ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวผมนะครับ ถ้าชื่นชอบอย่างไรรบกวน Like Facebook Fan page ของผมด้วยนะครับ www.facebook.com/littleduckinthefog ครับ
ความเดิมตอนที่แล้วจาก Disneyland Paris ตามอ่านได้ที่
goo.gl/72CFaM (เดินตามหาตะวันในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ Disneyland Paris)
หลังจากที่เราเที่ยว Disneyland Paris และ เดินดูแหล่ง Shopping ที่ La valle village แล้ว ผมก็ไม่รีรอที่จะเดินไปหยอดตั๋ว RER จาก Val D Europe Station เพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟ SNCF (TVG) ที่ Gare de Lyon Station ครับ ค่าตั๋ว 6.9 euro ครับค่าตั๋วรถไฟ TGV 122 euro ครับ เมื่อผมมาถึง Gare de Lyon ก็เงยหน้ามองที่ board เลยครับทุกอย่างจะเป็นภาษาฝรั่งเศสเกือบทั้งหมดนะครับ แต่ก็พอเดาได้ครับว่า เราต้องไปขึ้นรถไฟที่ Hall ไหนชานชาลาไหน (voie) นะครับ
เมื่อมาถึง Geneva ก็เกือบ 21:30 ครับผ่าน Security boarding เค้าก็แค่ขอดู passport แล้วก็ Merci ครับ ตลอด 3 วันต่อจากนี้ ผมเลือกเข้าพักที่ Hotel Cristal design ครับที่เลือกเพราะว่าอยู่ใกล้ Geneve Cornavin Station มากๆครับ วิธีการไปโรงแรมมี 2 เส้นทางเดินครับ ลงจากรถไฟมาจะเจอร้าน Migros Supermarket ลงบันไดเลื่อนตรงร้านนั่นแหละครับ แล้วเดินเลี้ยวขวามาเรื่อยๆตามทาง สุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายครับ จะเป็นประตูทางออก หน้าประตูทางออกมี H&M Shop อยู่ทางด้านซ้ายครับ เดินไป 10 เมตรจากทางออกก็ขึ้นบันไดไป 5-6 ขั้นก็จะถึง Hotel Cristal Design ครับ ทางที่ 2 ก็เดินข้ามถนนมาทางร้าน Berger Holy Cow อะไรซักอย่าง ผมจำชื่อร้านไม่ได้ครับ ขาย Berger เนื้อวัวเดินตรงเข้ามาในซอยแล้วเลี้ยวขวาครับ มันก็จะไปโผล่หลัง Shop H&M ก็จะไปบรรจบกับทางแรกพอดีครับ
ส่วนของปลายที่นอนครับ มีชั้นวางของ กาน้ำร้อน ทีวี พร้อมครับ
ส่วนของห้องน้ำครับ
ที่นี่พอเรา Check-in ที่โรงแรมเค้าจะให้ Free Transport Public Card ให้เราตามจำนวนวันที่เราอยู่ครับ โดยจะครอบคลุม Bus Tram Taxi boat และ Train ที่วิ่งอยู่ในขอบเขตในเมือง Geneva ครับ เราสามารถใช้บัตรนี้ได้ทั้งหมดครับ วันนี้มาถึงก็ดึกแล้วครับ ขอตัวนอนก่อนดีกว่าเนอะ พรุ่งนี้จะพาไปเดินชมเมือง Geneva กันครับ
อ้อ อ้อ อ้อ นึกขึ้นได้ ก่อนนอนมาคุยเรื่องปลั๊กไฟกันก่อนดีกว่าครับ ผมก็อุตส่าห์เตรียมตัวไปอย่างดีเรื่องปลั๊ก แต่สุดท้ายก็ไม่รอด เนื่องจากปลั๊กไฟที่นี่จะเป็นปลั๊กซึ่งเป็นบล๊อค 6 เหลี่ยมมี 3 แง่ง ที่ผมเตรียมไปมันเสียบไม่ถึง พรุ่งนี้ก็เลยต้องไปเดินตามหาตัว Converter กันครับแพงพอตัวเลยครับ สนนราคา 16.9 Euro ครับ
รุ่งเช้าวันที่ 22 Dec 2015 (8 โมงเช้ายังไม่สว่างเลยนะตัวเธอ พระอาทิตย์ลืมขึ้นรึเปล่า?) เมื่อมาเที่ยวเจนีวาก็ต้องมาที่ Broken chair เก้าอี้สามขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่หน้าองค์การสหประชาชาติ UN โดยนั่ง Tram สาย 15 จากสถานี Geneve cornavin นั่นแหละครับ ลงป้ายสุดท้ายคือ Nation (นาซิยงเค้าออกเสียงแบบนี้นะครับ) สะดวกมากๆครับ แต่ดูป้ายดีๆก่อนนะครับรถรางที่เราจะขึ้นไปไหน
และแล้วก็มาถึง UN จร้า.... ฟ้าออกจะหม่นๆนิดๆ แต่อากาศก็สดชื่นมากๆ อยากให้สูดหายใจให้เต็มปอดครับ มันสุดยอดจริงๆ
ตัดมาเข้าเรื่องอาหารการกินกันบ้างดีกว่าครับ ค่าครองชีพที่นี่แพงหูฉี่ครับ กินแมคกัน 2 คนก็มื้อละเกือบ 1000 อ่ะครับตีไปเลย แต่ส่วนใหญ่ผมจะฝากท้องกับสินค้าใน Supermarket Migros กับ Coop ครับราคาเป็นกันเองดี เที่ยงวันนี้หลังกลับจาก UN ผมก็มาซื้อของฝากและอาหารการกินที่สองที่ที่ผมกล่าวไปแหละครับ
ช่วงบ่ายวันนี้ slow life แบบสบายสบายเดินเล่นชิวชิวในแหล่ง Shopping Centre จากสถานีเจนีวาเราก็เดินตรงดิ่งลึกไปทางทะเลสาบเจนีวาซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
สถาปัตยกรรมข้างทางใน Geneva ครับ
เดินอ้อมมาตรงริมทะเลสาบ Geneva ครับเจอแก๊งเจ้าถิ่นตัวเบ้อเริ่มเลยครับ
ผมเดินเล่นเพลินๆจนถึง แหล่ง Shopping ในตัวเมืองก็จะมี Shop Brand name ดังๆเรียงรายอยู่ตามท้องถนน และก็มีบางที่แทรกไปด้วยของท้องถิ่น มีร้านขายหนังสือมือสองด้วย น่ารักดี หนังสือดีๆและถูกๆมากมายครับ หนอนหนังสือ แนะนำเลยครับ
เดินชมนกชมไม้ชมวิวไปจนถึงแหล่ง Shopping Center ที่นี่ตอนเย็นคนจะเยอะหน่อยก็จะมีสินค้าแบรนด์เนมมากไปช็อปต่างๆเรียงรายอยู่ตามท้องถนน แต่บอกเลยราคาก็ไม่ได้จะเป็นกันเองมากมายออกจะโหดด้วยซ้ำครับ แน่นอนเจนีวาติดอันดับค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก ก็คงตามนั้น
เดินมาสักพักเดินมั่วๆ มาก็จะมาทะลุตรงสวน Jardin Anglais ที่ติดกับทะเลสาบเจนีวาพอดีก็จะพบกับน้ำพุที่สูงมากชื่อ Jet 'do และ flower clock garden ที่อยู่ในสวน Jardin Anglais อากาศดีชิวๆ ชวนให้นั่งเล่นยันค่ำแล้วจึงกลับโรงแรมครับ
ขากลับร้านค้าประดับประดาดวงไฟ Christmas ละลานตาสวยงามมากครับ
ร้าน Chocolate ใน Shopping Underground ใกล้โรงแรมครับ
23 Dec 2015 วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่เจนีวาแล้วครับ เนื่องจากว่าพรุ่งนี้เราจะเดินทางต่อไปที่ปลายฟ้าความฝันของทริปนี้นั่นก็คือเมืองแห่งขุนเขาและขนมหวานที่ชื่อ Chamonix เพื่อไปขึ้นยอดเขา Mont Blance ครับ
วันนี้ก็เลยจะพาไปเที่ยวที่ Parc des bastion และเดินเล่นในเมืองครับ จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากมายหรอกแต่เห็นในหนังสือที่โรงแรมมีกระดานหมากรุกเหมือนในเวียนนาด้วยก็เลยไปเยี่ยมชมซะหน่อย มาดูเรื่องการเดินทาง นั่งรถรางสาย 15 จาก Gare Geneve cornavin ไปลงสถานี cirque จริงๆแล้วมันก็คือ Circus นั่นแหละครับในบริเวณนั้นจะเป็นพื้นที่ของสวนสนุกกลางแจ้ง นึกถึงโรงละครสัตว์อ่ะครับ นั่นแหละใช่เลย เมื่อลงมาจาก Tram ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนน Place de nueva ตรงไปก็จะเป็นสวนบาซิยงแล้วล่ะครับ ใน Parc des bastion มีก็ด้านหมากรุกใหญ่ให้เล่นเกือบ 10 กระดานและยังมีลานสเก็ตน้ำแข็งย่อมๆ ให้เด็กๆเล่น ice sketch อย่างสนุกสนานและยังมีรูปปั้นต่างๆที่น่าสนใจอีกมากมายครับ
กระดานหมากรุกฝรั่ง เรียงรายกันสวยงามสบายตา อย่างกับอยู่ใน Vienna ฮ่าๆๆ
ลาน Ice Sketch ย่อมๆให้เด็กๆมาเล่นกันครับ
ผนังสถาปัตยกรรมใน Parc des Bastion ครับ
เดินย้อนกลับมาจาก Parc de bastion รอบๆสวนสนุกที่ลงป้ายcirque นั่นแหละครับ รอบๆสวนสนุกจะรายล้อมไปด้วยร้านของเก่าขายของมือสองเพียบ มีทั้งร้านของเล่นรถต่างๆเสื้อผ้าของเก่า เอาง่ายง่ายเลยคงเหมือนกับตลาดนัดรถไฟของเรานี่เองแต่ถ้าจาก Parc des bastion ถ้าไม่อยากเดินย้อนก็นั่ง Tram สาย 12 หรือ 18 ที่หน้าสวนได้เลย และลงสถานีหน้าคือ Plainpalais
ร้านนี้เป็นร้านของเล่นครับ ผมก็สอยมาหลายอย่างอยู่ครับ
เดินจนเมื่อยก็กลับมาโรงแรมพักสักนิด แล้วเดี๋ยวจะพาไปน้ำพุ Jet d'Eau ผมเรียกภาษาไทยว่าน้ำพุเจตโด้ แต่ก่อนจะไป Jet d'Eau ผมขอพาทุกท่านไปแวะที่ Basilique Notre-Dame de Genève เป็นโบส์ถที่อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟนั่นแหละครับ ถ้าหันหน้าออกสถานีรถไฟ โบส์ถจะอยู่ทางด้านขวาครับ
ภายใน Basilique Notre-Dame de Genève ครับ
ป่ะเมื่อเสร็จสรรพจากภารกิจที่ Basilique Notre-Dame de Genève แล้วเราก็จะเดินทางไป Jet ' Deau กันเลยครับ
การเดินทางไปก็ไม่ยากครับ จาก Train station geneve cornavin ก็เดินตรงลึกเข้าไปทางทะเลสาบเจนีวา นั่นแหละ ถ่ายได้ทุกมุมตรงทะเลสาบนี้ก็จะมี เรือtaxi สีเหลืองไว้คอยบริการเป็นเรือข้ามฟากครับ มีบัตร Free transportation Geneva ก็ขึ้นฟรีครับ (แต่สำหรับแฟนผม No...ฮ่าๆ เธอเป็นโรคกลัวน้ำ) แล้วเราก็มานั่งเล่นใน Jardin anglais ที่มี Flower clock ที่ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปอีกรอบ ก็เก๋ๆไปอีกแบบ
เราก็ไปหาที่นั่งตรงริมทะเลสาบครับ นั่งจนแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าหนาวนิดๆ ในบรรยากาศ ซึมๆโรยๆ นะแจ่มแมวไปเลยทีเดียวเชียว ก่อนจะกลับโรงแรมเดิน Shopping อีกรอบละกันครับ
ติดตาม Chamonix - Mont Blance เป็นตอนต่อไปครับ
ก่อนจบมีลูกติดพันหน่อยนึง ที่นี่ผู้คนสามารถพาหมูหมากาไก่ ออกมาเดินตามท้องถนน เดินเล่น เข้าสวนสาธารณะ เข้าห้าง ขึ้นรถไฟ เข้าร้านอาหารก็ได้ สืบเนื่องจากตามท้องถนนทั่วไปเค้าจะมีกระดาษหรือถุงเก็บขรี้นั่นเอง ประกอบกับผู้คนเค้ามีความรับผิดชอบพอที่เวลาหมาตัวเองขรี้แล้วต้องเก็บ ...อ้อที่นี่ไม่เห็นหมาหรือแมวไม่มีเจ้าของซักตัว
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)