โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ชอบธรรมชาติมากครับ อาจจะเนื่องมาจากที่ผมโตมากับวิถีชีวิตเด็กต่างจังหวัด ถ้าให้เลือกระหว่างการเที่ยวแบบช้อปปิ้งกับเที่ยวแบบธรรมชาติ ผมจะเลือกอย่างหลังซะส่วนใหญ่ สวิตเซอร์แลนด์จึงเป็นประเทศในฝันของผมเลยก็ว่าได้ ถ้าได้เห็นทุ่งหญ้าสีเขียวสวยๆ วิวพาโนรามาแจ่มๆ สูดอากาศสดชื่นบนยอดเขาสูงๆสักลูกที่เทือกเขาแอลป์ มันคงจะที่สุดแล้วในชีวิตนี้.
และแล้ว...ผมก็มีโอกาสมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์จนได้ครับ :-)
ผมนั่งสายการบินหางแดงเจ้าถิ่น ไม่ใช่แอร์เอเชียนะครับ 55555 Swiss Air ครับ มาลงที่ซูริค (Zurich)
ผมเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เองครับ ว่าซูริคไม่ใช่เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์แต่เป็นเมืองเบิร์น (ความรู้วิชาสังคมศึกษาของผมช่างน้อยนิดเหลือเกิน ไม่รู้ครูให้ผ่านมาได้ไง 55555) แต่ซูริคเป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของสวิส ส่วนศูนย์ราชการต่างๆจะอยู่ที่เบิร์น
วิวที่เห็นในภาพแรกด้านล่างไม่ใช่ซูริคนะครับ เป็นเมืองเมืองหนึ่งตอนเครื่องกำลังลดระดับลงก่อนจะลงจอดประมาณ 20 นาที
พอเครื่องลงจอดแล้วเดินไปชั้นล่างสุดครับเพื่อไปขึ้นรถไฟ ตามป้ายคำว่า Bahn/Train ไปเลย
เวลาซื้อตั๋วผมแนะนำซื้อจากพนักงานนะครับ เพราะภาษาหลักๆของสวิตเซอร์แลนด์ใช้ภาษาเยอรมันถ้าซื้อจากตู้เหมือนคุณลุงคุณป้าฝรั่งอาจจะงงๆ กว่าจะหาเมนูเจอ ส่วนเมืองที่ติดๆกับฝรั่งเศษก็จะใช้ภาษาฝรั่งเศษ เมืองที่ติดกับอิตาลี่ก็จะใช้ภาษาอิตาลี่ครับ
ส่วนมากคนก็พูดภาษาอังกฤษได้ครับ แต่บางคนพูดไม่ได้ก็มี เคยไปถามยามที่สถานีรถไฟที่ซูริคเขาก็พูดอังกฤษไม่ได้หรือเขาอาจไม่ใช่คนสวิสเพราะยุโรปตะวันออกมาทำงานที่สวิสก็เยอะครับ
เสร็จแล้วลงไปชั้นล่างๆุสุดเพื่อรอขึ้นรถไฟเข้าเมืองซูริคกันเลยครับ พยายามมองตารางรถไฟก่อนจะลงมาชั้นล่างนะครับ ไม่งั้นจะเหมือนผม ต้องขึ้นบันไดเพื่อข้ามไปอีกชาญชลา กระเป๋าก็หนัก T-T
นั่งรถไฟมาประมาณ 20 นาทีก็มาถึงสถานีซูริคล่ะครับ จะเหมือนเดินอยู่ในสยามพารากอนก็ไม่ต้องงงนะครับ ให้ขึ้นไปชั้นบนสุด เพราะเขาทำเป็นช้อปปิ้งมอลล์ด้านล่าง ประมาณ 2-3 ชั้น ไม่อยากบอกว่าผมเดินวนหาทองออกไม่เจอ 55555
ใครอยากแลกเงินก็ชั้นบนเหมือนกันครับ ชั้นล่างๆไม่มี เพราะผมหลงจนเดินทุกซอกทุกมุมล่ะ 5555
ออกมาจากสถานีรถไฟผมก็จะเดินไปโรงแรมครับ ต้องเดินข้ามสะพานไปประมาณ 400 ม. แนะนำให้จองโรงแรมแถวๆนี้แหละครับ สะดวก วิวก็สวย เป็นเขตเมืองเก่า เดินตามแม่น้ำไปที่ทะเลสาบน่าจะเป็นวิวสวยที่สุดในเมืองแล้วละครับ
รูปด้านล่างเป็นสถานีรถไฟซูริคครับ
วิวรอบๆ เดินจากสถานีรถไฟ
หลังจากพักจนหายเหนื่อยแล้วเริ่มหิว เพราะกว่าจะถึงโรงแรมก็ห้าโมงกว่าๆแล้ว เลยออกหาไรกินครับ
ที่ถ่ายรูปนี้มาไม่ใช่ว่ามันสวยนะครับ แต่จะมาบอกว่า อย่าสั่งเด็ดขาด ย้ำอีกครั้ง อย่าสั่ง!!! 5555555
มันก็คือ สนิชเซล (schnitzel) หรือหมูชุบเกล็ดขนมปังทอดนั้นเอง ซึ่งรถชาติไม่อร่อย แป้งไม่กรอบ ไม่รู้จะบรรยายยังไง ที่เข้าไปร้านนี้เพราะหิวเจอร้านไหนก็เข้าร้านนั้นเลย แล้วเมนูเขาก็ไม่ค่อยมีอะไรมากทั้งๆที่ร้านก็ไม่ใช่เล็กๆ ซึ่งผมเดินจากซ.เล็กๆซึ่งเป็นถนนคนเดินด้านหลังเข้าไปในร้าน พอนั่งไปสักพักมีวงดนตรีและนักร้องขึ้นบนเวทีเสียงดังมากเพราะอยู่ถัดไปอีกแค่โต๊ะเดียว ไม่นึกว่าร้านอาหารฝรั่งจะมีนักร้องนักดนตรีมาร้องคาราโอเกาะเหมือนสวนอาหารบ้านเรา T-T
ผมต้องนั่งกินอาหารห่วยๆแต่โคตรแพงกับเสียงเพลงที่ดังแสบแก้วหู
แล้วที่พีคที่สุดคือตอนพนักงานมาเก็บเงิน มีเก็บค่าฟังเพลงคนล่ะสามร้อยบาท!!!!
เพลงที่ผมอยากจะเอาหูฟังมาปิดหูไว้ตอนกินข้าว แต่ต้องจ่ายค่าฟังสองคนก็หกร้อยบาท
รวมค่าอาหารสองจานกับเครื่องดิ่มสามแก้ว ต้องจ่ายประมาณสามพันบาท บริการก็แย่ ไม่เคยกินอะไรแล้วรู้สึกไม่คุ้มที่สุดในชีวิตเท่านี้มาก่อน พูดมาแล้วแค้น 555555
ต้อนรับผมวันแรกได้ดีจริงๆ
เสร็จแล้วเดินสำรวจเมืองกันเลยครับ ผมเริ่มเดินจากริมแม่น้ำลงไปยังทะเลสาบ
วันนี้คนเยอะเต็มถนนนะครับ เพราะเขามีพาเหรดคนรักเพลงอิเล็กทรอนิกส์ งานจัดไปตั้งแต่บ่ายๆจนถึงเที่ยงคืน ขยะเลยเต็มถนนแต่เดี่ยวพรุ่งนี้ก็หายวับไปกับตายังกับเวทมนต์ ถ้าเป็นบ้านเราก็เหมือนมีเวทมนต์เหมือนกันครับ...เหมือนมีคนเสกมาเพิ่ม 55555
ผมเดินไปจนถึงสะพานที่ขั้นระหว่างแม่น้ำกับทะเลสาบนะครับ น้ำที่นี้จะใสออกเขียวหยกเนื่องจากไหลมาจากบนภูเขา ถ้าจะบอกว่าสีมรกตมันก็ไม่มีสีน้ำเงินปนเหมือนที่เราเห็นที่บ้านเรา ผมเลยเรียกสีเขียวหยกละกันครับ :-)
เดินๆไปเจออาหารไทยด้วย เสียดายน่าจะเจอเร็วกว่านี้ แต่ราคาก็แพงครับ ราดแกงแบบบ้านเรา 30-40 บาท ที่นี้ข้าวราดบนจานกระดาษ/พลาสติก แบบที่คนเสื้อแดงๆถือ จานละ 15 ฟรังส์ ก็ประมาณ 600 บาท
เดินกลับมาแถวๆสถานีรถไฟแล้วครับ บรรยากาศสวยดี ด้านหน้าสถานีรถไฟจะเป็น shopping street นะครับ มีแบรนด์เนมต่างๆ
เบเกอรี่ที่สถานีก็น่าจะอร่อยครับ มีหลายร้านให้เลือกนะครับ
วันแรกของสวิตเซอร์แลนด์ ผมขอจบด้วยรูปวิหารโกรสส์มึนสเตอร์(Grossmunster) ซึ่งจะมีหอคอยคู่เป็นสัญลักษณ์ เดี่ยวพรุ่งนี้ผมจะพาขึ้นไปดูบนยอดหอคอยครับ
บรรยากาศตอนเช้าๆ มองออกไปจากระเบียงก็เห็นโบสถ์สวยๆละครับ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จผมเริ่มเดินไปแถวๆ Zähringerstrasse ซึ่งน่าจะเป็นถนนคนเดินในย่างเมืองเก่า ไม่ไกลจากที่พักของผมมากครับ เป็นซอยเล็กๆ มีร้านอาหารและโต๊ะนั่งสองข้างทาง
เดินจนมาถึงวิหารโกรสส์มึนสเตอร์(Grossmunster)
ด้านในวิหารครับ เดี่ยวขึ้นไปดูวิวจากด้านบนกัน
เข้าชมวิหารฟรีนะครับ แต่ถ้าจะไปดูวิวด้านบนต้องจ่าย 4 เหรียญ ผมคิดว่าถูกมากเลยครับ ถ้าเปรียบเทียบกับค่าคลองชีพที่นี่ ทานข้าวแกงจานหนึ่งก็เกือบๆยี่สิบเหรียญล่ะ
ก่อนจะขึ้นไปก็เตรียมพร้อมกันก่อนนะครับ เพราะทางขึ้นทั้งแคบชันและวน กว่าจะถึงข้างบนผมก็หน้ามืดไปหลายรอบล่ะ ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที
บรรยากกาศเมืองซูริคจากมุมสูงครับ หลังคาตึกเก่าๆ ทะเลสาบสีเขียว
จากมุมนี้เราจะเห็นเมืองแบบพาโนราม่าเลยนะครับ คุ้มมากๆ จ่าย 4 เหรียญ วิวหลักล้าน 5555555
บรรยากาศรอบๆวิหาร วิวติดแม่น้ำ
ที่เห็นหลังคาเขียวๆนั้นคือ Church
Kirche Fraumünster หรือ Church of Our Lady ซึ่งเป็นโบสถ์ที่มีชื่อด้านความสวยงามด้านในประดับด้วยกระจกสี (Stain Glass)
จากที่มีงานเมื่อวานนะครับ ยังมีลังไม้จากร้านข้างๆ สวยไปอีกแบบ
วันนี้ผมนัดเพื่อนคนไทยที่อยู่ซูริคไว้แถวๆสะพานที่ทะเลสาบ ระหว่างรอก็เดินชมวิวไปเรื่อยๆครับ
หลังจากเจอเพื่อนแล้วไปนั่งเรือชมวิวที่ทะเลสาบกันครับ
ค่าตั๋ว 8.6 เหรียญต่อคน ใช้เวลาเกือบๆ 3 ชม.ครับ ถือว่าคุ้มมากๆ ใครมาซูริคต้องมานั่งให้ได้นะครับ
จากด้านหลังทำให้เห็นวิวทั้งเมืองและทะเลพร้อมลมเย็นๆ
ระหว่างทางก็มีรับคนขึ้นมาบนเรือด้วยครับ
บนดาดฟ้าเรือครับ แดดๆแบบนี้ไม่ร้อนเลย
จบการรีวิวสำหรับ EP 1 แล้วนะครับ พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปเมืองดาโวส
สำหรับซูริคผมให้คะแนน 7/10 ครับ ไม่ให้เต็ม 10 เพราะเนื่องจากของโคตรของโคตรแพง 555555 และส่วนตัวถ้าให้เปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆในยุโรป ตึกรามบ้านช่องยังไม่โดดเด่นพอสำหรับผมครับ แต่ส่วนที่ชอบคือทะเลสาบ
เข้าไปติดตามรีวิว EP 2 เมืองดาโวส (Davos) ได้ที่นี่นะครับ
www.govivigo.com/reviews/176-เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์-ดินแดนแห่งขุนเขาและทะเลสาบ%2CEP-22-เมืองดาโวส-Davos
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)