เวียงจันทน์ วังเวียง ตามฉบับคนชอบเที่ยวแบบชิลล์ๆ 4 วัน 3 คืน

แพลนคร่าวๆก็ประมาณนี้นะคะ เวลาบินก็ไม่ได้สวยเท่าไหร่
แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าพาคุณแม่มานั่งชิลล์ต่างประเทศละกัน
(คุณแม่มีแซวว่า พูดเหมือนพาไปไกลมาก 555+)
เวลาพาคนแก่ไปเที่ยวต่างประเทศ เค้าจะดูตื่นเต้นนะคะ
ไม่ว่าลูกจะพาไปไกลหรือใกล้แค่ไหน แววตาเค้าจะดูมีความสุขเสมอ
ถ้าใครที่ชอบเที่ยว ลองพาคุณพ่อ คุณแม่ ติดสอยห้อยตามไปด้วยก็ดีนะคะ
เราจะรู้สึกว่าเรามีความสุขแบบบอกไม่ถูกจริงๆ

Day 1

ทริปนี้เป็นทริปแรก ที่เราสามารถนอนตื่นสายๆ ไปสนามบินสายๆ
เรียกได้ว่าชิลล์ตั้งแต่ยังไม่ออกจากบ้านกันเลยทีเดียว
เนื่องจากเราบินไฟท์บ่ายโมง ไปถึงลาวก็บ่ายสองกว่าๆ
ซึ่งตอนแรกเราจะเดินทางไปวังเวียงวันนี้เลย แต่รถเที่ยวสุดท้ายหมดบ่ายสอง
เลยคิดว่าไม่ทันแน่ๆ เลยเลือกที่จะพักที่เวียงจัทน์ก่อนหนึ่งคืน
เนื่องจากทริปนี้สายชิลล์ วันนี้เราจะแค่เดินเที่ยวประตูไซ แล้วก็ Night Market ค่ะ
ป่ะ ไปเดินเที่ยวกันค่ะ

ก่อนจะไปถึงประตูไซ เราได้แวะถ่ายรูปนี้มา
จากที่หาข้อมูลมา ที่นี้คือหอวัฒนธรรมแห่งชาติลาว
เอาไว้สำหรับจัดงานหรือกิจกรรมที่สำคัญๆ

จากที่เดินผ่านมาหลายๆที่ สถานที่ราชการ หรือพวกธนาคารต่างๆ
ที่นี่เค้าออกแบบอาคารไว้สวยมากๆ มีเอกลักษณ์ประจำชาติ
ขนาดร้านพิซซ่ากับสเวนเซ่นส์ เค้ายังสามารถสร้างให้กลมกลืนกับสถานที่ได้

Patuxai (ประตูไซ)
GPS 17.9707495,102.6187702

ตอนแรกว่าจะไปพระธาตุหลวงด้วย แต่พอถึงที่พักแอร์เย็นๆ
แล้วยิ่งกินอิ่มๆ หลับซิคะ นอนกันเพลิน ไม่มีใครปลุกใคร
เดินไปถึงประตูไซก็ประมาณ 5 โมงเย็นได้แล้วค่ะ เป็นช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตก
แสงกำลังสวย เราใช้เวลาเดินมาประมาณ 15 นาทีได้ค่ะจากที่พัก

แชะรูปคู่กะคุณแม่ซักหน่อย

เนื่องจากไปถึงก็เย็นมากแล้ว เค้าปิดประตูที่สามารถเดินขึ้นไปบนประตูไซได้
เลยอดค่ะ กะว่าจะมาถ่ายวิวเมืองมุมสูงซักหน่อย เลยได้แต่แหงนถ่ายเพดานมา เศร้า

รูปตอนเดิน Night Market เราไม่ได้ถ่ายมาเลย มัวแต่พาแม่หาของกิน
เนื่องจากที่พักรับจองรถบัสไปวังเวียง เราเลยไม่ต้องไปขึ้นรถที่ขนส่ง
สามารถจองบัสจากที่พักได้เลย ราคาตกอยู่ที่คนละ 80,000 กีบ
พนักงานจะขับรถกอล์ฟมารับถึงหน้าที่พักเลย แล้วพาไปส่งที่จุดขึ้นรถ
พรุ่งนี้เราได้รถรอบ 9.30 น. ก็น่าจะถึงวังเวียงช่วงบ่ายๆ คืนนี้นอนเก็บแรงเตรียมตัวเมารถดีกว่าค่ะ 555+

Day 2

เนื่องจากวันนี้รถดีเลย์ จากที่จะออกตอน 9.30 น. ปาเข้าไป 11.00 น.
กว่าจะถึงวังเวียงก็ประมาณ 4 โมงเย็น ผิดแผนไปหมด
จากเท่าที่ถามคนขับรถมา ระยะทางจะประมาณแค่ 150 กิโลเมตรเท่านั้น
แต่ด้วยทางที่ยังไม่ค่อยดี แล้วช่วงที่เราไปทำถนนเข้าไปอีก มันก็เลยต้องใช้เวลานานกว่าจะถึง
ขนาดเราเป็นคนไม่ค่อยเมารถเท่าไหร่ ยังไม่ไหวเลยค่ะ ซัดยาแก้เมากับแม่ไปคนละเม็ด
ไม่งั้น คงมีใครซักคนได้อ้วกกันแน่ๆ
มาถึงวังเวียงสิ่งแรกที่อยากทำมากๆตอนนี้ คือเช็คอินที่โรงแรม แล้วนอนค่ะ 555+
แถ่น แทน แท๊นนนน

อันนี้เป็นวิวหน้าที่พักเราค่ะ ค่อยหายเหนื่อยหน่อย
ที่พักชื่อ Phoxay Ngam Resort จะอยู่ออกมาค่อนข้างไกลจากวังเวียง
ที่พักจะเป็นเครือเดียวกับ Champalao The Villa ที่อยู่ในตัวเมืองวังเวียง
ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าจะเดินทางลำบากนะคะ เพราะรีสอร์ทจะมีรถรับ-ส่ง แขกที่เข้าพัก
รู้สึกรถจะรับส่งแขกเที่ยวสุดท้ายประมาณ 5 ทุ่มค่ะ
ใครที่พักที่ Phoxay Ngam สามารถมาเช็คอินที่ Champalao The Villa ก่อนได้เลย
แล้วเดี๋ยวจะมีพนักงานประสานงานให้รถมารับเราไปส่งรีสอร์ทได้ค่ะ
ไปดูวิวที่พักกันดีกว่าเนอะ

Day 3

วันนี้ออกจากที่พักประมาณ 10 โมง เนื่องจากฝนตกหนักมาก
จากที่คิดว่าจะซื้อทัวร์ เราเลยเปลี่ยนแผนเป็นเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ดีกว่า
เพราะถ้าซื้อทัวร์ล่องห่วงยาง คงจะหนาวน่าดู เลยไม่ขอเสี่ยง
เลยพาคุณแม่กับแฟนไปแวํนมอไซค์กันค่าาา
จากที่เดินสอบถามราคาหลายร้าน รถเกียร์ธรรมดาจะถูกกว่า
ราคาจะอยู่ที่ 50,000 กีบ ส่วนออโต้ ราคา 80,000 กีบ
เราเลือกแบบออโต้ แต่ต่อราคามาได้ 70,000 กีบ ไม่รู้ใครได้ถูกกว่านี้ไหม
รีบไปแว๊นดีกว่า ก่อนฝนจะตกลงมาอีกรอบ

ถ้ำจัง
GPS 18.9098387,102.4425249

สะพานส้มๆเห็นแต่ในรูปมานาน วันนี้มาเจอของจริง ยืนถ่ายอยู่นานมากๆ
แล้วยิ่งวันนั้น มีเด็กๆลาว มาทัศนศึกษากันด้วย เลยต้องรอจังหวะที่คนไม่ค่อยมีนานหน่อย
ระหว่างทางก่อนเดินขึ้นถ้ำจัง ก็จะมีของกินขาย
ใครกลัวว่าจะเดินขึ้นถ้ำเหนื่อย แนะนำให้แวะเติมพลังกันก่อนได้ค่ะ

ก่อนจะเดินขึ้นถ้ำจัง จะมีน้ำตกเล็กๆ น้ำใสมากๆ สามารถกระโดดเล่นได้
ตอนเราไปจะมีเด็กๆวิ่งมาขอตัง แต่ถ้าเค้ารู้ว่าเราไม่ให้ เค้าก็ไม่ตื๊อนะคะ น่ารักดีค่ะ

อันนี้ทางเดินขึ้นถ้ำจัง จริงๆมันไม่ได้สูงมากขนาดเดินไม่ไหวนะคะ
แต่มันค่อนข้างชัน ช่วงที่ไปฝนก็ตก เกือบลื่นก้นกระแทกพื้นแล้วมั๊ยล่ะ

ข้างในถ้ำก็จะมีหินงอก หินย้อย สวยดีค่ะ มีประกายเพชรๆด้วย

เดินเข้ามาจนสุดทาง จะมีที่ให้ชมวิว เห็นวิวนี้แทบอยากจะยืนดูนานๆ

ก่อนจะกลับก็แชะวิวอีกซักรูป

เห็นก้อนเมฆครึ้มๆมาแต่ไกล เรากลัวว่าฝนจะตกหนัก รีบขี่ไปเวียงธารากันดีกว่าค่ะ
อย่างน้อยถ้าติดฝน ก็ยังมีข้าวกิน มีวิวสวยๆให้นั่งมอง

เวียงธารา
GPS 18.921347,102.4427141

เนื่องจากกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเลยแวะทานข้าวที่เวียงธารากันก่อน
สำหรับคนที่ไม่ได้เข้าพักที่นี่ สามารถมาทานอาหารได้นะคะ
แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เข้าพักเราไม่รู้ว่าเข้าไปถ่ายได้ไหม ตรงที่เป็นสะพาน
พอเราทานเสร็จพนักงานบอกว่าเข้าไปถ่ายรูปได้นะครับ ไอ้เราก็เกรงใจ
เลยเดินเข้าไปแชะมา 3-4 รูป พอเป็นพิธีพอ
จริงๆตอนแรกก็กะว่าจะมาพักที่นี่ แต่ดันจองไม่ทันคนอื่นเค้า ถามช้าเกินไป เลยเต็มซะก่อน

เป็นน้ำส้มที่อร่อยที่สุด วิวดีที่สุดเท่าที่เคยกินมา 555+

วันนี้แทบจะเรียกได้ว่า เที่ยวหลบฝนกันเลยทีเดียว
ถือซะว่าเราไม่ได้พกดวงมาละกัน เจอฝนทั้งวัน แว๊นจนหัวเปียกไปหมด
ที่สุดท้ายเราจะไปบลูลากูนกันค่ะ

บลูลากูน
เนื่องจากปัจจุบันมีถึง 3 บลูลากูน เราเลยไม่รู้ว่าไอ้ที่เราไปเนี่ยอันที่เท่าไหร่

แอบดูเวลา บวกกับฟ้าใกล้มึด เราเลยรีบกลับกันดีกว่า
เพราะเดี๋ยวเราจะจอดแวะถ่ายรูปวิวระหว่างทางด้วย
อันนี้เป็นวิวระหว่างทางนะคะ แทบอยากจะจอดทุกๆ 10 เมตรเลยทีเดียว 555+

จากที่ยืนๆถ่ายรูปกันอยู่ มีนางแบบไม่ได้รับเชิญเดินผ่านหน้ากล้องซะงั้น
จริงๆทั้งฝูงก็เดินอ้อมหลังหมดนะ ทำไมสองนางถึงแหกคอกแบบนี้ 555+

หลังจากคืนรถเช่าแล้ว เราไปเดินเที่ยวแถวๆบาร์ริมน้ำกันดีกว่าค่ะ
คนค่อนข้างคึกคักกันพอสมควร ช่วงเย็นๆร้านค้าเริ่มพร้อมใจกันเปิด
ไปดูบรรยากาศยามเย็นกันบ้างดีกว่า ว่ามีอะไรให้เราเที่ยวบ้าง

เดินผ่านตลาด เค้ายังตั้งไม่เสร็จเลย แต่ก็พอมีคนมาเดินบ้างประปราย

เดี๋ยวเราจะไปเดินหาอะไรกินริมน้ำซองกันค่ะ ไปกันเล้ยยย

หมดเวลาสนุกแล้วค่ะ ที่เค้าว่าความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ
เพราะพรุ่งนี้เราต้องกลับกรุงเทพแล้ว รถตู้ที่เราจองไว้จะมารับประมาณ 9.30 น.

Day 4

ได้เวลากลับบ้านแล้ว นั่งกินอาหารเช้าไปก็ใจหาย
ทำไมเวลาที่เรามีความสุขมันผ่านไปเร็วจัง
อย่างน้อยก็ได้กินอาหารเช้าท่ามกลางวิวสวยๆก่อนกลับ ก็มีความสุขมากๆแล้ว

ก่อนกลับ เราขอให้รถตู้แวะจอดให้เราถ่ายรูปแป๊บนึง
แป๊บเดียวจริงๆค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวเราจะไปไม่ทันขึ้นเครื่อง

ขอปิดท้ายกระทู้ด้วยภาพนี้นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนจบ
ถ้าเกิดรีวิวนี้พาดพิงถึงใครที่ทำให้เสียหาย
ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ขอบคุณจริงๆค่ะ