เมื่ออยู่ๆ ก็คิดอยากจะไปอัพแต้มบุญที่ “พม่า” ความศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาหนาหู เลยเปิดอากู๋เสิร์ชหาทัวร์ดีๆ น่าเชื่อถือ ไม่เทเราทิ้งก่อนบิน สุดท้ายก็เลือก Planet Holidays Travel ทัวร์พม่าทันใจ 3 วัน 2 คืน ราคาไม่แพงแค่ 9,997 บาท แถมเวลาบินดีงามไปเช้ากลับดึก คุ้มค่าเต็มวันแบบนี้ชักช้าอยู่ทำไมโทรไปถามรายละเอียดและจองกันดีกว่า
เมื่อวันเดินทางมาถึงมันจะกังวลหน่อยๆ เพราะเป็นคนกินยากอยู่ยาก ขนาดสอบถามข้อมูลมาแล้วก็ยังหวั่นใจ
พอไปถึงแอร์พอร์ตจะเห็นเจ้าหน้าที่ของ Planet Holidays Travel ยืนรอต้อนรับลูกทัวร์อยู่ก็ดิ่งเข้าไปหาอย่างเร็ว เช็กอินอะไรเสร็จพร้อมบินใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงพม่าแล้วจ้า
หลังจากผ่าน ตม. รับกระเป๋าเรียบร้อยไกด์ก็พาขึ้นรถทัวร์ไปไหว้ที่แรก คือ “พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี” หรือ “พระนอนตาหวาน” ความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต มีลักษณะตามแบบพม่าคือ หน้าหวาน และที่โดดเด่นขององค์นี้คือ ตาหวาน รวมถึงสีสันของหน้าตาตลอดจนสีเล็บสดใส
บริเวณพระบาทมีจะภาพมงคล 108 ประการด้วย
สิ่งที่ทำให้เราประทับใจวัดนี้นอกจากความงามของพระนอน คือ ไม่มีคนมารุมขายของไหว้พระ เพราะที่นี่เค้ามีเคาน์เตอร์ขายดอกไม้อยู่ข้างในอาคารเพียงแผงเดียวเท่านั้น และวัดนี้เราไม่ต้องเสียค่ากล้องถ่ายรูปหรือกล้องวีดิโอด้วย
ไหว้พระขอพรเสร็จก็ไปต่อกันที่ “เจดีย์โบตาทาวน์” สร้างโดยทหารพันนายเพื่อบรรจุพระบรมธาตุ ซึ่งมีพระสงฆ์อินเดีย 8 รูป นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน และในปี 2466 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์ ทำให้พบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุ พระบรมธาตุ 2 องค์ พระพุทธรูปทอง/เงิน/สำริดกว่า 700 องค์ จารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ต้นแบบภาษาพม่า ซึ่งภายในเจดีย์แห่งนี้ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิผนังเป็นสีเหลืองทองอะหล่ามงามเป็นที่ซู้ดด
จากนั้นก็ไปต่อยังสถานที่ที่เรารอคอยของทริปพม่าทันใจนี้ คือ “เทพทันใจ” หรือที่ชาวพม่าเรียกว่า “นัตโบโบยี” เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่า ว่ากันว่าขอพรแล้วสำเร็จรวดเร็วทันใจสมดั่งชื่อของท่าน พอถึงตรงนี้ไม่ต้องยืนงงเพราะไกด์จะสอนวิธีสักการะที่ถูกต้องให้ฟังก่อนแล้วเราก็ปฎิบัติตาม
วิธีสักการะขอพรเทพทันใจ (นัตโบโบยี) คือ ถวายดอกไม้/ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน/กล้วย ซึ่งเทพทันใจ (นัตโบโบยี) ชอบมาก และนำเงิน (ดอลล่า บาท หรือจ๊าตก็ได้ แต่แนะนำให้เอาเงินบาทดีกว่าเพราะเราเป็นคนไทย) ใส่มือของเทพทันใจ (นัตโบโบยี) สัก 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึงเงินกลับมา 1 ใบ นำเอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นเอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของเทพทันใจ (นัตโบโบยี) แค่นี้ก็จะสมตามความปรารถนาที่ขอไว้แล้ว
จากนั้นข้ามไปอีกฟากของถนนเพื่อสักการะ “เทพกระซิบ” มีนามว่า “อะมาดอว์เมี๊ยะ” ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาคที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีลไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว การขอพรและบูชาเทพกระซิบจะใช้น้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้ ตรงนี้แถวจะยาวหน่อยแต่รอไม่นาน เพราะเค้าให้สักการะได้รอบละ 4-5 คน
เสร็จเรียบร้อยก็เตรียมขึ้นรถทัวร์ไปต่อกันยังสถานที่สุดท้ายของวันแรก “พระมหาเจดีย์ชเวดากอง” พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองอายุมากกว่าสองพันห้าร้อยปี เป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า แค่ฟังก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ พอไปถึงโอ้โหหห แม่เจ้า! ทั้งสวยทั้งขลัง อลังการงานสร้างเวอร์
โดยสถานที่แห่งนี้มีลานอธิษฐานซึ่งเป็นบริเวณเดียวกันกับที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบด้วยนะ ซึ่งเราสามารถนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ขอพรเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคลได้
ก่อนกลับทางทัวร์จะเรียกรวมตัวเพื่อถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกตามระเบียบ หลังจากนั้นก็พาเราไปทานอาหารเย็นและกลับโรงแรมพักผ่อนตามอัธยาศัย ส่วนที่พักคืนแรกก็จะประมาณนี้จ้า หรูหรานอนสบายสุดๆ
ตื่นเช้ามาวันที่ 2 เรานั่งรถทัวร์ไป “หงสาวดี” อดีตเมืองหลวงเก่าแก่ที่สุดของมอญมีอายุมากกว่า 400 ปี
แลนด์มาร์คแรกของวันนี้ คือ “พระราชวังบุเรงนอง” และบัลลังก์ผึ้ง ที่เพิ่งเริ่มขุดค้นและบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2533 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ สันนิษฐานว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์ผู้ได้รับสมญานามว่าเป็น “ผู้ชนะสิบทิศ” รวมถึงเป็นที่ประทับของพระนางสุพรรณกัลยาและสมเด็จพระนเรศวรมหาราชครั้งเป็นเชลยศึกเมื่อตอนเสียกรุง แต่ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้เหลือเพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ จึงถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆ ขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร
ในส่วนของความอลังการคงไม่ต้องพูดถึง อยากให้ทุกคนมาเห็นด้วยตาตัวเองเพราะสถานที่จริงนั้นวิจิตรงดงามทุกมุม
จากนั้นไกด์จะพาไปตักบาตรพระสงฆ์กว่า 1,000 รูปที่ วัดไจ้คะวาย โอ้โหหห 1,000 รูป แค่ได้ยินก็ตื่นเต้นแล้ว พอไปเห็นจริงๆ พระสงฆ์เยอะและแถวยาวมากกกกก เพราะเพิ่งเคยทำบุญใหญ่แบบนี้ครั้งแรกเลยรู้สึกอิ่มบุญอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ศึกษาพระไตรปิฎกของพระภิกษุและสามเณร เราสามารถนำสมุด ปากกา ดินสอไปบริจาคได้ด้วยนะ ใครสนใจถวายสิ่งของก็แพ็คใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องมาโลดด
จากนั้นไปต่อยังเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่า “พระมหาเจดีย์ชเวมอดอร์” หรือ “พระธาตุมุเตา” แปลว่า จมูกร้อน เพราะมีความสูงมากจนต้องแหงนหน้ามองกับแสงแดด ที่นี่ไกด์จะพาเราไปสักการะ “ยอดเจดีย์หัก” ซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะเมื่อครั้งยอดฉัตรตกลงมาปี พ.ศ. 2473 ด้วยน้ำหนักมหาศาล แต่กลับยังคงสภาพเดิมและไม่แตกกระจายออกไปจนเกิดเป็นที่ร่ำลือ
ณ จุดนี้ไกด์จะสอนวิธีสักการะที่ถูกต้องให้เรา คือ นำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมา จรดหน้าผากกับอิฐแล้วขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล เปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป
เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถทัวร์ไปเมืองไจโท รัฐมอญ ระหว่างทางเราจะได้พบกับสะพานเหล็กที่ข้ามผ่านแม่น้ำสะโตง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งในอดีตขณะที่สมเด็จพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยา แวะถ่ายรูปสักนิด แล้วเดินทางต่อไป “พระธาตุอินทร์แขวน” ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็จะถึงคิมปูนแคมป์ ทำการเปลี่ยนเป็นรถท้องถิ่นเป็นรถบรรทุกหกล้อ (เป็นรถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่เราจะสามารถขึ้นพระธาตุอินแขวนได้) เพื่อเดินทางสู่ยอดเขาและเข้าที่พักเก็บข้าวของก่อนจะพาไป “พระธาตุอินทร์แขวน”
ความมหัศจรรย์ของ “พระธาตุอินทร์แขวน” หรือ “เจดีย์ไจก์ทิโย” คือ เป็นเจดีย์องค์เล็กๆ สูงเพียง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนหินบนยอดเขาอย่างหมิ่นเหม่ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ชาวพม่าเชื่อว่าไม่มีทางตกเพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในเจดีย์ย่อมทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้เรื่อยไป
สำหรับคนที่ได้มาสักการะพระธาตุอินทร์แขวนนี้ครบ 3 ครั้ง มีความเชื่อว่า ผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดั่งปรารถนาทุกประการ เราสามารถเตรียมแผ่นทองคำไปเพื่อปิดทององค์พระธาตุอินทร์แขวนได้ แต่การเข้าไปปิดทองจะทำได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ส่วนผู้หญิงสามารถอธิษฐานแล้วฝากผู้ชายเข้าไปปิดแทน
หลังจากสักการะเรียบร้อย เราดื่มด่ำกับบรรยากาศโดยรอบและถ่ายรูปสักพัก ก็ขอตัวกลับเข้าห้องเพื่อพักผ่อนเอาแรงเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำบุญตักบาตรตั้งแต่ตี 5 ในส่วนของที่พักคืน 2 นี้ก็ตามภาพเลยจ้า
ต้อนรับเช้าวันที่ 3 ด้วยอากาศเย็นสบาย หมอกเบาบาง ถ้าใครตื่นตั้งแต่เช้ามืดและอยากขึ้นไปใส่บาตรพระธาตุอินทร์แขวนก็ย่อมได้ ก่อนจะกลับมารับประทานอาหารเช้าและเก็บกระเป๋าเดินทางกลับ
ขาลงนั้นเราจะไม่นั่งรถกลับทางเดิมแต่จะเปลี่ยนมานั่งกระเช้าไฟฟ้าลงไปแทน ขอบอกว่าบรรยากาศจากมุมสูงนั้นสุดยอดมาก ฟินระดับ 10 ไปเล้ยยยย และที่ดีงามไปอีกคือค่ากระเช้านี้รวมในค่าทัวร์พม่าทันใจเรียบร้อยแล้วด้วย
จากนั้นเราก็นั่งรถทัวร์ไปสักการะ “พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว” พระนอนที่งดงามที่สุดของพม่า พุทธลักษณะตามแบบมอญในปี พ.ศ. 2524 ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวพม่าทั่วประเทศ ความยาว 55 เมตร สูง 18 เมตร พระบาทวางเหลื่อมเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับพระนอนของไทย
แล้วไปต่อกันที่ เจดีย์ไจ๊ปุ่น พระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ สูง 30 เมตร ประกอบด้วย องค์สมเด็จพระโคตมพุทธเจ้า (ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) พระพุทธเจ้าในอดีต สามพระองค์ คือ พระกัสสปะพุทธเจ้า (ทิศตะวันตก) Kyaik Kawai Temple เล่ากันว่า สร้างขึ้นโดยสตรีสี่พี่น้องที่มีพุทธศรัทธาสูงส่ง และต่างให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต
จากนั้นไกด์ก็จะพาเราไปช้อปปิ้งที่ “ตลาดสก๊อต” ตลาดเก่าแก่ของชาวพม่า มีสินค้าพื้นเมืองต่างๆ มากมาย เช่น เครื่องเงิน ภาพวาด งานแกะสลักจากไม้ อัญมณี หยก ผ้าทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป แป้งทานาคา เป็นต้น แต่เราไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาเลยขอข้ามส่วนนี้ไปเลยดีกว่า
และสถานที่สุดท้ายของทริปนี้คือ “วัดบารมี” ที่แค่ชื่อก็เป็นมงคลชีวิตแล้ว ไกด์พาเรามาเพื่อสักการะพระเกศาของพระพุทธเจ้า ที่ชาวพม่าเชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่จริง เพราะเมื่อนำพระเกศาธาตุนี้มาวางลงบนถาดสามารถเคลื่อนไหวได้ อีกทั้งวัดนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุไว้มากที่สุดด้วย ไม่ว่าจะเป็นของพระโมคคัลลา พระสารีบุตร และพระอรหันต์ต่างๆ
เมื่อทำบุญและถวายปัจจัยเสร็จเรียบร้อย ก่อนกลับและจบทริปพม่าทันใจนี้ไกด์จะแจก “เทพทันใจ” เพิ่มความเป็นสิริมงคงแก่ชีวิต เป็นของที่ระลึกให้เรานำกลับไปบูชา
และแล้วก็มาถึงสิ่งที่เราภูมิใจนำเสนอ นั่นคือ เมนูอาหารทั้งหมดของทัวร์พม่าทันใจ 3 วัน 2 คืน ที่ Planet Holidays Travel จัดเต็มให้ลูกทัวร์อิ่มหนำสำราญพุงตลอดทริป
สำหรับมื้อพิเศษสุดๆ ของทัวร์พม่าทันใจนี้คือ “ชาบูชิ” สุดพรีเมี่ยม มื้อใหญ่ จัดหนัก ไลน์อาหารเยอะ ทั้งหมู เนื้อ กุ้ง ปู ปลา ผักสด ของทานเล่น เครื่องดื่มมีให้เลือกเยอะมาก รสชาติดีด้วย กินกันไม่ต้องกลัวหมด แถมอร่อยจนหยุดไม่ได้ จริงๆ มีเมนูให้เลือกเยอะกว่าในรูปอีกนะ แต่ด้วยความหิวและห่วงกินเลยถ่ายมาให้ดูเท่านี้จ้า
สุดท้ายก่อนจะจบรีวิว เราขอเล่าความประทับใจของการมาเที่ยวกับทัวร์ครั้งแรกสักนิด
1. ความสะดวกสบายตั้งแต่เรื่องของการเดินทางและแพลนเที่ยว คือ ไม่ต้องเตรียมตัว วางแผน หรือหาข้อมูลอะไรให้ยุ่งยาก
2. อาหารการกิน ดีงาม อร่อย และจัดเต็มครบทุกมื้อ ไม่ต้องกังวลว่าเราจะทานไม่ได้ ส่วนใครที่แพ้อาหารหรือกินมังสวิรัติสามารถแจ้งทางทัวร์ได้เลย
3. วิธีไหว้พระขอพรถูกต้องตามหลัก เพราะในแต่ละสถานที่ไกด์จะคอยบอกตลอดทุกจุด
4. เที่ยวสถานที่ฮิตๆ แบบจัดเต็มครบถ้วน ซึ่งถ้าเราไปเองอาจจะไม่สามารถเดินทางครบทุกจุดแบบนี้
5. หมดห่วงเรื่องภาษาและการสื่อสาร แม้เราจะพูดภาษาถิ่นไม่ได้ก็ยังมีไกด์คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต่อราคาหรือเหตุฉุกเฉินต่างๆ
หวังว่าข้อมูลของเราจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่สนใจไปเที่ยวพม่านะคะ
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)