1. ภูทับเบิก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร เป็นจุดที่สูง
ที่สุดของเพชรบูรณ์ มีสภาพมีอากาศบริสุทธิ์ สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี ประกอบด้วยอาชีพทำการเกษตรแบบขั้นบันได
ตามเชิงเขา ในช่วงปลายฝนต้นหนาว จะพบเห็นไร่กะหล่ำปลีอยู่สองข้างถนนสู่ทับเบิกสวยงาม
ตรงจุดนี้เป็นจุดชมวิวหอวัดอุณหภูมิ เป็นลานสำหรับให้นักท่องเที่ยวมายืนถ่ายรูป จุดนี้นับเป็นจุดที่สูงสุดของที่นี่ ด้านล่าง
จะเป็นลานกางเต้นท์ ของวิสาหกิจภูทับเบิก มีทั้งบ้านพักและกางเต้นท์
จุดถ่ายภาพบนดาดฟ้าห้องพัก ก็เห็นทัศนียภาพกว้างไกล และเห็นทะเลหมอกได้อย่างชัดเจน บริเวณริมผารีสอร์ท
2.ไร่กะหล่ำปลีภูทับเบิก ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เพราะมีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูง และประกอบกับมีอากาศ
ที่เย็นตลอดทั้งปี จึงเหมาะแก่การปลูกกะหล่ำปลี กะหล่ำปลีที่ภูทับเบิกจะถูกส่งไปทั่วประเทศ เมนูอาหารแนะนำจึงไม้พ้น " กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา"
นอกจากกะหล่ำปลีแล้วก็ยังมี ไร่ผักกาดเขียวปลี ทุกคนคงเคยรับประทานเวลากินหมูกะทะ เป็นผักเอาไว้ผัดทำต้มจืด
คุ้นๆ กันแล้วใช่ไหมครับ ที่นี่ก็ปลูกกันเยอะมากพอๆ กับไร่กะหล่ำปลี
3.จุดชมวิวภุฟ้าเพียงดิน เป็นเนินเขาสูงที่ตั้งอยู่โดดเด่นริมหน้าผา อยู่ติดถนนใหญ่ก่อนขึ้นภูทับเบิก
ที่นี่เป็นจุดชมวิว 360 องศา ที่สามารถมองเห็นทะเลหมอก และพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง หากท้องฟ้าปลอดโปร่ง
ก็จะสามารถมองเห็นวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว และทุ่งกังหันลมไกลๆ
เลยจุดชมวิวฟ้าเพียงดินลงมาด้านล่างจะมีจุดชมวิวย่อยต่างๆ ให้เราได้ถ่ายรูปกันเรื่อยๆ แวะข้างทาง สามารถมองเห็น
ทะเลหมอกได้เกือบทุกจุด เพราะว่าช่วงหน้าฝนหมอกจะฟุ้งๆ ตลอดทั้งวัน บางวันถึงกับมัวไปหมด เพราะหมอกลงจัด
จุดนี้มองลงไปจะเห็นถนนโค้ง เป็นหมายเลข 3 เป็นจุดพักรถมีศาลาริมทาง
4.วัดป่าภูทับเบิก เป็นสถานปฏิบัติธรรมสายธรรมยุตินิกาย ชาวบ้านทับเบิกร่วมก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534
มีเนื้อที่ 50 ไร่เศษ บริเวณวัดจะถูกปกคลุมด้วยป่าไม้ต่าง ๆ จึงทำให้บรรยากาศมีความหนาวเย็นตลอดทั้งปี และเป็นสถานที่ที่มี
ความสำคัญโดยเป็นสถานที่รับน้ำฟ้ากลางหาวเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าถวายองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทำน้ำพุทธมนต์ใน
พิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษาครบ 6 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2542
5.ไร่สตรอเบอร์รี่ ( ช่วงฤดูหนาว ธันวาคม-กุมภาพันธ์ ) สำหรับในฤดูฝนจะไม่ค่อยมีสตรอเบอร์รี่มาขาย แต่รีวิวไว้
สำหรับท่านที่มาเที่ยวช่วงฤดูหนาว ก็จะมีไร่สตรอเบอร์รี่ให้เก็บ ราคา กิโลละ 300-400 บาท ลูกใหญ่มาก และมีความหวาน
เก็บสดๆจากไร่ได้เลย ระหว่างสองข้างทาง บนเส้นทางภูทับเบิกจะมีไร่สตรอเบอร์รี่ปลูกตลอดทางแล้วแต่สะดวกเลยครับ
พันธุ์พระราชทาน 80 หวานกรอบ หอม อร่อย เลือกลูกสีแดงก็จะหวานฉ่ำอร่อยฟินเว่อ สีเขียวเล็กๆ ยังดิบอยู่ปล่อยให้โตก่อน
เวลาเดินในร่องสวนก็ระวังๆ กันด้วยนะครับ เดี๋ยวจะไปเหยียบสวนเขาเสียหาย
6.ภูแผงม้า จุดชมวิวที่สูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งหากใครมาเที่ยวภูทับเบิก จะต้องผ่าน
ภูแผงม้าแห่งนี้อย่างแน่นอน ที่นี่ถือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกได้อย่างแจ่มชัด แวดล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์อันน่า
ประทับใจของทะเลหมอกยามเช้าในช่วงฤดูฝน และ ฤดูหนาว
ท่องเที่ยวโซนอำเภอเขาค้อ มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายดังนี้
1.วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติ
เป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำ
อยู่บนปลายยอดเขา และพุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว”
เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป
2.ร้านกาแฟ Pino Latte Resort & Café ตั้งอยู่ในบนถนนสาย 12 ซอยทางเข้าอยู่ข้างปั้มน้ำมัน PT
จากนั้นเมื่อเข้าไปซอยนั้นแล้วต้องขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆ จนเกือบสุดถนนก็จะเห็นร้านกาแฟตั้งอยู่โดดเด่นมาแต่ไกล มองไป
อีกฝั่งจะเห็นวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วอยู่ไม่ไกล ถือว่าเป็นร้านกาแฟที่โลเคชั่นที่สุดยอดมาก
3.ทุ่งกังหันลมเขาค้อ ขับรถชมกังหันลม แปลงปลูกพืชผักของชาวเขา ถ่ายภาพชมทิวทัศน์เที่ยวสวนสตอเบอรี
เล่นชิงช้า และรถฟอร์มูล่าม้งสิ่งอำนวยความสะดวกมีร้านค้า ร้านอาหาร ห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวมีบริการรับฝากรถยนต์
ช่วงนี้ทุ่งดอกเวอร์บีน่าสีม่วงบนเขาค้อก็ได้บานสะพรั่งขึ้นมาอย่างสวยงาม ณ บริเวณทุ่งกังหันลมเขาค้อ ที่สำคัญทุ่งดอกเวอร์บีน่านี้
ยังเป็นดอกไม้เมืองหนาวที่หาชมได้ยากในประเทศไทยด้วย ช่วงหน้าฝนแบบนี้เก็บกระเป๋าออกมาสูดอากาศรับความสดขื่นกับธรรมชาติ
บนเขาค้อกันดีกว่าครับ ชมบรรยากาศอันสุดจะบรรยายของทุ่งดอกเวอร์บีน่า แต่งชุดสวยๆ ไปถ่ายภาพ และเก็บความทรงจำดีๆ กลับมา
เป็นพลังในชีวิตกันครับ
4.ไปรษณีย์เขาค้อ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดชมวิวยอดนิยมมากแห่งหนึ่งบนเขาค้อ เพราะเป็นมุมที่สามารถมองเห็น
ทะเลหมอกยามเช้าฤดูหนาวได้อย่างสวยงาม และบริเวณรอบๆยังมีที่ให้เดินเที่ยวถ่ายรูป มีสวนสตอเบอรี่ อยู่ด้านล่างสามารถเดินไป
ถ่ายรูปสวยๆได้และยังมีร้านค้าร้านอาหารต่างๆ คอยให้บริการอยู่ข้างทาง
ในช่วงเทศกาลบริเวณไปรษณีย์เขาค้อ จะค่อนข้างคึกคักกว่าจุดชมวิวทะเลหมอกอื่น เพราะกลายเป็นแหล่งชุมนุมที่มีนักท่องเที่ยว
หนาแน่น มีร้านขายอาหารเล็กๆ น้อยๆ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายของที่ระลึกหลายแห่งในบริเวณนี้ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับร้านสะดวกซื้อ
และใกล้พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกจุดหนึ่งของเขาค้อ ทำให้จุดชมวิวไปรษณีย์เขาค้อมีเสน่ห์ดึงดูดให้
เป็นจุดที่น่าพักที่สุดแห่งหนึ่ง
5.เขาตะเคียนโง๊ะ ตั้งอยู่ในตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด
อีกแห่งหนึ่งบนเขาค้อ ที่สามารถ สามารถชมทะเลหมอกได้รอบทิศแบบ 360 องศา พร้อมบรรยากาศของพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า
จากจุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะสามารถมองเห็นวิวทิวเขาอันสวยงามที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเขาปู่ เขาย่า ที่มีรูปทรงคล้ายภูเขาไฟฟูจิ
รวมถึงผืนป่าของเขาค้อและเส้นทางถนนที่ทอดยาวมายังจุดชมวิวที่อยู่เบื้องล่าง
เขาตะเคียนโง๊ะ ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 2258 จากสี่แยกรื่นฤดี (สะเดาะพงษ์) ขับเลยพระตำหนักเขาค้อไปทางทุ่งแสลงหลวง
ที่สำคัญบนเขาตะเคียนโง๊ะสามารถนำรถขึ้นไปได้เลย
หากใครอยากมากางเต็นท์แบบติดหมอกที่บนเขาตะเคียนโง๊ะก็ย่อมได้ ที่นี่เค้ามีเต็นท์เอกชนให้บริการ หรืออาจจะเตรียมเต็นท์มาเอง
เตรียมอาหาร เครื่องดื่มมาเอง มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการ ข้างบนไม่ที่พักแบบบ้านพัก ไม่มีร้านอาหาร แต่ตอนเช้ามีซุ้มขายกาแฟ มาม่า
6.วัดกองเนียม ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและชมหมอกที่สวยงามดั่งความฝันต้องยกให้วัดกองเนียม จุดนี้สวยมาก
มีทะเลหมอกไม่ได้ให้ชมกันทุกวันในช่วงหน้าฝน นอกจากจะมีเวลามาเที่ยวกันแล้ว ต้องมีดวงกันด้วยประมาณนึง แต่รับประกันได้ว่า
ถ้ามาเจอตอนมีหมอกสวยๆ ต้องตะลึงเหมือนอยู่ในภวังค์แน่นอน เพราะภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับภาพฝันกันเลย สำหรับคนที่
อยากมาชมความงามของหมอกไล่สันเขาแบบนี้ควรจะมากันตั้งแต่เช้ามาเฝ้ากันตั้งแต่หกโมงกันเลยจะดีมาก
จุดชมวิววัดกองเนียม ตั้งอยู่ใกล้กับหอสมุดนานาชาติ ติดกับทางขึ้นไปชมอนุสรณ์สถานเขาค้อ ริมเส้นทางสาย 2196 เป็นจุดที่สามารถ
มองเห็นทะเลหมอกในทางทิศตะวันออก พร้อมกับแสงสีส้มของอาทิตย์ ทะเลหมอกในจุดนี้เกิดค่อนข้างยากพอสมควร ต้องในวันที่มี
อากาศเย็นจัดและไม่มีลมจริงๆ เท่านั้น แต่เมื่อเกิดทะเลหมอกแล้วก็จะสวยงามกว่าทุกๆ ที่เพราะเป็นทะเลหมอกท่ามกลางเนินเขาสลับ
ซับซ้อน โดยมีต้นค้อสูงใหญ่เป็นฉากหน้า และฉาบทาด้วยแสงสีส้มของพระอาทิตย์ ส่วนฉากหลังก็เป็นดวงอาทิตย์สีส้มดวงใหญ่
ทะเลหมอกที่วัดกองเนียมพบได้บ่อยในช่วงปลายฝนต้นหนาว ในวันที่ไม่มีกระแสลม
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)