5 ที่เที่ยวหน้าฝนแบบปล่อยใจ เน้นชิลล์ กินบรรยากาศ
หลายคนคงไม่ชอบที่จะเที่ยวหน้าฝน ด้วยความที่อาจจะต้องเผชิญกับความเปียกในขณะเดินทาง วันนี้ลองปรับมุมมอง เที่ยวแบบปล่อยใจสบายๆ จะรู้ว่าเที่ยวในหน้าฝนนั้นดีงามสุดๆ เน้นความชิลล์ ดื่มด่ำบรรยากาศสวยๆ ให้ทุกคนได้พักผ่อนแบบจริงๆ เรียกได้ว่า 5 สถานที่นี้คัดมาแล้ว เก็บกระเป๋ากันโลด!!
1. บ้านป่าบงเปียง เชียงใหม่
บ้านป่าบงเปียง เป็นพื้นที่ของนาขั้นบันไดที่สวยเหมือนเซ็ตไว้ อยู่ในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งภาพที่เราจะได้เห็น จะเป็นทุ่งนาสีเขียวบนเนินภูเขาสูงพร้อมกับภูเขาที่อยู่สลับซับซ้อนกันไปได้แบบเลเยอร์ ยิ่งถ้ามาในช่วงฤดูฝนหรือช่วงปลายฝนต้นหนาวนั้น เหมาะแก่การสัมผัสบรรยากาศสุดๆ
ซิกเนเจอร์ของที่แห่งนี้ ก็คือวิวของทุ่งนาขั้นบันได ถ้าอยากเห็นสีเขียวสดทั่วภูเขาแนะนำว่าต้องมาช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม แต่ถ้าใครชอบความ Cozy อบอุ่นๆ รวงข้าวสีเหลืองทอง ก็ต้องมาในช่วงปลายเดือนตุลาคม เป็นต้นไป ซึ่งทั้งสองช่วงนั้นฟีลลิ่งคือต่างกันมาก ถ่ายรูปสวยสุดๆ
และนอกจากนาขั้นบันไดที่เป็นซิกเนเจอร์แล้ว ยังมีความอุดมสมบูรณ์ของภูเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบุรณ์ รวมถึงไฮไลท์เด็ดในตอนเช้าของที่นี่อย่าง "ทะเลหมอก" ซึ่งเราสามารถนั่งจิบกาแฟ รับบรรยากาศเช้าวันใหม่พร้อมชมวิว พร้อมด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ละมุน ที่สำคัญในช่วงเย็นนั้นก็สามารถชมพระอาทิตย์ตก ได้เห็นแสงยามเย็นสวยๆ ได้เช่นกัน
2. ภูลังกา พะเยา
ทะเลหมอกไม่ได้มีเฉพาะหน้าหนาว บอกได้เลยว่าที่ ภูลังกา มีทะเลหมอกในหน้าฝน!! ซึ่ง ภูลังกา ตั้งอยู่ที่ วนอุทยานภูลังกา ตำบลช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา เป็นเทือกเขาสลับซ้อนกันอยู่ในเทือกเขาสันปันน้ำ มีความสูง 900-1,720 เมตร นอกจากจะหลีกเลี่ยงการเที่ยวในช่วง Hi Season แล้ว ยังได้สัมผัสทะเลหมอกแบบฟินๆ โดยยอดดอยภูลังกา จะเป็นสันเขาและหน้าผาสูง หลังจากช่วงฝนตกจะมีทะเลหมอกมาให้ชมกัน ที่สำคัญยังเหมาะกับสายเดินเขาอีกด้วย
ในเขตวนอุทยานภูลังกา จะมียอดดอยที่เชื่อมต่อกัน ทำให้การเดินในเส้นทางเดินนั้นจะผ่านสันดอยต่างๆ รวมเส้นทางในการเดินป่าระยะทาง 3 กิโลเมตร เริ่มต้นจากจุดแรก จุดนี้จะเต็มไปด้วย พืชพรรณธรรมชาติต่างๆ รวมถึงพันธุ์ไม้หายาก พร้อมได้เห็นนกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ หลังจากผ่านจุดแรกมาแล้ว มาต่อกันที่จุดถัดมา เราจะเรียกว่า "ดอยหัวลิง" ที่มีวิวสวยมาก! ทั้งวิวพระอาทิตย์ตกและวิวทะเลหมอกในตอนเช้า หลังจากนั้นไปต่อกันที่ "ภูนม" จุดนี้สามารถชมวิวได้รอบ 360 องศาเลย ซึ่งจุดที่สูงที่สุดจะอยู่บน "ยอดดอยภูลังกา" ที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้ทั้งหน้าฝนและหน้าหนาวเลย แถมยังชมวิวของฝั่งลาวได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมี น้ำตกภูลังกา ที่เป็นน้ำตกขนาดเล็กๆ แต่วิวคือสวยตาแตกมาก! มาพร้อมกับวิวทุ่งดอกไม้ป่า แถมยังมีร้านกาแฟชื่อดัง อย่าง Magic Mountain ที่มีจุดให้นั่งชมวิวทะเลหมอก เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มอร่อยๆ
3. เขาค้อ เพชรบูรณ์
สถานที่ยอดฮิตที่ไม่มีใครไม่รู้จัก "เขาค้อ" จังหวัดเพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่น่าสนใจในช่วงหน้าฝนมากๆ ด้วยความที่อากาศเย็นสบายตลอดปี เพียง 18 - 25 องศาเซลเซียส บวกกับอุณหภูมิที่ต่ำลงในช่วงฝนตก จะได้สัมผัสกับทะเลหมอกและความชุ่มชื่นของพืชพรรณตามธรรมชาติ บอกได้เลยว่าอากาศดี สดชื่นสุดๆ มาดูกันว่าที่ฮิตๆ ในการชมทะเลหมอกจะมีที่ไหนบ้าง
ซึ่งจุดชมวิวทะเลหมอก เป็นจุดชมวิวที่ใหญ่ที่สุดจะตั้งอยู่บริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำรัตนัย บริเวณเยื้องกับหน่วยงานราชการหลายแห่งในอำเภอเขาค้อ ทุกคนหาพื้นที่ชมทะเลหมอกได้หลายจุด ขนานกันไปกับถนนสายนี้ โดยทะเลหมอกเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น จนถึงเวลาประมาณ 8.00 น. จุดที่นิยมไปชมกันมากที่สุด คือ จุดชมวิวใหญ่ที่จัดไว้เป็นจุดจอดรถชมวิว, จุดชมวิวบริเวณศาลาชมวิวเขาค้อ, ไปรษณีย์เขาค้อ, ชุมสายโทรศัพท์เขาค้อ รวมถึงจุดบริเวณที่ตั้งของรีสอร์ทต่างๆ และสถานที่ราชการ ที่อยู่ใกล้เคียงกันก็สามารถเข้าไปชมทะเลหมอก ถ่ายรูปสร้างคอนเทนต์กันได้
นอกจากนี้ยังมี จุดชมวิวทะเลหมอกวัดกองเนียม เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกยามเช้าที่สวยมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เพราะจะได้ชมทะเลหมอกฝั่งทิศตะวันออก พร้อมกับรับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ค่อยๆ โผล่พ้นขึ้นมาจากทิวเขา โดยมีเนินเขาสลับกับแซมด้วยหมอกหนาๆ ประดับฉาก พร้อมมีต้นค้อเป็นพร็อพที่สร้างความแต่งต่างสุดๆ
อีกหนึ่งที่ที่ว้าวมาก! จุดชมวิวทะเลหมอกเขาตะเคียนโง๊ะ เป็นจุดที่สามารถชมทะเลหมอกได้รอบทิศแบบ 360 องศา ทิศตะวันออกมองไปทางเขาย่า สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าท่ามกลางทะเลหมอกสวยๆ โดยมีเขาย่าที่มีรูปร่างเหมือนภูเขาไฟฟูจิ ตั้งเป็นฉากหลังสวยๆ ตัดกับแสงอาทิตย์สีทองยามเช้า
มาถึงสถานที่ที่มาแรงมากในช่วงที่ผ่านมา จุดชมวิวทะเลหมอกวัดผาซ่อนแก้ว กลายเป็นไฮไลท์หนึ่งที่จะพลาดชมไม่ได้โดยเด็ดขาด วัดผาซ่อนแก้ว สามารถมองเห็นวิวเนินเขาสลับซับซ้อนอยู่เบื้องล่าง พร้อมทั้งมองเห็นวิวทะเลหมอกที่สวยงามรอบๆ วัด ซึ่งจะทำให้วัดกลายเป็นเหมือนสรวงสวรรค์ อิ่มตาอิ่มใจ ทั้งได้เห็นทะเลหมอก พร้อมกับสถาปัตยกรรมที่ดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี
4. ที่พักแพริมแม่น้ำ กาญจนบุรี
อีกหนึ่งจุดหมายยอดฮิตสำหรับพักผ่อน "กาญจนบุรี" เป็นจังหวัดที่น่าเที่ยวในช่วงหน้าฝนสุดๆ นอกจากจะได้ใกล้ชิดธรรมชาติแล้ว ยังได้เจอกับอากาศดี สดชื่นสุดๆ แถมยังได้เห็นบรรยากาศสุดเขียวชอุ่ม ที่สำคัญยังมีกิจกรรมสำหรับสายชิลล์คือ การนอนเล่นพักผ่อนบนแพริมน้ำ ดื่มด่ำกับอากาศบริสุทธิ์ ช่วยให้ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าเพียง 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ จะได้พบความชิลแบบสุดๆ โดยระหว่างทาง จะได้ชมวิวที่สวยงามตลอดสองฝากฝั่งแม่น้ำแคว ลมเย็น อากาศสดชื่น พร้อมกับไอเย็นจากแม่น้ำ ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เข้าถึงวิถีสโลว์ไลฟ์สุดๆ ซึ่งการพักที่แพริมแม่น้ำนั้นจะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ เงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว แต่ละที่พักก็จะอำนวยความสะดวกให้กับคนที่มาเข้าพัก เรียกได้ว่ามาพักผ่อน แถมได้เซอร์วิสอีกด้วย นอกจากนี้ใครที่สายลุยหน่อย ก็จะมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีมให้ทำ เช่น กระโดดน้ำเล่นในบริเวณที่พัก แต่แนะนำว่าให้ใส่ชูชีพด้วยนะ เพราะกระแสน้ำแรงมากเลย
มาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์เลย นั่นก็คือ การตื่นแต่เช้ามาชมหมอก หมอกลอยต่ำๆ เหนือแม่น้ำ อากาศเย็นและสดชื่น ตรงนี้สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศได้เต็มที่เลย พร้อมรับประทานอาหารเช้า กับบรรยากาศสุดแสนที่เป็นเดอะเบส นั่งทานอาหารไป สูดอากาศสดชื่นไป ช่วยฮีลใจได้สุดๆ
5. เขื่อนรัชชประภา สุราษฎร์ธานี
ลงมาชิลล์ที่ใต้กันบ้างดีกว่า "เขื่อนรัชชประภา" มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "เขื่อนเชี่ยวหลาน" ซึ่งในพื้นที่นี้จะเชื่อมต่อกับอุทยานแห่งชาติเขาสก และด้วยความที่บริเวณอ่างเก็บน้ำในเขื่อนรัชชประภามีภูเขาหินปูนรูปร่างสวยงามแปลกตาตั้งอยู่อย่างโดดเด่นมากมาย นักท่องเที่ยวจึงขนานนามว่าที่นี่คือ "กุ้ยหลินเมืองไทย" นอกจากนี้แล้วเสน่ห์ของเขื่อนรัชชประภา ยังอยู่ที่ธรรมชาติของป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศเงียบสงบ อากาศเย็นสบายสดชื่นมาก แถมน้ำยังใสมาก มีสีเขียวมรกต มองเห็นปลาว่ายน้ำอีกด้วย
สำหรับช่วงเวลาที่น่าไปเที่ยวเขื่อนรัชชประภา เอาจริงแล้วสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ขึ้นอยู่กับว่าใครชอบบรรยากาศแบบไหน ในช่วงหน้าร้อนอากาศอาจจะร้อนสักนิด แต่ท้องฟ้าเปิด สดใส แสงสวยเหมาะกับการถ่ายรูป ส่วนช่วงหน้าฝนก็เน้นความสบายๆ อากาศเย็นสดชื่น ภูเขาและธรรมชาติจะมีสีเขียวสวยมาก แถมบางวันก็ยังจะได้เห็นหมอก แถมยังเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่หนาแน่นอีกด้วย แต่สำหรับใครชอบอากาศหนาวๆ เย็นๆ ก็ต้องไปช่วงปลายปี แต่ช่วงนี้ก็จะมีนักท่องเที่ยวเยอะด้วยเช่นกัน
หน้าฝนก็มีที่เที่ยวสวยๆ ให้ทุกคนได้เที่ยวกัน ไม่จำเป็นต้องแอดเวนเจอร์ก็ได้ ถือโอกาสมาเที่ยวช่วงนี้พักผ่อน ใช้ชีวิตแบบสโลวไลฟ์ เน้นดื่มด่ำกับบรรยากาศและธรรมชาติ ช่วยฮีลทั้งใจและร่างได้เป็นอย่างดี เห็นแบบนี้แล้ว แพ็คกระเป๋าไปเที่ยวกัน!
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)