สวัสดีครับ ขอแทนตัวเองว่า เอิร์ต ก็แล้วกันนะครับ ผมอ่ะชอบเที่ยว..ส่วนมากจะไปคนเดียวครับ แล้วก็จะเป็นการเที่ยวแบบบางทีก็1คืน2วัน หรือไม่ก็2คืน3วันครับ สำหรับรีวิวแรกของผม ผมจะพาไปเที่ยว ภูเก็ต ครับ....ไปเป็นเหยื่อภูเก็ต...กับผมนะครับ
เริ่มกันเลย...เนื่องจากโปรโมชั่นของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ช่างยั่วยวนใจเหลือเกิน มีเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ที่25-26 มิถุนายนพอดี...เลยกดจองซ๊ะ...และภูเก็ตก็กลายเป็นเหยื่อของผมในการเที่ยวครั้งนี้ครับ ผมจองตั๋วใบนี้ล่วงหน้าเป็นเดือนสองเดือนครับ หาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับภูเก็ต เพราะเป็นครั้งแรกของผมที่ได้มาเที่ยวจังหวัดนี้ เพราะฉะนั้นเวลา 1คืน2วันของผมจึงมีความหมายมาก..
...ถึงวันเดินทาง เช้าวันเสาร์ที่25 มิถุนายน 2559 ผมเดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วก็ติดปีกกับ "คุณสมุย" ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ มุ่งหน้าไปภูเก็ตครับ ค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเป็นครั้งแรก...^^
วันนี้ท้องฟ้าค่อนข้างแจ่มใสนะครับ ทำให้โล่งใจไปได้บ้างเพราะก่อนหน้านั้นฝนตกแทบจะทุกวัน มีเวลาเที่ยวแค่วันเดียว ถ้าไปเจอฝน ก็คงหมดสนุก อาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องวันนี้เป็นข้างสองสีกับผัดบวบใส่ไข่ อร่อยมาก ใครจะไปคิดว่าชีวิตจะได้มานั่งกินข้าวกับผัดบวบใส่ไข่ที่ความสูงขนาดนี้ ^^
เพียงชั่วโมงกว่าๆ คุณสมุย ก็พาผมแลนดิ้งลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต อย่างปลอดภัย หลังจากนั้น ก็เดินออกจากสนามบินครับ เดินไปตามป้าย Airport Bus เพื่อไปขึ้นรถบัสเข้าเมืองครับ จะมีคนยืนถือป้ายอยู่ City Bus ต้องขอโทษด้วยเพราะช่วงนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยครับ รถบัสที่เรานั่งเข้าเมืองตอนขาไปจากสนามบินเป็นรถบัสขนาดเล็กครับ บรรทุกผู้โดยสารประมาณ30คนได้ ค่ารถคนละ100บาท รถใช้เวลาเดินทาง1ชั่วโมงนิดๆก็จะจอดส่งเราที่สถานีขนส่งภูเก็ตครับ
....รูปอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร แลนด์มาร์คของภูเก็ต ได้แต่ถ่ายรูปและยกมือไหว้อยู่บนรถนั่นแหล่ะครับ...
หลังจากลงรถบัสที่ บขส. แล้ว ผมเลือกที่จะเดินไปที่พักครั้ง "เดอะ เมมโมรี แอท ออน ออน โฮเทล" ใช้เวลาเดินตามแผนที่ในโทรศัพท์ ประมาณ10นาทีครับ อากาศตอน11โมง ยังไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ แต่ก็ทำเอาเหงื่อซึมๆเหมือนกัน
เดอะ เมมโมรี แอท ออน ออน เป็นโรงแรมเก่าที่ถูกรีโนเวทใหม่ครับแต่ก็ยังคงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมอยู่ เป็นสไตล์ชิโนโปรตุกีส
นี่คือด้านหน้าของที่พักครับ เสาไฟฟ้าและสายไฟก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของไทย ^^
ตึกสวยๆของ ธนาคารกสิกรไทย อยู่เยื้องๆกับที่พักเลยครับ สะดุดตามากและกลมกลืนกับสถาปัตยกรรมโดยรอบ ไม่รู้สึกว่าแตกต่าง
มุมนี้อยู่ในที่พักครับ เตียงนอนนั้นนุ่มมาก ลมพัดเย็นสบาย
หลังจากเช็คอินเสร็จ ทางที่พักก็แจ้งข่าวร้ายกับผมว่า ตอนนี้ไฟฟ้าดับ เพราะมีการซ่อมเสาไฟด้านหน้าที่พัก ผมก็เลยยังเข้าห้องพักไม่ได้ ได้แต่เอาของเข้าไปเก็บ แล้วก็ออกเดินเที่ยวกันเลย
...ทำไมผมถึงเลือกมาพักในตัวเมืองภูเก็ต แทนที่จะไปทะเล ก็เพราะว่าผมอยากมาดูและสัมผัสกับสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปรตุกีสครับ และมันก็สวยมาก มีเสน่ห์ เมื่อได้มาเห็นด้วยตาของตัวเอง
ไม่ว่าจะมองมุมไหนๆ ชิโนโปรตุกีสก็สะกดสายตาของผมได้เสมอ ที่นี่เปรียบเสมือน แกลอรี่ศิลปะขนาดใหญ่ เดินชมได้ไม่เบื่อเลยครับ
นอกจากสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปรตุกีสแล้ว ตามผนังตึกยังมีการทำภาพกราฟฟิคตี้ สวยๆ แฝงไว้ด้วยความหมายดีๆให้เราได้ชมกันอีกหลายจุดเลยครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าหมายของภาพหรอกครับ ก็ได้แต่ดูและชื่นชม เดินหาจนสนุกเลยครับ
น้องเต่าสีแดงตัวนี้น่ารักมาก
เสือตัวนี้ก็สวย อยู่ตรงข้างๆโรงแรมสินทวี
อันนี้น่าจะเป็นสิงห์โต ครับ
อันนี้ไม่ไม่รู้ว่าเป็นลูกเจี๊ยบหรือลูกนก หรืออะไรครับ ภาพนี้อยู่บนผนังข้างๆร้านราดหน้าคุณจี๊ด
คุณลุงยืนขายโอวต้าว อันนี้ผมเสียดายมาก ยังไม่ได้ไปลองชิมจริงๆเลย ไปคราวหน้าต้องไปหาชิมให้ได้เลยครับ
คุณยายนั่งรอโอวต้าว ภาพนี้อยู่บนผนังเดียวกับคุณลุงเมื่อกี้ครับ แต่ผมแยกถ่ายมา ใบหน้าของคุณยายดูใจดีมาก
เดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ท้องก็เริ่มหิวครับ ผมเจอร้านนี้ตอนไปหาซื้อแมคเนตติดตู้เย็น ของสะสมของผม ร้าน Eleven Two&Co. เป็นร้านขนมหวานและของกินเล่นครับ ผมลองสั่งไก่สะเต๊ะ น้ำลิ้นจี่โซดา และตบท้ายด้วยของหวานสุดอร่อยอย่าง เครปเค้กราดซอสมะม่วงกับไอศกรีมวนิลาครับ
ไก่สะเต๊ะ อร่อยมาก น้ำจิ้มเข้มข้นมาก
น้ำลิ้นจี่โซดา อร่อย ไม่หวานมาก แก้กระหายได้เป็นอย่างดี ดื่มแล้วสดชื่นมาก
และของหวาน อันนี้ผมชอบมาก เครปเค้กราดซอสมะม่วง ตัวซอสที่ใช้ราดบนเครปรสชาดหวานอมเปรี้ยว พอดีๆ ตัวเค้กมีเนื้อมะม่วงแทรกมาด้วย อร่อยลิ้นเลยครับ แนะนำเลยเมนูนี้
หลังจากนั้น ยังครับ ยังไม่อิ่ม ผมมาต่อที่ร้านหมี่ต้นโพธิ์ครับ เพราะอยู่ในลิสต์ร้านแนะนำเหมือนกันว่า ถ้ามาภูเก็ตต้องได้กินหมี่ต้นโพธิ์
หมี่ผัดฮกเกี้ยน อร่อยเลยครับ เหมือนกับผัดซีอิ้วผสมราดหน้า แปลกๆแต่ก็อร่อยดีครับ ผมมาทราบทีหลังว่า ที่ร้านหมี่ต้นโพธิ์ยังมีเมนูอื่นๆที่หน้ากินอีก เช่นหมูสะเต๊ะ ห่อหมก ซึ่งผมพลาดมากที่ยังไม่ได้ลองชิม เอาไว้คราวหน้าละกันครับ ต้องกลับมาชิมให้ได้เลยหล่ะ
จบจากหมี่ต้นโพธิ์ผมก็เดินชมเมืองไปเรื่อยเปื่อย เพื่อเป็นการย่อยอาหารเพราะเริ่มจุกละครับ ^^ หลังจากนั้นก็เข้าที่พัก เป็นอันจบวันแรกของผม
เช้าวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2559
ผมตื่นมาก็อาบน้ำ ทานอาหารเช้าของที่พักครับ
เป็นข้าวต้มไก่อร่อยมาก
ขนมปังปิ้ง ทาแยม กับนมอุ่นๆ เรียกความกระปรี้กระเปร่าอันนี้ทำกินเองได้เลยครับ เขามีเตรียมไว้ให้
หลังจากกินข้าวช้าวเสร็จ ผมเดินไปตามหารถสองแถวที่จะขึ้นไปวัดฉลอง พี่ที่ที่พักบอกว่าต้องขึ้นรถสองแถวสายภูเก็ต-อ่าวฉลอง รถจะจอดอยู่ตรงเซเว่นใกล้ๆตลาดสด[ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปรถสองแถวมา] ผมก็เดินตามกูเกิลแมพไปเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ10นาทีก็ถึง ตลอดเวลาที่ผมเดินเที่ยวในเมือง สังเกตได้ว่าผู้คนภูเก็ตใจดีและเป็นมิตรมาก หลายคนถามผมว่ามาเที่ยวหรอ จะไปไหน พอผมบอกก็จะแนะนำทางให้ บอกได้เลยว่าคนภูเก็ตใจดี รถสองแถวสายภูเก็ต-ท่าฉลอง ใช้เวลาเดินทางจากท่ารถถึงทางเข้าวัดฉลองประมาณ30นาที ค่ารถ30บาทตลอดสาย คุณลุงคนขับรถจอดส่งผมแล้วก็บอกให้เดินเข้าไปอีกนิดก็จะเห็นประตูเข้าวัดฉลอง
หลังจากไหว้หลวงพ่อแช่มเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินถ่ายรูปภายในวัดไปเรื่อยเปื่อย ลมพัดเย็นสบาย
เป็นวัดที่ร่มรื่นมากครับ ช่วงเวลาที่ผมไปคนไม่ค่อยเยอะเลยดูไม่วุ่นวาย ผมใช้เวลาอยู่ที่วัดชั่วโมงนิดๆก็เดินทางกลับครับ ผมเดินออกมาหน้าวัดข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อนั่งรถสองแถวกลับเข้าตัวเมือง บังเอิญว่าเป็นรถสองแถวคันเดียวกับตอนขามา ที่มารับผมกลับเข้าเมืองอีกครั้ง
หลังจากนั้นผมก็เช็คเอาท์ออกจากที่พัก เดินไปยังสถานีขนส่งภูเก็ตเพื่อขึ้นรถบัสกลับไปสนามบินครับ ค่ารถ100บาทเหมือนเดิม
สรุป สำหรับ1คืน2วันที่ภูเก็ตของผม ผมประทับใจมาก แม้จะไม่ได้ไปทะเล ได้แต่อยู่ในเมือง แต่ความคลาสสิคของสไตล์ชิโนโปรตุกีสก็ทำให้ผมหลงรักและกลายเป็นเหยื่อของภูเก็ตเข้าอย่างจัง ผมพลาดอะไรอีกหลายๆอย่างที่นี่ เช่นโอเอ๋ว ของหวานประจำจังหวัดผมก็ยังไม่ได้ลองชิม ขนมอีกหลายๆอย่าง ของกินอีกหลายๆร้านที่ยังไม่ได้ลองชิม เอาเป็นว่า ผมจะกลับไปเมืองคลาสสิคแห่งนี้อีกแน่นอน..^^
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)