รีวิว

แบกเป้เที่ยว วังเวียง 3 วัน 2 คืน

VangVieng, Laos
วันออกเดินทาง 19/02/2016
วันเดินทางกลับ 21/02/2016
จำนวนผู้ร่วมทริป ผู้ใหญ่ 4 คน
งบประมาณเฉลี่ยต่อคน 1,001 - 5,000 บาท
บันทึกเพิ่มเติม แบกเป้ไปเที่ยววังเวียงกันฮะ
499K views
วันที่
1

ทริปนี้เราจะไปเที่ยววังเวียง 3 วัน 2 คืน โดยข้ามไป สปป.ลาวทาง จ.หนองคาย น่าจะเป็นเส้นทางที่ไปวังเวียงได้ใกล้ที่สุด บินโฉบจากกทมไปลงที่สนามบินอุดรธานี และต่อรถตู้ไปบขส.หนองคาย เพื่อต่อรถบัสข้ามไปสปป.ลาว รถบัสระหว่างประเทศไทย-ลาว จาก อุดรธานี – หนองคาย – วังเวียง วันนึงจะมีรถวิ่งไป-กลับ อย่างละเที่ยว
จากอุดรธานี – วังเวียง เวลาออก 8.30 น. ราคา 320 บาท
จากหนองคาย – วังเวียง เวลาออก 10.00 น. ราคา 270 บาท
เที่ยวกลับจากวังเวียง – อุดรธานี เวลาออก 09.00 น.
ถามว่า เรานั่งเครื่องมาลงที่อุดรฯ แล้วทำไมไม่ขึ้นรถบัสที่อุดรฯ?
เพราะไฟล์ที่มาถึงไม่ทันรถบัสที่อุดรฯ ก็เลยต้องนั่งรถตู้เหาะมารอรถบัสที่ บขส.หนองคายแทน สามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้ขายตั๋วรถบัสระหว่างประเทศ แต่ต้องใช้ Passport ในการซื้อ เราเคยโทรมาถามที่บขส.ว่าสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้รึป่าว? คำตอบ คือ ไม่ได้ฮะ

//อัพเดตข้อมูลเพิ่มเติม ตอนนี้มีคนมาบอกแล้วว่า สามารถจองตั๋วรถบัสจากอุดร – หนองคาย – วังเวียงได้ล่วงหน้าแล้ว ต้องขอบคุณจริงๆ ที่มาบอกฮะ ^^

เมื่อมาถึง ก็ซื้อเสบียง เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ไม่นานรถบัสก็มาถึง รถบัสที่นี่จะมี 2 แบบ คือ รถบัสฝั่งไทย และรถบัสฝั่งลาว ของเราได้นั่งรถบัสฝั่งลาว ตั๋วที่เราได้มันไม่ได้กำหนดที่นั่ง ใครขึ้นก่อนเลือกก่อนเลย ส่วนเราขึ้นรถช้า แถมมีคนนั่งจากอุดรฯ เยอะพอสมควร ก็เลยได้นั่งที่พิเศษข้างคนขับรถ แถมมีองครักษ์เป็นพนง.ประจำรถ นั่งเป็นแบ็คอีกหนึ่งคน หน้าตาคนขับรถคล้ายจาพนมเลยฮะ ถ้าทำให้เค้าโมโห งานนี้คงโดนก้านคอกันบ้างละ 555+ นั่งรถบัสข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แปปเดียวก็ถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทย เราต้องลงไปยื่นเอกสารขอเข้า-ออกเมืองกันก่อน อะไรสำคัญๆ ก็อย่าลืมพกติดตัวลงไปด้วยนะฮะ

ขั้นตอนการยื่นเอกสารเข้า สปป.ลาว ไม่ยากอย่างที่คิดนะฮะ
1. เตรียม Passport : สามารถเข้า-ออกได้ทุกด่าน อยู่สปป.ลาวได้ 30 วัน
*ถ้าไม่มี Passport ต้องทำบัตรผ่านแดนนะฮะ ขอทำได้ที่ว่าการอำเภอเมืองที่มีชายแดนติดกับ สปป.ลาว โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชน และเสียค่าธรรมเนียม 40 บาท สามารถพำนักอยู่ได้ 3 วัน 2 คืน แต่ไม่สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ที่กำหนด เช่น หากข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จากจ.หนองคายไป นครหลวงเวียงจันทน์ จะไม่สามารถเดินทางไปแขวงอื่นได้ เช่น วังเวียง หลวงพระบาง เป็นต้น หากละเมิดจะถูกจับในข้อหาเดินทางออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต และจะต้องจ่ายค่าปรับขั้นต่ำ 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ถ้าไม่ได้ไปสปป.ลาว แบบ เช้า-เย็นกลับ ใช้ Passport ชัวร์ที่สุดฮะ)

2. เมื่อมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทย ลงจากรถและพุ่งไปหยิบใบตม.มากรอกก่อนเลยฮะ เตรียมปากกาไว้ด้วยก็ดี จะได้ไม่เสียเวลา จากนั้นก็ไปต่อคิวยื่นเอกสารขอออกจากไทย (ถ้านั่งรถบัสของไทย พนง.อาจจะแจกใบตม. แต่ของเราต้องเดินไปหยิบที่เคาน์เตอร์เองฮะ)

3. เมื่อตรวจเอกสารเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปขึ้นรถบัสคันเดิม (อย่าไปขึ้นผิดคันละ 555+ ถ้ากลัวขึ้นผิดคัน ก็ถ่ายรูปรถพร้อมหมายเลขข้างรถไว้เลยฮะ) รอจนครบทุกคน รถถึงจะออก ขับต่อไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งลาว

4. ลงจากรถบัสก็เทคตัวพุ่งไปประทับตรา Passport กันก่อน จากนั้นก็เดินไปซื้อบัตร One Way Ticket ราคา 1,000 กีบ หรือประมาณ 4 บาท ถ้ายังไม่ได้แลกเงิน เราก็ต้องจ่าย 5 บาท เพราะเค้าจะไม่ทอน จุดที่ขายบัตรต้องข้ามถนนไป

5. ขั้นตอนสุดท้ายหลังจากผ่านด่าน ตม. เราจะเจอตู้ไว้สำหรับเสียบบัตร One Way Ticket (มันจะไม่คืนบัตรให้นะ) และจะเดินผ่านห้องน้ำ ถ้าใครจะเข้า ก็เข้าก่อนเลย ค่าบริการ 5 บาท หรือ 1000 กีบ และจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยก่อนเข้า สปป.ลาวอีกครั้ง เท่านี้เราก็ไปขึ้นรถกันได้เลย

เมื่อนั่งรถมาได้ระยะนึง เค้าก็แวะจอดรถให้เรายืดเส้นยืดสาย และหาอะไรรองท้องก่อนจะออกเดินทางต่อ (ส่วนเราซื้อเสบียงตั้งแต่อยู่ฝั่งไทยไว้แล้ว)

หลับๆ ตื่นๆ ก็มาถึงวังเวียง ประมาณ 3-4 โมง คือเค้าจะมาปล่อยเราลงที่จุดจอดรถบัส และให้เรานั่งรถต่อเข้าวังเวียงอีกที นั่งฟรีนะฮะ แค่บอกว่าจะไปลงที่ไหนเค้าก็ไปส่งที่นั่น ส่วนเราลงที่หน้าที่พัก Malany Villa ซึ่งอยู่กลางเมืองวังเวียงเลย ตรงข้ามที่พักก็มีร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์และร้านอาหาร ถ้าพูดถึงความสะดวกถือว่าโอเค แต่ถ้าพูดถึงความน่าพักหลายๆ คนคงเลือกที่อื่น 555+ แต่สำหรับเราก็ถือว่าโอเคสำหรับราคาที่จ่าย

หลังจากเก็บกระเป๋าก็เช่ามอเตอร์ไซค์ตระเวนบริเวณรอบๆ วังเวียงกันก่อนที่จะค่ำ และหาซื้อทัวร์ที่จะพาเราไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ คือเราสามารถเลือกทริป เพิ่มกิจกรรม และต่อราคาได้ตามความสมควรเลย ทัวร์ที่เราเลือกจะอยู่ใกล้ที่พัก ซึ่งเป็นทัวร์เล็กๆ เดินออกจากที่พักไปประมาณ 200 เมตร ทริปของเราในวันพรุ่งนี้ คือ ไปถ้ำช้าง ถ้ำน้ำ พายเรือตามแม่น้ำซอง และไป Blue Lagoon + อาหารเที่ยง 1 มื้อ ราคาตกคนละ 600 กว่าบาท มีรถมารับ-ส่งถึงที่พัก

บรรยากาศตอนเย็นที่ริมแม่น้ำซอง มีร้านริมน้ำให้เรานั่งแกว่งขาตีน้ำเล่น จิบเบียร์ลาว จกส้มตำลาวกับข้าวเหนียวและหมูลาวย่าง เม้ามอยจนถึงค่ำก็ขับรถกลับไปในตลาด แวะกินเบอร์เกอร์และโรตีกันอีก อยากจะบอกว่าอาหารที่กินมาตลอดทริป มีเบอร์เกอร์นี่แหละอร่อยที่สุด 555+

ขอเล่าถึงที่พักหน่อยนะฮะ พนักงานพูดไทยได้และบริการดี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่ง มีคนเอเชียบ้างนิดหน่อย ตอนดึกๆ ได้ยินเสียงฝรั่งโวยวายหนวกหูมาก ภายในห้องดูวังเวง มีเตียง โทรทัศน์ แอร์เย็น และห้องน้ำที่น้ำเย็นบ้างร้อนบ้าง

วันที่
2

วันนี้อากาศตอนเช้าดีมาก สดชื่น อุณหภูมิ 8 องศา ตื่นมาอาบน้ำเจอน้ำเย็นเข้าให้นี่สะดุ้งเลยนะ 555+ แต่ก็กำลังสบายๆ เลยล่ะ ก่อนออกไปเที่ยวกับทัวร์อย่าลืมบอกพนักงานให้จองรถบัสขากลับ (วันพรุ่งนี้) ไว้ก่อนนะเพราะถ้าจองตอนเย็นรถอาจจะเต็มได้และต้องค้างอีกคืนหนึ่ง คือถ้าจะกลับวันไหนก็บอกพนักงานให้จองล่วงหน้าก่อน 1 วัน หลังจากเรากินอาหารเช้าบริเวณที่พัก เราก็ไม่รอให้รถมารับ ก็เลยเดินไปที่ทัวร์แทน นั่งรอจนรถมารับและออกเดินทางกันเลย รถจะขับไปยังถ้ำช้าง ซึ่งเป็นจุดแรกที่เราจะไปเที่ยว

สภาพรถที่เรานั่งมา ที่นี่จะมีห้องน้ำด้วยนะฮะ เสียค่าเข้าไม่แน่ใจว่า 2000 กีบ/ครั้ง

ไกด์จะเรียกมารวมพลและแจกเสื้อชูชีพให้ก่อนออกเดินทาง เราจะเดินผ่านสะพานแขวนเส้นนั้นและถึงถ้ำช้าง ใกล้มากๆ

เดินข้ามแม่น้ำซองมาละ สีเขียวใสและเย็น

และนี่คือ ถ้ำช้างที่เดินเข้าไปแค่ปากถ้ำ จะมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ และเราก็ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะคนยืนกันเยอะมาก

ไกด์อธิบายความเป็นมาอะไรเสร็จก็เดินกันต่อไปยังถ้ำน้ำ ระยะทางก็ไม่ไกลมาก ผ่านหมู่บ้านคนและเรือกสวนไร่นา

และนี่คือจุดที่เราจะได้หย่อนก้นแช่น้ำล่องห่วงยาง (Tubing) เข้าถ้ำน้ำ ภายในถ้ำมืดมาก เราจะล่องห่วงยางไปตามเชือกที่เค้าผูกยึดไว้เป็นเส้นน้ำทาง น้ำในถ้ำบางช่วงลึก บางช่วงตื้นด้านล่างเป็นพื้นทราย น้ำใสและเย็นมากๆ และเป็นที่น่าเสียดายที่เราไม่มีกล้องประเภทกันน้ำ จึงไม่ได้เก็บภาพด้านในมาฝาก แต่ระหว่างทางสนุกมาก นอกจากมองไม่เป็นอะไรแล้ว เราก็ได้แท็กมือกับคนที่สวนทางกลับออกมาทุกคน เค้าจะส่งเสียงทักทาย ตีน้ำใส่กัน บอกตรงๆ ว่า ล่องห่วงไปสักประมาณสิบห้านาที เค้าก็ให้เทคตัวกลับ หลังจากออกมาก็ยังงงอยู่ว่า นี่กรุเข้าไปทำอะไร 555+ เฮ้ย! แต่มันสนุกมากเลยฮะ (ปลายทางไม่สำคัญเท่าระหว่างทางจริงๆ)

หลังจากออกมาจากถ้ำน้ำ ก็มานั่งกินอาหารเที่ยง ซึ่งประกอบไปด้วยข้าวผัด บาร์บีคิวหมูและขนมปัง ในระหว่างนี้สำหรับคนที่เลือกกิจกรรม Zip Line เค้าก็จะให้โหนสลิงตอนนี้ละฮะ

ช่วงบ่าย เราก็จะเดินกลับไปที่จุดจอดรถและจะได้พายเรือล่องแม่น้ำซองกันฮะ เป็นระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ก่อนพายเรือไกด์จะเรียกมารวมพล อธิบายการพายเรือและเหตุการณ์ในกรณีฉุกเฉินต่างๆ ถ้าใครพายไม่เป็นหรือใครพาเด็กไปก็บอกไกด์ เค้าก็จะมีไกด์ไปกับเราด้วย จะดูแลแบบตัวต่อตัวกันเลยฮะ แต่ถ้าใครชำนาญแล้วก็คงอยากพายเองสินะฮะ ^^

พายเรือมาสักแบบยังไม่ทันสนุก เค้าก็หยุดพักที่ร้านแห่งหนึ่ง เหมือนให้เราหยุดมานั่งพัก กิบเบียร์ เล่นบาสอะไรประมาณนั้น ประมาณ 15 นาทีก็ไปพายเรือกันต่อ

ระหว่างทางก็จะมีช่วงน้ำนิ่ง น้ำเชี่ยวนะฮะ ด้านล่างเป็นหินก้อนใหญ่ ยังไงก็ต้องระมัดระวังและอย่าสนุกจนลืมตัวนะฮะ

จุดสิ้นสุดของการพาย คือ ใต้สะพานที่ข้ามไป Blue Lagoon ซึ่งเค้าจะขับรถมารับเราที่นี่ ใครที่จบทริปแค่นี้เค้าจะพาไปส่งที่พัก และสำหรับเราที่ได้ไปต่อ ก็ได้ขึ้นรถอีกคันหนึ่ง เป็นรถขนาดเล็กกว่าเดิมเพราะไม่ต้องขนเรือไปด้วย นั่งเบียดกันจนเต็มคันก็ออกเดินทางต่อ ระหว่างทางไป Blue Lagoon เป็นทางลูกรัง ดินแดง คนขับซิ่งมากเหมือนควายหาย (ต้องรีบไปหาควาย) ฝุ่นตลบอบอวล ลงจากรถก็ได้ท็อปปิ้งดินแดงเต็มหัวเลยฮะ 555+ อย่าไปแคร์ฮะ เดี๋ยวเราจะลงไปกระโดดน้ำล้างหัวกันที่ Blue Lagoon

จุดนี้ไกด์บอกว่า เป็นจุดที่น้ำเย็นกว่าที่แม่น้ำซองเพราะเป็นต้นน้ำ สีฟ้าสวยเลยละฮะ และไฮไลท์ของ Blue Lagoon คือการมากระโดดน้ำนี้ละฮะ ซึ่งก็มีสองขั้นให้กระโดด เราลองไปกระโดดขั้นบนสุดดูฮะ ตอนยืนด้านล่างก็ดูไม่สูงมากนะ แต่พอไปยืนจริงๆ เฮ้ย! สูงหวะ 555+ ตูม! กระโดดใส่ปลาในน้ำ รบกวนความสงบของธรรมชาติ แม่เจ้า! น้ำเย็นเป็นบ้า แช่น้ำได้แปปเดียวต้องขึ้นเลยฮะ หนาวปากสั่น มือสั่นไปหมด

อีกด้านหนึ่ง มีที่นั่งพักไว้กินอาหารและห้องน้ำ นอกจากนี้ก็ยังมี Zip Line ให้โหนด้วย สูงกว่าที่ถ้ำน้ำ

จบทริปด้วยฝุ่นติดหัวขากลับอีกรอบ 555+

เมื่อมาถึงที่พักเราก็อาบน้ำและเดินไปหาอะไรกินตอนค่ำ เจอร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยวด้วยฮะ สุดท้ายก็จบด้วยบะหมี่บ้านเรา ของส่วนใหญ่จะเป็นของนำเข้าจากไทย ราคาก็จะแพงกว่าปกติ ก่อนกลับเข้าที่พักเราไปติดต่อร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไว้ว่า พรุ่งนี้เช้ามืดเราจะเช่ารถขับไปถ้ำจัง

วันที่
3

เช้าวันที่สาม อากาศเย็นนะ เราก็ยังตื่นมาอาบน้ำก่อนจะไปปลุกเจ้าของร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ขับรถแหวกอากาศเย็นๆ ตลอดทางยังมืดสลัว บ้านช่องยังปิดสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่มันเป็นเช้าที่สดชื่นมากๆ ฮะ

เมื่อมาถึงสะพานแดงก็เริ่มเห็นแสงพระอาทิตย์และสายหมอก ตลอดทางเดินไปยังถ้ำจังไม่มีใครเลยฮะ

บริเวณทางเข้าถ้ำจัง มีน้ำตกด้วยฮะ อากาศเย็นมากๆ เราเดินหาทางเข้าถ้ำไม่เจอ แต่เมื่อเจอทางเข้า ประตูปิด เค้ายังไม่เปิด!! นี่กรุมาเช้าเกินไป!! ไม่ได้เช็คเวลาเปิดมาซะด้วย 555+ สุดท้ายก็แอบปีนรั้วขึ้นบันไดไปนั่งกินขนมปังชมพระอาทิตย์สาดแสงกันฮะ

เมื่ออิ่มหน่ำสำราญกันแล้วก็ขับรถไปใต้สะพาน (จุดสิ้นสุดการพายเรือ)

สะพานที่ข้ามไป Blue Lagoon

เก็บบรรยากาศยามเช้าที่วังเวียงมาฝากกันฮะ

อยากแนะนำว่าถ้าใครมีเวลามากกว่านี้ก็อยู่ต่ออีกสักวันก็ดีนะฮะ จะได้เที่ยวให้ครบ ^^
และก็มาถึงช่วงเวลาเดินทางกลับกันฮะ ช่วง 8 โมงครึ่งมีรถมารับเราจากที่พักไปส่งที่สถานีรถบัส

จุดขึ้นรถบัสฮะ เป็นรถไทย ขากลับเรารีบขึ้นรถเพราะจะได้นั่งแบบสบายๆ หน่อย อย่าลืมนะฮะ มาก่อนได้ที่นั่งก่อน

ระหว่างการเดินทางและกำลังจะเคลิ้มหลับ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น รถเสียฮะ!! หลายคนเดินลงจากรถมานั่งรอ เหมือนว่าต้องเปลี่ยนสายพานอะไรสักอย่างไม่แน่ใจ ใครปวดห้องน้ำก็เดินเข้าป่าไปเลยจ้าา

นอกจากจะได้เข้าห้องน้ำธรรมชาติแล้วก็ได้ภาพนาข้าวลาวมาด้วย 555+ หลังจากนี้เราก็สลบไปเลยจนมาถึงด่านตรวจฯ

ขอจบรีวิวไว้ด้วยภาพแมวลาวนะฮะ ^^ ขาดตกบกพร่องประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยฮะ

ฝากเพจ Travel of Cats ด้วยนะฮะ
ถ้าไม่ได้อ่าน เข้าไปดูผ่านๆ ก็ได้ฮะ >> https://momijiko.wordpress.com/

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)

    รีวิวที่คล้ายกัน

    ทริปที่ใกล้เคียง

    ไอเดียที่ใกล้เคียง