ถามกันมาได้เรื่อยๆเลย อยากให้ทุกคนตามไปเที่ยวกันเยอะๆ สุดท้ายนี้ อยากขอบคุณเพจพี่ช้างที่ทำให้เรามีทริปงอกมาเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด เวลาปรึกษาอะไรพี่ช้างจะให้ความช่วยเหลือได้ดีมากๆ เต็มใจช่วย เต็มใจให้คำแนะนำได้ดีเลย ขอบคุณเพื่อนๆที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณแฟนที่คอยไปไหนด้วยกันตลอด ทำให้ทุกทริปสนุกมากๆ (ถ้านางเข้ามาอ่านคงดีใจ 555+)
สิ่งที่ชอบ
-บรรยากาศสวย น้ำใส
-ผู้คนที่นี่ใจดี ถึงแม้หน้าตาเค้าจะโหดไปหน่อยก็ตาม 55
-เราว่า ตม. ที่นี่เป็น ตม. ที่หน้าโหดที่สุดเท่าที่เราเคยเจอ แต่ก็เป็น ตม.ที่ใจดีที่สุดเท่าที่เราเคยเจอด้วยเหมือนกันค่ะ
-สรุปว่าชอบทุกอย่างที่เป็นมัลดีฟส์เลยก็ว่าได้
สิ่งที่ไม่ชอบ
-มีอยู่อย่างเดียว เรามาประเทศนี้ 2 ครั้งแล้ว เราก็พูดได้เหมือนเดิมว่าอาหารไม่ถูกปากเราเลย 5555+ มาม่าที่เอามามีความหมายมากกับชีวิตเราเลยหล่ะค่ะ เรากินอาหารที่นี่ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เพราะเค้าจะเน้นหนักไปทางเครื่องเทศ
สุดท้ายแล้วจริงๆค่ะ อิอิ เวลาคนถามเราว่าทำไมชอบไปเที่ยวจัง ไปแล้วได้อะไร เอาเป็นว่าเราอยากให้มาหาคำตอบด้วยตัวเองดีกว่า จะได้คำตอบที่ชัดเจนกว่าถามจากคนอื่น เพราะความชอบส่วนบุคคลก็ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะชอบเที่ยวทะเล บางคนอาจจะชอบเที่ยวภูเขา เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่แอนตี้ทะเลมาตลอด แต่พอได้มามัลดีฟส์ รู้สึกชอบ รู้สึกรักประเทศนี้โดยไม่รู้ตัว เป็นทะเลที่เดียวที่เราอยากมา เพราะเป็นความฝันตั้งแต่ๆเด็ก ใครมีมัลดีฟส์เป็นความฝัน ต่อไปนี้ก็มาทำความฝันให้เป็นจริงกันเถอะค่ะ งบไม่ต้องเยอะมาก ก็ปรับเอาตามที่งบของแต่ละคนสะดวกเลยนะคะ
ถ้าใครอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ต้องขอบคุณมากๆนะค๊าาา
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)