Hokkaido Day คู่มือท่องเที่ยวเกาะฮอกไกโด
ช่วงนี้ภาพยนตร์เรื่องแฟนเดย์ กำลังดังเราขอตามกระแสสักหน่อย ใครที่ไปดูหนังแล้วติดใจกับบรรยากาศดีๆ ทิวทัศน์สวยๆ ของเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นและอยากจะไปเที่ยวบ้าง เรามีหลากหลายข้อมูลมาแนะนำ ไม่ได้มีเพียงสถานที่ท่องเที่ยวที่ปรากฎในหนังเรื่องแฟนเดย์เท่านั้นเพราะไปทั้งทีก็ต้องเที่ยวให้คุ้ม เราจึงได้รวบรวมข้อมูลของเกาะฮอกไกโดตั้งแต่พื้นที่ตอนเหนือไปจนถึงพื้นที่ตอนใต้มาฝาก น่าเที่ยวแค่ไหนตามไปดูกัน
เกาะฮอกไกโดมีสนามบินอยู่หลายแห่งทั่วเกาะ เช่น สนามบินนิวชิโตเสะ เมืองซัปโปโร, สนามบินฮาโกดาเตะ เมืองฮาโกดาเตะ, สนามบินวักกะไน เมืองวักกะไน ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ที่มาเกาะฮอกไกโด มักจะมาเที่ยวเมืองซัปโปโรเป็นเมืองแรก ก็จะบินมาลงที่สนามบินนิวชิโตเสะ และสนามบินนี้ยังมีเที่ยวบินตรงจากไทยบินมาลงอีกด้วย
การเดินทางจากสนามบินนิวชิโตเสะเข้าเมืองซัปโปโร
รถไฟ JR : การเดินทางไปยังเมืองซัปโปโรที่เร็วที่สุดคือวิธีนั่งรถไฟ JR ซึ่งจะออกจากสนามบินไปยังทางซัปโปโรในทุกๆ 15 นาที สถานีรถไฟตั้งอยู่ชั้น B1F ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 1,070 เยน
รถบัส : การเดินทางด้วยรถบัสเข้าเมืองซัปโปโรใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง รถจะออกจากสนามบินทุกๆ 10 - 15 นาที หากต้องการไปยังเมืองหรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นใกล้ๆ ซัปโปโร เช่น โนโบริเบะสึ, มุโรรัง, โฮเบ็ทสึ ก็สามารถนั่งรถบัสจากสนามบินไปได้เลย สถานีรถบัสอยู่ชั้น 1F
การเดินทางท่องเที่ยวในฮอกไกโด มีหลายวีธีด้วยกัน ดังนี้
เครื่องบิน : เหมาะสำหรับคนที่มีงบการเดินทางเยอะและต้องการประหยัดเวลา เกาะฮอกไกโดมีสนามบินอยู่ถึง 12 แห่งทั่วเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่จะรองรับเฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศ
รถไฟ JR : เป็นวิธีเดินทางท่องเที่ยวในฮอกไกโดที่ง่ายที่สุด เพราะมีสถานีอยู่ในทุกเมืองหลักๆ ราคาค่าโดยสารก็มีหลากหลายอีกด้วย
รถไฟใต้ดิน : มีให้บริการเฉพาะในเมืองซัปโปโรเท่านั้น มีรถไฟใต้ดินอยู่ 3สายคือ สายนัมโบะคุ, สายโทไซ และสายโทโฮ เดินรถโดยใช้เส้นทางเดียวกับรถโดยสารประจำทาง
รถราง : มีให้บริการในเมืองใหญ่อย่างซัปโปโรและฮาโกดาเตะ เป็นวิธีการเดินทางหลักสำหรับการท่องเที่ยวในฮาโกดาเตะเพราะเชื่อมต่อไปยังจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ หลายแห่ง
รถบัสข้ามเมือง : ข้อดีคือเป็นวิธีเดินทางที่ประหยัดที่สุดและสามารถไปสถานที่บางแห่งที่รถไฟเข้าไม่ถึงได้อีกด้วย ข้อเสียคือใช้เวลาเดินทางนานที่สุด
แท็กซี่ : การเดินทางด้วยแท็กซี่ในเมืองใหญ่อย่างซัปโปโร ฮาโกดาเตะ โอบิฮิโระ เป็นวิธีเดินทางที่สะดวกมากๆ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าค่าโดยสารก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน และคนขับแท็กซี่ส่วนใหญ่จะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ ดังนั้นถ้าจะเรียกแท็กซี่ต้องเตรียมตัวเรื่องจุดหมายปลายทางให้ดี
- Hokkaido Rail Pass เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนที่เดินทางในฮอกไกโด สามารถใช้ขึ้นรถไฟ JR และรถบัส JR ได้เกือบทุกเมือง
- ฮอกไกโดขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบอาหารสดใหม่และอร่อย เมนูห้ามพลาดคือ อาหารทะเลต่างๆ โดยเฉพาะปู, ราเมง, เนื้อเจงกิสข่าน กินคู่กับเบียร์, ผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม เช่น ผลไม้ นม ชีส
- หลายๆ คนจะรู้จักฮอกไกโดกับภาพหิมะหนา อากาศหนาวเย็น แต่จริงๆ แล้วในช่วงฤดูร้อนฮอกไกโดก็น่าไปไม่แพ้กัน เพราะดอกไม้ในฟาร์มต่างๆ จะออกดอกอวดสีสันสวยงาม
- ฤดูร้อนยังเป็นช่วงที่ลานเบียร์เปิดให้บริการเยอะกว่าฤดูอื่นๆ อีกด้วย
- ถ้าไปเที่ยวฮอกไกโดช่วงฤดูหนาวจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วย เพราะแม้ในวันที่อากาศดีก็มีจะต้องมีการกวาดหิมะ หรือปรับสภาพผิวถนน
- ถ้าเที่ยวในซัปโปโรช่วงฤดูหนาวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินจะสะดวกที่สุด เพราะแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ
ฮอกไกโดเป็นเกาะขนาดใหญ่ มีเมืองตั้งอยู่หลายเมือง แต่ละเมืองบนเกาะฮอกไกโดก็มีความสวยงามและมีเสน่ห์ไม่เหมือนกัน เราได้นำเอาสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของแต่ละเมืองที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดมาฝาก มีอะไรบ้างไปดูกัน
ซัปโปโร (Sapporo)
สวนโอโดริ (Odori Park)
สวนโอโดริสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซัปโปโร เป็นเสมือนโอเอซิสและที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองซัปโปโร ในฤดูใบไม้ผลิมีเทศกาลดอกไลแล็ค ฤดูร้อนมีเทศกาล YOSAKOI โซรันและเบียร์การ์เด้น ฤดูใบไม้ร่วงมีเทศกาลออทั่มเฟส และฤดูหนาวมีเทศกาลหิมะเมืองซัปโปโรอันโด่งดัง
การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสถานีโอโดริ หรือรถไฟ JR ลงสถานีซัปโปโรและเดินต่ออีก 10 นาที
สวนสาธารณะโมเอเระนุมะ (Moerenuma Park)
รูปภาพจาก: ©Y. Shimizu / ©JNTO
สวนสาธารณะตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซัปโปโร ที่สร้างจากการถมทะเล ภายในสวนมีทั้งพีระมิดแก้ว, ชายหาดโมเอเระ, น้ำพุขนาดใหญ่สูงกว่า 48 เมตร, ภูเขาโมเอเระ ที่ในหน้าหนาวสามารถมาเล่นสกีได้ด้วย และยังมีอีกหลายส่วนที่ล้วนออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสายโทโฮ (Toho Line) ลงที่สถานี Kanjo dori higashi จากนั้นต่อด้วยรถบัสสามารถขึ้นได้สองสาย คือ
Chuo Bus [higashi 69] ไป Ainosato kyoikudai eki ลงที่ป้าย Moerenuma koen higashiguchi
Chuo Bus [higashi 79] ไป Nakanuma Shogakko dori ลงที่ป้าย Moerenuma koen higashiguchi
ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (ทำเนียบอิฐแดง)
ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหนึ่งในสัญลักษณ์ของฮอกไกโด อาคารเก่าแก่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1888 ภายในอาคารมีการจัดแสดงข้อมูลสิ่งของที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของฮอกไกโด คนทั่วไปสามารถให้เข้าชมได้ฟรี
การเดินทาง : ลงรถไฟสถานี JR ซัปโปโร เดินต่อประมาณ 8 นาที หรือนั่งรถไฟใต้ดินลงสถานีรถไฟใต้ดินซัปโปโร ทางออกที่ 10 เดินต่ออีกประมาณ 4 นาที
หอนาฬิกาเมืองซัปโปโร (Clock Tower)
หนึ่งในสิ่งก่อสร้างเก่าแก่คู่เมืองฮอกไกโด ชั้น 1 มีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับหอนาฬิกา เช่น การเปลี่ยนแปลงสีของอาคาร และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเมื่อครั้งที่ถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ เป็นต้น
การเดินทาง : จากสถานี JR ซัปโปโร เดินลงมาทางใต้ประมาณ 10 นาที
ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine)
ศาลเจ้านิกายชินโตสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1869 เป็นสถานที่ชมซากุระและดอกบ๊วยยอดนิยมของซัปโปโร ถ้าแวะไปเยี่ยมชมศาลเจ้าอย่าลืมซื้อของฝากขึ้นชื่ออย่าง "จิงกูโนะอุเมะ" เหล้าที่ทำจากบ๊วย และ “จิงกูโนะซากุระ” เป็นชาที่มีจำหน่ายเฉพาะที่สำนักงานศาลเจ้าเท่านั้น
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลงที่สถานี Maruyama Koen ทางออก 2, 3 และเดินต่อไปอีกประมาณ 10 - 15 นาที
ย่านซูซูกิโนะ (Susukino)
ย่านบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด เป็นแหล่งเที่ยวกลางคืนที่มีทั้งร้านอาหาร บาร์ คาราโอเกะ และราเม็งโยโกโจว ถนนสำหรับคนรักซัปโปโรราเม็ง
การเดินทาง : นั่งรถไฟลงที่สถานีซูซูกิโนะ
ตลาดถนนคนเดินทานูกิโคจิ (Tanukikoji)
แหล่งช้อปปิ้งเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ.1869 เหมาะสำหรับซื้อหาของฝากจากฮอกไกโด ตลาดยาวกว่า 1 กิโลเมตรมีร้านค้าทั้งเก่าและใหม่สลับสับเปลี่ยนกันไปอยู่ประมาณ 200 ร้าน สามารถช้อปปิ้งได้อย่างเต็มที่
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานีซูซูกิโนะ และเดินต่อประมาณ 7 นาที
หมู่บ้านประวัติศาสตร์ฮอกไกโด (Historic Village of Hokkaido)
พิพิธภัณฑ์สถานกลางแจ้งที่มีสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าสภาพบ้านเมืองของฮอกไกโดในยุคเมจิ ไทโช เป็นอนุสรณ์ครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งฮอกไกโด สามารถเที่ยวชมหมู่บ้านโดยรถรางเลื่อนเทียมม้าได้
การเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี Shinrin Koen แล้วเดินต่อประมาณ 20 - 30 นาที หรือนั่งรถประจำทางจะใช้เวลาแค่ 5 นาที
สิทธิพิเศษจาก govivigo จองที่พักในฮอกไกโดราคาพิเศษได้ที่นี่
Booking.com
พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum)
ฮอกไกโดเรียกได้ว่าเป็นแหล่งต้นกำเนิดเบียร์ญี่ปุ่น และเบียร์ซัปโปโรก็เป็นเบียร์ยอดนิยมของประเทศเลยทีเดียว ภายในบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเบียร์ในญี่ปุ่น วิธีการผลิต และยังสามารถชิมรสเบียร์คลาสสิกที่ผลิตออกมาใหม่ๆ ได้อีกด้วย
การเดินทาง : ขึ้นรถบัส Loop 88 Factory Line bus ที่สถานีโอโดริ หรือ หน้าห้างสรรพสินค้า Seibu ใกล้กับสถานีซัปโปโร
ย่านน้ำพุร้อนโจซังเค (Jozankei Onsen)
แหล่งน้ำพุร้อนที่เป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่ง เดินทางจากซัปโปโรเพียง 1 ชั่วโมงกว่า นอกจากน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงแล้ว เรื่องความสวยงามของทิวทัศน์ก็เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดคนให้มาเยือนเช่นกัน
การเดินทาง : จากสถานีซัปโปโร นั่งรถ Jotetsu Bus หมายเลข 7 หรือ 8 มายังโจซังเค ออนเซ็น
โอตารุ (Otaru)
คลองโอตารุ (Otaru Canal)
คลองโอตารุเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมือง ช่วงฤดูหนาวในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งจะเป็นช่วงเทศกาล Otaru Snow Light Path Festival บรรยากาศริมคลองจะสวยงามและให้บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ
การเดินทาง : ลงรถไฟที่สถานีโอตารุ เดินไปไม่กี่นาทีจะเจอคลองโอตารุ
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum)
รูปภาพจาก: ©Yasufumi Nishi / ©JNTO
ตั้งอยู่ทางใต้สุดของถนนซาไกมาจิ เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ จัดแสดงเรื่องราวของกล่องดนตรี ภายในยังมีร้านขายกล่องดนตรีหลากหลายแบบให้เลือกซื้ออีกด้วย
การเดินทาง : รถไฟ JR ลงที่สถานี Minami Otaru แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
โกเรียวคาคุ (Goryokaku)
ป้อมปราการรูปดาวขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สามารถมองวิวจากมุมสูงได้จากหอชมวิวโกเรียวคาคุที่อยู่ติดกัน คูป้อมรายล้อมไปด้วยต้นซากุระกว่า 1,600 ต้น ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมซากุระลำดับต้นๆ ของฮอกไกโด
การเดินทาง : เดินทางโดยรถราง 20 นาที มาถึงป้ายโกเรียวคาคุ โคเอ็น-มาเอะ แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
โกดังอิฐแดงคาเนโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse)
โกดังอิฐสร้างขึ้นในปี 1909 ตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวฮาโกดาเตะ ปัจจุบันภายในเป็นร้านอาหารและร้านขายสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะร้านดังที่ขายสินค้าท้องถิ่นของเมืองฮาโกดาเตะ เช่น ร้านฮาโกดาเตะโรมันคัง วากอนช้อป ร้านจำหน่ายตะเกียบ ร้านเซ็มเบ้ปิ้งด้วยมือ และอื่นๆ
การเดินทาง : จากสถานี JR ฮาโกดาเตะ นั่งรถรางสายที่ไปยังยาจิกาชิราหรือโดคคุมาเอะ ลงที่สถานีจูจิไง แล้วเดินต่ออีก 2 นาที หรือเดินจากสถานี JR ฮาโกดาเตะประมาณ 15 - 20 นาที
ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mt. Hakodate)
จุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮาโกดาเตะ ช่วงค่ำจะคนเยอะเป็นพิเศษเพราะจะเห็นวิวเมืองฮาโกดาเตะที่เปิดไฟสว่างดูสวยงาม ทิวทัศน์ยามค่ำคืนบนภูเขาฮาโกดาเตะนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ในฤดูใบไม้ร่วงอากาศมักจะดีทำให้มองเห็นวิวทั่วทั้งเมือง ในฤดูหนาวแสงสว่างจากไฟในเมืองจะสะท้อนลงบนหิมะที่ปกคลุมไปทั้งเมือง ทำให้วิวยามค่ำคืนส่องประกายระยิบระยับยิ่งขึ้นไปอีก
การเดินทาง : เดินทางโดยรถราง ลงที่ป้ายจูจิไกจากนั้นเดินไปยังสถานีโรปเวย์ เพื่อขึ้นกระเช้าไปยอดเขา
อุทยานโอนุมะ (Onuma Quasi-National Park)
อุทยานโอนุมะตั้งอยู่เขตชานเมืองฮาโกดาเตะ ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ เพราะรายล้อมไปด้วยทะเลสาบ ป่า และภูเขาโคมะกะตะเคะที่ตั้งอย่างโดดเด่นอยู่ใกล้ทะเลสาบโอนุมะ เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งนี้ นอกจากจะได้ไปชื่นชมธรรมชาติแล้วยังมีกิจกรรมให้สนุกกันอีกด้วย
การเดินทาง : จากฮาโกดาเตะ นั่งรถไฟ JR Express ประมาณ 20 นาที ลงที่สถานีโอนุมะ โคเอน
ฟุราโนะ (Furano)
ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita)
รูปภาพจาก: ©Yasufumi Nishi / ©JNTO
หนึ่งในฟาร์มลาเวนเดอร์ที่มีชื่อเสียงในฮอกไกโด ซึ่งจะบานช่วงปลายเดือนเมษายนไปจนถึงกลางเดือนสิงหาคม และบานเต็มที่ตลอดเดือนกรกฏาคม นอกจากทุ่งลาเวนเดอร์สวยๆ แล้วภายในฟาร์มยังมีทุ่งดอกไม้อีกหลากหลายชนิด ทั้งสีแดง สีส้ม สีชมพู สีขาว
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Sapporo ขึ้น JR Limited Express Super Kamui ลงที่สถานี Asahikawa จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้น JR Furano Line แล้วไปลงที่สถานี Nakafurano
โนโบริเบทสึ (Noboribetsu)
โนโบริเบทสึ จิโกกุดานิ (Noboribetsu Jigokudani)
จิโกกุดานิหรือหุบเขานรกอยู่ในเมืองโนโบริเบทสึ อีกหนึ่งเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงของฮอกไกโด ภาพของน้ำที่ร้อนจนเดือดทำให้ชาวญี่ปุ่นจินตนาการว่าบริเวณนี้เป็นหุบเขานรกที่มีปีศาจอาศัยอยู่ บริเวณหุบเขามีเส้นทางเดินชมธรรมชาติด้วย
การเดินทาง : เดินเพียง 5 นาทีจากสถานีรถประจำทางโนโบริเบทสึออนเซ็น
อะบาชิริ (Abashiri)
ธารน้ำแข็งอะบาชิริ (Ryuhyo)
ธารน้ำแข็งไม่ได้มีเฉพาะแถบขั้วโลกเท่านั้น ที่ญี่ปุ่นก็มีปรากฏการณ์ธารน้ำแข็งลอยบนทะเล Okhotsk (โอะโฮสึคุ) เช่นกัน ที่อะบาชิริมีทัวร์ชมธารน้ำแข็งซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมคือประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงที่สถานีอะบาชิริ จากนั้นต่อรถประจำทางลงที่ท่าเรือออโรร่า (Aurora Boarding Place)
ทะเลสาบโนโตโระ (Lake Notoro)
ทะเลสาบอยู่ใกล้กับทะเล Okhotsk ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงทั่วทั้งทะเลสาบจะถูกปกคลุมด้วยปะการังหญ้าเหมือนปูด้วยพรมสีแดง
การเดินทาง : จากสถานีอะบาชิริ นั่งรถบัสสาย Tokoro-Lake Saroma Sakaeura ลงที่ป้าย Sangoso Iriguchi
อะซาฮิคาวะ (Asahikawa)
เทศกาลหิมะอะซาฮิคาวะ ( Asahikawa Winter Festival)
รูปภาพจาก: ©Hokkaido Tourism Organization/© JNTO
งานเทศกาลหิมะที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเทศกาลหิมะซัปโปโร ถึงแม้ขนาดงานจะเล็กกว่าแต่รูปปั้นหิมะในงานนี้บางตัวมีขนาดใหญ่กว่าที่ซัปโปโรมาก งานจะจัดขึ้นในเวลาใกล้ๆ กันกับที่ซัปโปโร ปะติมากรรมหิมะขนาดใหญ่จะถูกจัดแสดงอยู่ที่ย่านอาซาฮิบาชิ ส่วนที่ถนนเฮวะจะจัดแสดงน้ำแข็งแกะสลักตลอดช่วงถนนกว่า 1 กิโลเมตร
การเดินทาง : จากสถานีอะซาฮิคาวะ สามารถเดินชมน้ำแข็งแกะสลักบนถนนเฮวะไปได้เรื่อย เมื่อเดินจนสุดถนน ให้เดินต่อไปอีกประมาณ 10 -15 นาทีจะถึงย่านอาซาฮิบาชิ
สวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo)
รูปภาพจาก: ©Hokkaido Tourism Organization/© JNTO
เรียกได้ว่าเป็นสวนสัตว์ที่ดีที่สุดในฮอกไกโด สวนสัตว์อาซาฮิยามะมีความพิเศษกว่าสวนสัตว์แห่งอื่นๆ ในญี่ปุ่น ไฮไลท์ของสวนสัตว์ เช่น อุโมงค์กระจกที่ให้เดินลอดผ่านสระเพนกวิน, โดมกระจกเล็กๆ ที่ให้เราสามารถดูหมีขั้วโลกได้อย่างใกล้ชิด และทีเด็ดอยู่ในช่วงฤดูหนาวทางสวนสัตว์จะพาเพนกวินออกมาเดินเป็นแถวท่ามกลางหิมะ
การเดินทาง : จากสถานีอะซาฮิคาวะ ขึ้นรถประจำทางสาย 41, 42 หรือ 47 ลงที่สวนสัตว์อาซาฮิยามะ
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)