รีวิว

Hello Jeju ทริปอยู่ๆก็มาคนเดียว

South Korea
วันออกเดินทาง 13/03/2018
วันเดินทางกลับ 17/03/2018
จำนวนผู้ร่วมทริป ผู้ใหญ่ 1 คน
งบประมาณเฉลี่ยต่อคน 10,001 - 15,000 บาท
บันทึกเพิ่มเติม 안녕하세요 อันนย็องฮาเซโย
เดินทางไปเที่ยวเกาหลีคนเดียวถือว่าเป็นปกติมากค่ะ
แต่การไปเที่ยวเกาะเชจูคนเดียวนั้น บอกได้เลยว่าต้องลองสักครั้ง
แล้วจะหลงรักธรรมชาติ ภูเขา ทะเล หิน ดอกไม้ที่นี่ แน่นอนค่ะ
ทริปนี้ 13-21 มีนาคม 2018
ตั่วไป - กลับ ดอนเมือง –อินชอน >>>>11265บาท
ตั๋วไปกลับ คิมโพ –เชจู >>1689บาท
ค่าที่พัก เชจู 13-17 4คืน >> 1900บาท @Yellow Guest House
ค่าที่พักโซล 17-20 3คืน >>2055บาท @GV residence Itaewon
แต่จะขอรีวิวแค่เกาะเชจู เพราะที่โซลรีวิวเยอะมากแล้ววววว
335K views
วันที่
1

2018.03.13
ขอเริ่มต้นที่สนามบินคิมโพแล้วกันค่าาาา
นั่งเครื่องจากสนามบินคิมโพ (김포 공항) ของสายการบิน เชจูแอร์ Jeju air
เลือกสายการบินนี้ เพราะว่าราคาค่อยข้างถูก และให้น้ำหนักกระเป๋าฟรี 15 กก. จริงๆๆเพราะพรีเซนเตอร์
จองผ่าน https://www.traveloka.com จองผ่านเว็บและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว จะได้รับตั๋วอเล็กทรอนิกส์ผ่านทางอีเมลล์ค่ะ
แต่เวลาเช็คอินจริงๆแล้ว ถามแค่เวลาของไฟลท์บิน แล้วยืนพาสปอต์เลยค่ะ คนต่างชาติเขาจะตรวจกระเป๋าเข้มหน่อยนะคะ
ดังนั้นไม่ต้องตกใจค่ะ เขาจะขอเช็คกระเป๋าและให้เรามาที่เคาท์เตอร์ใหม่อีกรอบหนึ่งค่ะ ประมาณ15 นาที
ถ้าในกระเป๋าไม่มีอะไรที่ผิดปกติ เขาก็จะบอกให้ไปรอที่เกทได้เลยค่ะ
ขึ้นเครื่องรอบ 19.35 ถึงเกาะเชจูเวลา 20.45 ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆค่ะ
#ทั้งเครื่องรู้สึกว่าจะมีแต่คนเกาหลีล้วนๆๆเลย

ถึงแล้ววววว เชจูจ๋า รับกระเป๋าแล้ว เพื่อความแน่ใจว่าจะไปถึงที่พักได้ จึงเดินไปถามจุดประชาสัมพันธ์ เลยได้ข้อมูลว่าต้องขึ้นที่ไหน รถบัสสายไหน แบบนี้ไม่หลงแน่นอนจ้า พี่แกเขียนมาให้เลย
ภาษาเกาหลีนิดๆๆ
……ใส่ถานที่…. 어떻게 가요? 여기에 써 주세요.
……………..ออต็อดเค คาโย๊? ยอกีเอ ซอ ชูเซโย.

ถ้าจะขึ้นรถบัสให้ออก Gate 2 แท็กซี่ Gate 3นะคะ ออกมาก็ 3ทุ่มแล้ว แต่รถบัสยังไม่หมด แนะนำแบบประหยัดก็ต้องรถบัสเท่านั้นค่ะ
ใช้เวลา 15 นาทีถึงที่พัก ให้ลงป้ายที่ 9นะคะ ชื่อ Dongmun Rotary (동문로터리)
ปล.พักที่ @Yellow Guest House
เค้าจองผ่านเว็บที่พักโดยตรงค่ะ https://www.yellowjeju.com
(bookingก็จองได้ค่ะ) ค่าที่พัก เชจู 13-17 4คืน 1900บาท จ่ายตอนเข้าพัก
วันแรกคือการเดินทางจริงๆ สำหรับวันนี้ 잘 자요~ ฝันดีค่าาา

เกาะเชจูแบ่งออกเป็นสองเมืองนะคะ คือเชจู ฝั่งสนามบิน กับซอกวีโพ อยู่อีกฝั่งของสนามบิน มีฮันราซานเป็นจุกศูนย์กลางของเกาะ
ถ้าจะเที่ยวทั้งสองฝั่งค่อนข้างใช้เวลานานหน่อยนะคะ เพราะเชจูเป็นเกาะที่ใหญ่ เราจึงเลือกพักที่ตัวเมืองเชจูเพราะใกล้สนามบินค่ะ
ถ้าใครจะพักที่นี่ ก็ขึ้นรถบัสตามนี้เลยค่ะ

วันที่
2

2018.03.14
ก่อนอื่นขำแนะนำแอพ Naver map
เป็นช่วยในการเดินทางแค่ใส่สถานที่เริ่มต้น และปลายทาง ก็สามารถไปได้อย่างถูกต้อง
และยังสามารถรู้ค่าใช้จ่ายและเวลา ต้องผ่านกี่ป้าย ป้ายไหนบ้าง ปล. รถบัสในเชจูมีwifi ทุกคันค่ะ สะดวกมากมาย

วันแรกก็ต้องไปสิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาเชจูนั่นคือ Seongsan Ilchulbong (성산일출봉) ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ไกลหน่อยแต่นั่งรถเพลินมากค่ะ
동문로터리 สาย325/326/316 – ไปลงที่국립제주박물관แล้วต่อสาย201-ไปลงที่ 성산일출봉입구
ลงจากป้ายแล้วจุดที่สังเกตเห็นภูเขา ประมาณ 300เมตร

เดินตามเส้นทางที่มองเห็นยอดภูเขาเรื่อยๆๆไม่ไกลมากค่ะจากป้ายรถบัส มาถึงป้ายทางเข้า ซองซันอิลชุลบง(성산일출봉)
จะสังเกตเห็นที่ขายบัตรเข้าชมอยู่ตรงข้ามกับทางเข้า

.
ที่นี่เปิด 7.00-20.00
#แต่ละฤดูกาลเวลาเข้าชมน่าจะไม่เหมือนกันแนะนำให้เช็คข้อมูลเบื้องต้นก่อน
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 2000วอน
เด็ก 1000วอน
กลุ่ม คนละ 1600วอน
.
.
.
.
.

เดินตามเส้นทางมาเรื่อยๆๆก็ต้องแวะถ่ายรูปที่หาดเล็กที่มีชายและหินเป็นสีดำ น้ำใสๆๆ บอกได้เลยว่าสวยๆๆมากๆๆค่ะ
.
.
.
.

ด้านล่างมีบริการนั่งเรือชมรอบภูเขาไฟและขี่ม้าด้วยนะคะ
.

มาคนเดี่ยวการรูปค่อยข้างลำบากนิดนึง ดังนั้นเราจึงต้องขอความช่วยเหลือจากทุกคนที่เดินผ่าน
.
.

มาถึงที่นี่แล้วก็อย่าพลาดที่จะไปชมยอดบนสุดนะคะ บอกได้เลยว่าวิว 360องศาที่แท้จริง ดีงามมากค่า
ช่วงครึ่งทางจะมีร้านค้าเล็กๆๆขายน้ำ ขนม แต่แพงมากค่ะ แนะนำให้ซื้อขึ้นไปเลยจะดีกว่า
ลมแรงมากๆๆค่ะแนะนำให้ใส่กางเกงนะคะ

ถึงแล้วที่หมาย ลมแรงมากกกแต่วิว360องศาจริงๆค่ะ ด้านหนึ่งวิวเมือง ด้านหนึ่งวิวทะเลที่ไกลสุดขอบฟ้า
นั่งพักสักแป๊ป

มาเกาหลีก็ต้องท่านี้
ที่นี่คือปากปล่องภูเขาไฟ มองลงไปก็ไม่มีอะไรค่ะ จุดแรกของทริปนี้ บอกได้เลยว่าถึงเชจูแล้ววว

จากบนยอดเขา สังเกตเห็นว่ามีสวนดอกยูแช่ 유채꽃 อยู่ริมถนน
ดังนั้นจะพลาดไม่ได้จ้า #สีเหลืองมุมซ้ายสุดติดถนนติดทะเล

แนะนำว่าขาลงให้เปลี่ยนเส้นทาง #มีสองทาง
จะได้ชมวิวหลายๆที่ค่ะ และในที่สุดก็เดินมาถึงข้างล่าง แวะเข้าห้องน้ำก่อนที่จะไปสถานีต่อไป #ห้องน้ำอยู่ตรงลานจอดรถใกล้ๆที่ขายบัตรเข้า

เดินลงมาแล้วเดินตามถนนไปเรื่อยๆๆประมาณ 5 นาทีจ้า วิวข้างทางสวยมากๆๆ เดินคนเดียวที่นี่รู้สึกปลอดภัยมากค่ะ อาจเป็นเพราะรถบัส รถนักท่องเที่ยวผ่านไปมาตลอดและมีคนแวะถ่ายรูปข้างข้างเยอะมากๆ

ในที่สุดก็มาถึงสวนดอกยูแช่ 유채꽃밭 ค่าเข้าไปถ่ายรูป 1000วอนนะคะ
มีสองเจ้าค่ะ สวนติดกันแล้วแต่สดวกเลยค่ะว่าจะถ่ายสวนไหน มีเกาอี้น่ารักๆสีสันสดใสให้นั่งถ่ายอละอีกสวนมีซุ้มดอกไม้ ต้นส้มด้วยค่ะ

ถ่ายเสร็จแล้วเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ ประมาณ 400เมตรจะเจอป้ายรถบัสจ้า
ภาพนี้ถ่ายจากป้ายรถบัส เห็นภูเขานั้นไหม๊
เราเดินมาจากตรงนั้น
ซึ่งตรงข้ามกับป้ายรถคือ광치기해변 เป็นชายหาด ที่หินเป็นสีเขียวสวยงาม และยังมองเห็น Seongsan Ilchulbong 성산일출봉 สวยมากกกกกกกจ้า
สถานีต่อไป Jeju Folk Village
ระหว่างรอรถบัสก็ได้เพื่อนใหม่เป็นคนเกาหลีหนึ่งคน ซึ่งจะไปสถานที่เดียวกัน สื่อสารแบบเกาหลี งูๆปลาๆ ที่เรียนมา
ออนนี่จะไปที่เดียวกันเลยอาสาเป็นไกด์ให้ด้วย

ขึ้นรถบัสจากป้าย Gwangchigi Beach (ฝั่งตรงข้ามหาดนะคะ) สาย 201ไปยัง Jeju Folk Village ลงที่ป้าย Pyoseon Transfer ใช้เวลา ประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นเดินต่อประมาณ 1 กก.
แอบไกลนิดๆๆ แต่เดินผ่านริมชายหาดมาแล้วชื่นใจ หายเหนื่อยกันเลยทีเดียว
ถึงแล้วออนนี่ก็ซื้อบัตรเข้าชมให้อีก ตายๆๆๆแบบนี้รักเลยจ้า
ค่าเข้า 10000วอน

ก็จะแบ่งเป็นหลายโซน มีดอกไม้หลากหลายชนิดให้ชม มีบ้านแบบเกาหลีโบราณให้เข้าชม
รวมทั้งโซนเครื่องเล่นเกาหลีโบราณ พิพิธภัณฑ์แดจังกึมด้วย และอื่นๆอีกมากมาย
แบตหมดทั้งโทรศัพท์และกล้องเลย ได้แต่เดินๆๆชม เลยได้รูปมาไม่กี่รูปเอง

เดินชมจนเหนื่อย หิวแล้ววววว ออนนี่พาไปกินร้านอาหารเกาหลี แถวๆๆนี้ บอกเลย จะพลาดแฮมุลทังไม่ได้ และมักกอลี รสส้ม ฉบับเชจู เชจูแท้ๆๆ
맛있어요. 감사합니다 อิ่มแล้วกลับได้จ้า
ไปขึ้นรถบัสที่ทางเข้า Jeju Folk Village สาย 220 ขึ้นป้ายแรกไปลงป้ายสุดท้ายที่ Jeju bus terminal ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
แล้วต่อรถบัสไปพัก สาย 315 /332 ประมาณ 15นาที
การนั่งบัสที่นี่รู้สึกแป๊ปเดียวเองค่ะ เพราะวิวสองข้างทางสวยมากๆ

ก่อนเข้าที่พักแวะตลาดข้างหน้าหากินข้าวและซื้อของมานั่งกินเล่นๆ
นอนๆๆพรุ่งนี่ออนนี่นัดไปเที่ยวอีก ชัลจาโย

วันที่
3

2018.03.15
วันนี้ออนนี่อาสาพาเที่ยว
ออกเดินทางไปยัง Jeju bus terminal เพื่อขึ้นรถบัสไปลงที่ 한담동 สาย 202 ใช้เวลา 1ชั่วโมง
บอกเลยว่าแถวนี้คาเฟ่ดีๆ วิวหลักล้านเยอะมาก แต่ฝนตกเลยวิ่งเข้ามาใน Jeju damda 제주,담다
เป็นคาเฟ่ติดทะเล มีสองชั้น แนะนำชั้นที่สองวิวดีมาก สั่งกาแฟร้อนๆๆนั่งจิบรอออนนี่ กับวิวทะเลสวยๆ พร้อมสายฝนโปรยปราย วันนี้ข้าเป็นนางเอก

ออนนี่มาแล้วววววว
แม้ฝนจะตก ท้องฟ้ามืดครึ้มที่นี่ยังดูสวยมากๆๆค่ะ ทะเลตอนฝนตก ก็สวยไปอีกแบบค่ะ
บอกได้เลยว่าเกาะเชจูเป็นสวรรค์ของชาวคาเฟ่ เพราะมีค่าเฟ่น่ารักๆๆมากมาย วิวดีๆ เรียงรายให้เลือกมากมาย บอกเลยว่าเลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียว
ส่วนราคา แอบแพงนิดๆๆค่ะ

จากพยากรณ์อากาศวันนี้ ตกยังคงตกโปรยปรายไปเรื่อยๆๆ อากาศช่วงนี้ประมาณ 5-12องศา เย็นมากๆๆค่ะ ความหนาวเย็นไม่ใช่อุปสรรคเลย แต่ลมแรงนี่สิ ตัวปลิววววเลยเจ้าค่ะ เรื่องจริงไม่ได้โม้ เกาะเชจู มี3อย่างที่ต้องเจอคือ หิน ลม ผู้หญิง #เพื่อนเกาหลีบอกมา
สักพักพวกเราไปต่อกันที่ Hallim park 한림 공원 โดยนั่งแท็กซี่ไปเพราะว่าฝนตก
ไปถึงแล้วซื้อบัตรเข้า ราคา 11000วอน
ในนี้มีดอกไม้นาๆชนิด และหมู่บ้านวัฒนธรรม ให้ได้เรียนรู้ และถ่ายรูปสวยๆๆ มีอุโมงค์ใต้ดินด้วย ข้างในหนาวมากๆๆ
มาเดือนนี้พลาดทิวลิปไป แต่ก็ยังมีดอกไม้มากมายให้ชม #ท้องฟ้ามืดครึ้มเลยไม่ค่อยได้ภาพสวยๆเลยวันนี้ ใครที่ชอบดอกไม้ห้ามพลาดที่นี่นะออเจ้า

ชมดอกไม้เสร็จ ออนนี่พาเดินไปที่ Hyeopjae Beach 협재해수욕장
โดยมีถนนเล็กๆๆอยู่ฝั่งตรงข้ามทางเข้า ที่ Hallim park 한림 공원 เดินตรงไปประมาณ 300ม
ทะเลที่นี่มันดีมากกกเลย
แต่ลงว่ายน้ำช่วงนี้ไม่ได้นะคะ ปกติเขาจะลงเฉพาะซัมเมอร์ค่ะ
เดินตามริมหาดไปเรื่อยๆๆก็มาถึงร้านอาหารร้านดัง ร้านแนะนำ ออนนี่บอกว่ารายการทีวีมาถ่ายที่นี่บ่อย
ในร้านสามารถมองออกไปเห็นทะเลสวยๆๆได้
มือนี้ของเรา อร่อยมากกก ชีวิตดีดี๊ อะไรประมาณนี้

กินข้าวเสร็จก็เดินมาชมวิวทะเล ที่Hyeopjae Beach 협재해수욕장 ถ่ายรูปแล้วแยกย้ายกันกลับ พรุ่งนี้ออนนี่กลับโซลแล้ว ต้องเที่ยวคนเดียวเช่นเคย
ปล.หาดนี้สวยมากๆทรายนุ่มๆขาวๆ

วันที่
4

2018.03.16
วันนี้ฟรีๆๆๆไม่เน้นสถานที่มากๆๆ เน้นนั่งบัสชมรอบเกาะ
แต่สถานที่แรกที่จะแวะนั่นคือ Woljeong-ri Beach월정리해변
นั่งสายจากDongmun Rotary 316/325/410-1
ไปลง Goeunimoreu Jeju National Museum
จากนั้นเปลี่ยนสาย 201 ไปลง ป้ายWoljeong-ri 월정리
แล้วเดินข้ามถนนไปจะเห็นเซเว่นอยู่ตรงข้ามอีกฝั่ง เดินต่อไปเรื่อยๆๆประมาณ 600เมตร ข้างทางปลูกพืชไร่ ปลูกผัก สวยไปอีกแบบ ในที่สุดก็ถึงหาด

วันนี้คลื่น ลมแรงมาก เน้นว่าลมแรงมากเลย
จนไม่สามารถถ่ายภาพสวยๆได้ แต่ก็ยังมีเหล่าออนี่มาถ่ายรูปกันไม่ขาดสาย ขอแนะนำว่าช่วงซัมเมอร์เหมาะกว่าจ้า หาดนี่มีกังหันลมด้วย และคาเฟ่น่ารักน่ารักเยอะมากๆๆ
ถ้ามาเชจูก็อย่าลืมมาหาดนี้นะคะ รับรองไม่ผิดหวัง #แนะนำทะเลเชจูช่วงซัมเมอร์นะคะ

เคยเจอฉากนี้ในรายการเกาหลี คือมันสวยมาก แต่ตอนนี้ลมแรงเกินที่จะมาสามารถถ่ายรูปตัวเองได้
จากตรงนี้ใกล้กังหันมากๆๆ รู้สึกอยากให้แดดเปรี้ยงอย่างกับประเทศไทยก็ตอนนี้ เพราะมันจะสวยมากๆๆ
จุดเด่นหาดนี้ มีเก้าอี้เป็นสีสันน่ารักๆ จุดถ่ายรูป กังหันลมอันใหญๆ ค่าเฟ่วิวดีๆๆสวยๆ ปิ๊งเลย ใครที่กำลังหาที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง ที่นี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือก

ก่อนไปสถานีต่อไปแวะๆๆๆกินรามย็อนทะเล
ราคา 8000วอน ที่คุ้มมากๆๆ
อร่อย หอยปูแบบเต็มไม่กั้ก คือต้องลองสักครั้ง มีแบบเฉพาะปลาหมึกก็มีค่ะ ทีหลากหลายแบบให้เลือก เสริฟพร้อมกับกิมจิ

ลืมแนะนำอีกอย่าง คือ HERSHEY HOT CHOCO
อันนี้ซื้อมาจากเซเว่น มันอร่อยมากๆๆไม่แน่ใจว่าที่ไทยมีหรือยัง คืออากาศเย็นเครื่องดื่มร้อนๆๆ หวานหอมอร่อย แก้วนี้เลย
หลังจากกินอิ่มแล้วว เดินไปยังป้ายรถบัสที่มาก่อนหน้านี้ ข้างหน้ามีร้านอาหารเยอะแยะมากมาย
ปล.เวลาถามทางให้ถามกับวัยรุ่นนะคะ ถามลุงป้ายาย แกจะรัวเกาหลีใส่แบบต้องขอใหม่อีกรอบ แต่ป้าๆยายๆน่าร๊ากมากค่ะ ช่วยสุดตัวเลย

จากนั้นจากรถบัส201 ไปยัง Gwangchigi Beach อีกรอบเพราะลืมถ่ายวิดีโอเก็บภาพสวยๆๆมาฝาก มันสวยแวะอีกสักรอบจ้า
จุดนี้ก็เป็นอีกจุด ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเชจู
จากนั้น 201เช่นเดิม ไปยัง Seogwipo Bus Terminal นั่งชมวิวไปเรื่อยๆๆๆ บอกเลยว่าซอกวีโพ มีสวนส้มเยอะมากๆๆๆ

ในตัวเมืองของซอกวีโพ ระหว่างที่นั่งรถผ่านมา วิวส่วนใหญ่เป็นสวนส้ม ภูเขา ทะเล จะต่างจากฝั่งเชจูที่ต้นส้มเยอะมากๆๆๆ แอบนึกถึงจูยูลิน ตอนไปขโมยส้มพระเอก 55555
นั่งรถบัสกลับ ที่พัก ผ่านเส้นทางขึ้นฮันราซานด้วย Hallasan National park วิวดีมากๆๆ
คืนสุดท้ายกินให้สุด และซื้อของฝากให้พร้อมจ้า ไปซื้อที่ตลาดดงมุนกันจ้า อยู่ตรงข้ามที่พักนี่เอง
บอกเลยว่าช็อกโกแล็ต ลูกลม ราคาถูก มีที่รสส้ม ชาเขียว อื่นๆๆมากมาย อาหารทะเลทั้งแห้งและสด ผลไม้ขึ้นขื่อของเกาะนี้ คือส้มๆๆๆ

วันที่
5

2018.03.17
เช็คเอ้าท์ และก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพที่พักดีๆๆมาฝาก สีเหลืองๆๆนี่คือที่พัก สามารถเข้าไปดูรูปเพิ่มเติมในเว็ปข้างบนที่แป๊ะไว้นะคะ รูปตรงความจริงๆๆสวยๆๆสดวก ราคาถูก ที่ตั้งดีมากๆ แถมพนักงานหล่อๆ

แผนที่แผ่นนี้กับ naver map ก็สามารถเที่ยวรอบเกาะอย่างไม่หลงได้แล้วค่าา แนะนำถ้าหลงทางไม่รู้ว่าอยู่ไหน ให้หาป้ายรถบัสให้เจอ คันไหนมาขึ้นเลยไม่ต้องสนใจค่ะ ขึ้นไปก่อนเพราะในบัสเชจูมีไวไฟทุกคัน เชื่อมแค่ครั้งแรก ต่อไปเชื่อมเองอัติโนมัติ แล้วค่อยเปิดแอพ naver map บอกเลยว่าแม้ไม่รู้ภาษาเกาหลี ก็ชิลๆได้ แนะนำวันหนึ่งวางแพลนไว้ไปสัก2-3ที่ และดูแผนที่ประกอบการวางแผนเที่ยว

คงต้องบอกบายๆๆเชจู
แต่เริ่มชินกับการใช้ชีวิตที่นี่แล้วววว ไม่อยากกลับเลย
ข้อความจากออนนี่ อยากเที่ยวชมดอกไม้ต้องมาปลายมีนา ถึงปลายเมษา เที่ยวทะเลต้องมาซัมเมอร์ ท้ายสุดแล้วเชจูสวยทุกฤดูเลยจ้าออเจ้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ รีวิวอาจจะไม่ค่อยละเอียด แต่พอได้ไกดฺไลน์ไว้ให้คราวเกี่ยวกับการเดินทางแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่จะมาเที่ยวเชจูน๊า
#ภาพอาจหลายโทนหน่อยเค้าแต่งไม่เป็น 감사합니다 คัมซาฮัมนีดา

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)

    รีวิวที่คล้ายกัน

    ทริปที่ใกล้เคียง

    ไอเดียที่ใกล้เคียง