รีวิว

เย้! พิชิตภูผาเอราวัณ

Thailand
วันออกเดินทาง 19/07/2016
วันเดินทางกลับ 19/07/2016
จำนวนผู้ร่วมทริป ผู้ใหญ่ 6 คน, เด็ก 2 คน
งบประมาณเฉลี่ยต่อคน < 1,000 บาท
บันทึกเพิ่มเติม น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ในแนวลำน้ำแควใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 600 ตารางกิโลเมตร อยู่บนทางหลวงหมายเลข 3199 ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับทางไปเขื่อนศรีนครินทร์
74K views
วันที่
1

เมื่อวันหยุดยาว (เข้าพรรษา-อาสาฬหบูชา) ที่ผ่านมา เรากับครอบครัวก็คิดกันว่าน่าจะหาที่เที่ยวที่ไปเช้า-เย็นกลับได้ แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า งั้นไป "น้ำตกเอราวัณ" กันดีกว่า

เราเริ่มออกเดินทางกันตอนเช้า เวลาประมาณ 7.30 น. ค่อยๆขับไปไม่รีบร้อนอะไร ระหว่างทางที่ไปนั้น รถค่อนข้างเยอะพอสมควร อาจจะเพราะเป็นวันหยุดด้วยแหละ

และแล้วเราก็มาถึง "อุทยานแห่งชาติเอราวัณ" ซึ่งหน้าทางเข้าเราก็ต้องเสียค่าบริการกันบ้างเล็กน้อย (แต่ครอบครัวเราคนเยอะ รวมค่าบริการทั้งคนและยานพาหนะแล้ว เกือบๆ 1,000 บาทกันเลยทีเดียว - -")

จากนั้นก็วนหาที่จอดรถอยู่พักหนึ่ง เพราะคนเยอะมากๆ (แอบคิดเลยว่าสงสัยจะมาผิดวัน คนเยอะเหลือเกิน)

พอได้ที่จอดแล้ว เราก็ตรงดิ่งมาซื้อตั๋วรถกอล์ฟเพื่อนั่งเข้าไปยังน้ำตก ค่าบริการผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท แต่ถ้าใครไม่นั่งรถ อยากจะเดินเข้าไปก็ได้นะ ระยะทางประมาณ 500 เมตรค่ะ แต่เราขอเก็บแรงไว้ไปเดินขึ้นน้ำตก 7 ชั้นดีกว่า อิอิ

ในที่สุดก็มาถึงจุด check-in ของเรา มาทั้งทีก็ต้องถ่ายกับป้ายชื่อสถานที่สักหน่อย ฮ่าๆๆ (เราบอกแล้วว่าครอบครัวเราคนเยอะ ซุปเปอร์แมนบุกเอราวัณเลยจ้า #งานเสื้อทีมก็มา )

ก่อนอื่นต้องขออนุญาตินำรูปภาพสวยๆจาก "น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา" มาใช้ประกอบการรีวิวในครั้งนี้นะคะ เพราะวันที่เราไปคนเยอะมากจริงๆ ถ่ายรูปออกมาแล้ว ติดคนเต็มไปหมดเลยค่ะ นำมารีวิวอาจจะไม่สวยงามสบายตาเท่าไรนัก ต้องขอบคุณภาพวิวสวยๆจากเจ้าของภาพมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)

มาเริ่มที่น้ำตกชั้นแรกกันเลยดีกว่าค่ะ หลังจากที่เราถ่ายภาพที่จุด check-in เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินเท้าเข้ามายังน้ำตกชั้นที่1 มีชื่อว่า "ไหลคืนรัง" ในชั้นแรกนี้ จะยังไม่ค่อยมีอะไรมากนัก แต่จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการนั่งรับลมและพักผ่อน ในชั้นนี้จะมีที่นั่งให้ผู้ที่มาเที่ยวได้นำอาหารมานั่งรับประทานกัน รวมทั้งยังมีร้านขายอาหารและน้ำดื่มไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ

แต่เราก็ไม่ได้แวะนั่งเล่นชั้นแรกหรอกนะ เดินขึ้นไปชั้น 2 ดีกว่า ซึ่งระยะทางใกล้กับชั้นแรกนิดเดียวเองค่ะ ในชั้นที่ 2 นี้มีชื่อว่า "วังมัจฉา" เป็นถิ่นของฝูงปลาพลวงที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำอย่างมากมาย

จุดเด่นของชั้นนี้คงจะหนีไม่พ้น "ม่านน้ำตก" ที่ไหลผ่านหินย้อย เหมือนกับนำ้ไหลผ่านปากถ้ำลงมายังแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เหมาะกับการลงเล่นน้ำและถ่ายรูปสวยๆมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่เล่นน้ำในชั้นนี้กันเยอะเลยค่ะ

ก่อนจะขึ้นไปยังน้ำตกชั้นที่ 3 จะมีจุดตรวจของอุทยาน ซึ่งห้ามนำอาหารขึ้นไปจากชั้นนี้เด็ดขาด แต่สามารถพกน้ำดื่มขึ้นไปได้โดยต้องลงชื่อว่านำเข้าไปกี่ขวด พร้อมจ่ายมัดจำขวดละ 20 บาท ตอนกลับออกมาก็เอาขวดมาคืน เจ้าหน้าที่ก็จะคืนเงินค่ามัดจำให้

เราจึงปู่เสื่อให้ผู้ใหญ่นั่งปิคนิคชมวิวทิวทัศน์ แล้วก็ปล่อยให้เด็กๆที่มาด้วยกันเล่นน้ำอยู่ที่ชั้น2 นี่แหละ ส่วนเรา น้องชาย และคนรู้ใจก็ขอไปตะลุยพิชิตภูผาเอราวัณกันดีกว่า..

ว่าแล้วก็เริ่มเดินทางโดยเดินขึ้นไปประมาณ 150 เมตร เดินเพลินๆชิลๆ แป๊บเดียวก็ถึงชั้น 3 แล้วค่ะ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "ผาน้ำตก" ชั้นนี้จะมีน้ำตกไหลลงมาจากผาชันในระดับสูงกระทบกับแอ่งน้ำสีเขียวใสด้านล่าง แต่เราก็แวะชมแค่แป๊บเดียวก็เดินต่อเพื่อไปยังชั้นถัดไป

ระหว่างทางขึ้นไปชั้นที่ 4 จะต้องขึ้นบันไดชันๆ เอาล่ะ!! สูดหายใจลึกๆ แล้วค่อยๆจับราวบันใดไต่ขึ้นไป 5555+ จนขึ้นไปถึงชั้นที่ 4 "อกนางผีเสื้อ" ที่เป็นชื่อนี้ก็เพราะจะเห็นหิน 2 ก้อนที่มีลักษณะเหมือนหน้าอกผู้หญิง แต่มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป เลยได้ชื่อเป็นอกนางผีเสื้อ(สมุทร)นั่นเอง ชั้นนี้มีน้ำไหลตามหินลงมายังแอ่งด้านล่าง สามารถเล่นเป็นสไลเดอร์ได้เลย ซึ่งก็แน่นอนว่าคนต่อคิวกันสไลด์ลงมากันเยอะมากตามระเบียบค่าาาา - -" งั้นเราขอบาย.. ถ้ามัวแต่ต่อแถวขึ้นไปเล่น สงสัยจะไปไม่ถึงชั้น 7 ก่อนเวลาอุทยานปิดเป็นแน่!

ไปค่ะ..ไปชั้นที่ 5 กันเถอะพวก!! ระหว่างทางที่เราเดินไปก็จะสวนกับนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินกลับลงมา เราต่างก็ทักทายกันตามประสาเพื่อนร่วมทางแล้วก็ถามว่าอีกไกลมั้ยคะ? คำตอบที่ได้คือ อีกเกือบๆ 1 กิโลอ่ะน้อง ... โอ้มายกอด!!! จริงๆเราก็แอบเสิร์ชข้อมูลระยะทางมาคร่าวๆแล้วนะ ซึ่งข้อมูลบอกไว้ว่า ระยะทางจากชั้น4 ไปชั้น5 ประมาณ 450 เมตร นั่นละฮ่ะท่านผู้ชม ก็ลุยกันไป..

ระหว่างชั้น4 ไปชั้น5 ทางไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เราว่ามันแอบเดินยากเหมือนเดินขึ้นเขาตลอดเวลา ทำเอาเหนื่อยหอบ ต้องหยุดพักหายใจหลายรอบกันเลยทีเดียว แถมยังรู้สึกว่าเดินนานกว่าชั้นอื่นๆที่ผ่านมาด้วยนะ (ไม่รู้มโนไปเองหรือเพราะว่าเหนื่อยมากแล้วเหมือนกันนะ แหะๆๆ)

เดินมาเรื่อยๆเห็นป้ายนี้ ก็คิดว่าถึงแล้วซะอีก..ที่ไหนได้ ยังนะจ๊ะ!!! เหนื่อยแล้วอ่ะ แต่เดินมาขนาดนี้แล้วจะให้ถอยง่ายๆได้ไงเนอะ

และในที่สุด!! เดี๊ยนก็มาถึงน้ำตกชั้นที่ 5 แล้วเจ้าค่ะ ยะฮู้ววววว ชั้นนี้มีชื่อเรียกว่า "เบื่อไม่ลง" ส่วนตัวเราชอบชั้นนี้มากเลย เพราะมันมีลักษณะเป็นน้ำตกที่ลดหลั่นลงมาแบบเตี้ยๆ เป็นแอ่งตื้นๆ เหมาะกับการแช่น้ำเล่นมากมายค่ะ ที่สำคัญชั้นนี้คนไม่เยอะเท่าไรด้วย เลยแวะพักเหนื่อยชั้นนี้อยู่พักใหญ่เลยหล่ะ

ว่าแล้วก็ขอชักภาพประทับใจสักนิด กว่าจะเดินขึ้นไปยืนบนนั้นได้ เท้าจิกโขดหินขนาดไหนใครเอยจะรู้ หินอย่างลื่นค่ะ!! ต้องใช้ความระมัดระวังมากเลยทีเดียว

พอหายเหนื่อยแล้ว ก็เดินต่อสิคะ..จะรออะไร! เดินต่อไปอีกประมาณ 300 เมตรเราจะเจอป้ายทางแยก ถ้าไปทางขวาจะเป็นน้ำตกชั้น 6 แต่ถ้าเดินไปทางซ้ายจะเป็นชั้น 7 ไหนๆเราก็มาทีละชั้นๆแล้ว ก็เลี้ยวขวาโลดดดด ไปดูชั้นที่ 6 กันก่อน เป็นชั้นของ "ดงพฤกษา" แม้ชั้นนี้น้ำจะไม่มากเท่าไรแต่ก็อุดมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์นะ เราแวะอยู่ตรงนี้แค่แป๊บเดียวแล้วก็ย้อนกลับมาทางเดิมตรงป้ายบอกทาง แล้วลองเลี้ยวซ้ายเพื่อไปชั้น 7 ชั้นที่เรามุ่งมั่นมาให้ถึง!

เดินต่อมาอีกเกือบๆ300เมตร ก็จะเจอป้ายบอกทางให้ขึ้นไปชั้น 7 ตื่นเต้นชะมัดเลย..

Finally!! ในที่สุดเจ้ก็ทำสำเร็จ เดินขึ้นมาถึงชั้น 7 "ภูผาเอราวัณ" จนได้..ดีใจน้ำตาจิไหลค่ะ กว่าจะมาถึงชั้นนี้ได้ทรหดใช่เล่นนะคะคุณขา เพราะต้องเดินผ่านหิน ปีนบันไดไปอีก เป็นทางที่เหนื่อยอยู่เหมือนกัน แต่เค้าบอกว่ามันคุ้มกับการมาดูนะ เพราะเค้าว่ากันว่าเป็นชั้นที่สูงที่สุดและสวยที่สุด มีสายน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง ผ่านแมกไม้ และแนวหินมาสู่แอ่งน้ำด้านล่าง จะเป็นอย่างที่เค้าว่ากันมั้ย เดี๋ยวเราต้องพิสูจน์..

ก่อนจะขึ้นไป ขอ check-in แพร๊บบบ อิอิ "ข้าคือผู้พิชิตภูผาเอราวัณ" วะฮู้ววววววว

ยอมรับว่านี่แอบท้อ จะถอยกลับอยู่หลายรอบเหมือนกันนะ ถ้าไม่มีมือคนนี้คอยดึงขึ้นเขาลงห้วย คอยจูงขึ้นมาไม่ว่าทางจะแย่แค่ไหน ก็ขึ้นมาไม่ถึงนะบอกเลย (แหม่ๆ เลี่ยนจริงๆ อย่าว่าน้องเลยนะ 555+) พอๆๆ <3 <3

อ่ะนี่ไง.. จริงๆมันก็สวยนะ แต่เสียดายที่น้ำน้อยไปหน่อย แอบหวังไว้สูงว่ามันจะสวยกว่านี้ แถมคนเยอะด้วย ถ่ายมุมไหนก็ติดนักท่องเที่ยวเต็มไปหมดเลย

กว่าจะขึ้นมาถึงได้ เหนื่อยนักขอนั่งพักยาวๆ

เล่นพอสนุกกรุบกริบๆ ก็ต้องเตรียมตัวเดินกลับแล้วหล่ะ เพราะเริ่มเย็นละ เดี๋ยวอุทยานจะปิดซะก่อน ระหว่างทางกลับก็มีเพื่อนร่วมทางเยอะเลย เพราะทุกคนก็จะทะยอยกันเดินลงมาเหมือนกัน

ทริปนี้บอกตรงๆว่าเหนื่อยมาก แข้งขาล้าไปหมด แต่ก็สนุกไปอีกแบบนะ เหมือนได้ผจญภัยในป่ายังไงอย่างงั้นเลย ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วยแหละ อิอิ

ยังไงแล้วถ้ามีโอกาสได้มาอีก เรามาแน่นอน แต่ขอช่วง Low Season คนน้อยๆดีกว่า จะได้มีภาพบรรยากาศสวยๆมาโชว์ :-)

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)

    รีวิวที่คล้ายกัน

    ทริปที่ใกล้เคียง

    ไอเดียที่ใกล้เคียง