วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การเที่ยวเกาะล้านในแบบชิลๆ ของเรากัน
ทริปนี้เริ่มต้นจากการเราเห็นมีรีวิวมากมายเกี่ยวกับเกาะล้าน เลยคิดว่าที่นี่ต้องมีอะไรทีน่าสนใจแน่ๆ เลยลองหาข้อมูลดู
ที่นี่เป็นที่เที่ยวที่ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯเลย แต่เราสองคนก็ไม่มีใครเคยได้มา ครั้งนี้เลยจะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเราในการมาเยือนเกาะล้าน ในวันหยุดยาวช่วงวันแรงงาน
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เช้าหน่อย ด้วยรถส่วนตัว เพื่อต้องการไปให้ทันรอบเรือโดยสารเที่ยว 10.00 น. (ข้อมูลการเดินเรือ และเครดิตภาพตามด้านล่าง) แต่ในช่วงวันหยุด คนเยอะแล้วเค้าจะใช้ระบบเต็มแล้วออก ต้องกะเวลาดีๆ
นอกจากเรือโดยสารแล้วยังมี Speed boat ให้นั่งราคาตอนที่เราไปคนละ 200 บาท เลือกได้ตามแต่สะดวก
เมื่อมาถึงท่าเรือแหลมบาลิฮาย แล้วโค้งขวามาตามทาง ผ่านหน้าอาคารท่าเรือ ด้านซ้าย(ด้านขวามือจะเป็นอาคารจอดรถของพัทยา สีเขียว เราไม่ได้จอดตึกนี้ ) จากนั้นก็วนขวามาตามทาง (อาคารเขียวๆยังอยู่ขวามือ) จะมีทางสามแยก ที่ด้านซ้ายเหมือนจะเลี้ยวไม่ได้ แต่จริงๆจะมีคนโบกให้เราเลี้ยวเข้าไปจอดได้ ตรงนี้จะเป็นทางเข้าที่จอด
มาถึงตึกจอดรถเค้าจะให้เราต่อแถวรอ ก็ทำตามที่เค้าบอกไป เพราะว่าต้องรอให้คนมาเอารถด้านในออกไปก่อน เราถึงจะเอารถเข้าไปได้ ค่าจอดรถค้างคืนราคาคืนละ 180 บาท จะได้บัตรจอดรถมา ต้องเก็บไว้ให้เค้าตอนที่เราจะกลับ ที่นี่ต้องมาเอารถก่อนบ่ายสองของวันถัดไป
ทางเข้าไปที่จอดรถแอบลึกเหมือนกัน โชคดีที่มีรถสามล้อพ่วงข้างผ่านมาเลยได้ใช้บริการ ราคาเที่ยวละ 50 บาท ส่งถึงเรือเลย
พอถึงเรือพี่สามล้อพ่วงข้างใจดี บอกเราว่าเรือเบอร์ 9 ไปได้เลยค่ะ เรือกำลังจะออกไปท่าหน้าบ้าน เราก็รีบวิ่งขึ้นเรือเลย เพราะว่าตอนนี้เรือกำลังจะเต็มแล้ว ไม่ได้ถามคนจ่ายเงินเลยว่าลำนี้ไปท่าหน้าบ้านจริงไหม เพราะเห็นด้านหลังของคนเรือเขียนว่าท่าหน้าบ้าน เลยเข้าใจไปเองว่าตัวเองไปถูกแน่ๆ ราคาค่าบริการคนละ 30 บาท
มาถึงแล้วเกาะล้าน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
หันไปด้านขวามือของท่าเรือ จะเจอชายหาดที่มีคนเยอะมาก แล้วก็มีเรือ Speed boat ลอยลำอยู่เต็มไปหมด
หาดนี้จะมีทุ่นกั้นไว้สำหรับคนที่เล่นน้ำเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย จากเรือ Speed boat และ เจ็ทสกี
ใกล้ถึงท่าเรือ เราก็โทรเรียกรถของที่พักมารับ บอกเค้าซะดิบดีเลยว่า เราอยู่ท่าหน้าบ้านนะคะ รอไปประมาณ 15 นาที เริ่มรู้สึกผิดปกติ เดินลงไปถามคนแถวนั้น เพราะว่าท่าเรือที่เรือมาลงมันจะมีสองท่าคือ หาดตาแหวน กับท่าหน้าบ้าน พี่คนแถวนั้นบอกว่าที่น้องยืนอยู่นี่คือหาดตาแหวน นิ่งไป 3 วิ นี่มาผิดเหรอเนี่ย รับน้องตั้งแต่มาถึงเลยนะ เลยต้องโทรไปขอโทษโรงแรม แล้วบอกเค้าใหม่ ว่าเรามาผิดท่าเรือค่ะ พี่เค้าก็ใจดีไม่ได้ว่าอะไร วนรถมารับ
ยานพาหนะของที่นี่ส่วนมากเค้าจะขี่มอเตอร์ไซด์กัน แต่เราสองคนไม่มีใครขี่มอเตอร์ไซด์ได้ทั้งคู่เลย แล้วทางที่ใช้ ส่วนมากก็เป็นเขาสูงชัน ให้ใช้เกียร์ออโต้ยังไง ก็รู้สึกไม่ปลอดภัย การเดินทางในเกาะของเราทริปนี้หลังจากเข้าที่พักไปแล้วส่วนมากคือการเดิน
ที่พักของเราทริปนี้คือ บ้านทะลน้ำใส เกาะล้าน ที่พักแห่งนี้เพิ่งเปิดตอนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเลยเป็นที่พักที่ค่อนข้างใหม่ ซอยทางเข้าอยู่ถัดจากที่พักที่ชื่อ Koh larn FC
ห้องพักที่เราได้เป็นห้องพักชั้น 2 ด้านหน้าสุด วิวดีมากมาย ไปดูห้องพักกัน
ห้องพักที่นี่ขนาดกำลังพอดีไม่รู้สึกอึดอัด ด้วยความที่ห้องเราเป็นห้องที่อยู่ด้านหัวมุม เลยมองเห็นวิวทะเลชัดเจนมีระเบียงออกไปรับลมเป็นรูปตัวแอล ด้านนึงมองไปเห็นสระว่ายน้ำ อีกด้านนึงมองไปเห็นทะเล
ระเบียงด้านหน้าห้อง
ห้องสวยแบบนอนมองทะเลชิลๆได้เลย
วิวสวยๆถ่ายจากระเบียงที่พัก
ความพิเศษของทีนี่คือเป็นที่พักที่มีสระว่ายน้ำ เป็นสระว่ายน้ำแบบจริงจัง ว่ายได้เลย ยิ่งไกลทะเลสระจะยิ่งลึก
ตั้งแต่มาถึงเรายังไม่ได้กินอะไรเลย เลยได้เวลาตามล่าหาของกิน เดินออกจากซอยที่พักมาเลี้ยวขวาไปนิดนึงจะเจอร้านอาหารตามสั่ง ชื่อ ลุงกับป้า อาหารตามสั่ง มอเตอร์ไซด์จอดเต็มไปหมด เลยคิดว่าต้องดีแน่ๆ
ถึงแม้ว่าคนจะเยอะแต่ว่าอาหารที่นี่ออกเร็ว ราคาไม่แพงมาก เราสั่งตามสั่ง 2 อย่างไข่เจียวเป็นกับข้าวจานนึง น้ำ 1 ขวด ราคาประมาณ 170 บาท (ตอนแรกเข้าใจว่าอาหารบนเกาะจะแพงมากกว่านี้)
อาหารที่เหลือถ่ายไม่ทัน ถ่ายได้มาจานเดียว เพราะว่าหิวมาก
อิ่มจากของคาวแล้วไม่ต่อของหวานก็ยังไงอยู่ มาถึงเกาะล้านคงต้องไม่พลาดร้าน มาหารัก คาเฟ่
ร้านกาแฟชิลๆ ริมทะเล อ่านรีวิวมา คนที่มาเกาะล้านต้องไม่พลาดที่จะเยือนที่นี่
นี่เป็นหนึ่งใน list สถานที่ที่เราแพลนว่าต้องมาเลย
จากร้านอาหารตามสั่งเราก็ใช้อากู๋ (Google map) นำทางมายังร้านมาหารัก ขี่มอเตอร์ไซด์ไม่เป็นกัน ก็ต้องเดินสิคร๊าบ รออะไร
อากู๋บอกว่าเดินไปประมาณ 300 เมตรก็ถึง ไม่ไกลมาก แต่ต้องระวังเป็นพิเศษเลยคือ มอเตอร์ไซด์ที่ขี่ไปมา
นักท่องเที่ยวรวมถึงคนที่นี่ใช้มอเตอร์ไซด์กันเยอะมาก และถนนบนเกาะก็ไม่ได้มีทางเท้าให้เดิน
ถึงแล้วร้านมาหารัก คาเฟ่
ด้านหน้าร้านจะมีรถมอเตอร์ไซด์จอดเยอะเลย หาเจอแน่นอน
เข้ามาด้านในร้าน จะแบ่งเป็น 2 โซนคือ ห้องแอร์ที่จะมีเคาเตอร์บาร์สำหรับสั่งขนมและกาแฟอยู่ ด้านซ้ายมือจะเป็นมุมชั้นหนังสือ ส่วนด้านนอกจะเป็นลานไม้เปิดโล่งติดชายทะเล การตกแต่งของร้านเป็นแบบเรียบง่าย และให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง
โซนด้านนอกก็ตกแต่งน่ารัก สบายๆ แต่ถ้าไปกลางวันช่วงหน้าร้อน ก็อาจจะต้องอดทนนิดนึง ถ้าอยากนั่งด้านนอก บรรยากาศสวยๆ ชิลๆ
กินบรรยากาศไปแล้ว ได้เวลามากินขนมกับกาแฟบ้าง
มาแล้วก็ต้องลอง จัดเครื่องดื่มไป 2 คน 3 แก้ว กินคู่กับ Macaroon
กาแฟรสชาติดีเลยกลมกล่อม จิบกาแฟไปมองทะเลไปนี่คือเพลินมากเลย
อีกแก้วที่สั่งมาคือกีวี่ปั่น มาตัดเลี่ยนกาแฟซะหน่อย รสชาติดีไม่หวานมากไป
มาการองสีสวย อร่อยด้วย
หลังจากที่ลองกาแฟและขนมแล้ว เราสองคนชอบมาก
ร้านนี้พอพระอาทิตย์ตกดินในยามค่ำคืน ร้านกาแฟน่ารักๆ จะกลายเป็นร้านนั่ง Drink ชิลๆ ที่มีดนตรีสดให้ฟัง เลยคิดว่าเดี๋ยวเย็นนี้เราค่อยกลับมาใหม่หลังพระอาทิตย์ตกดิน
ปล. ร้านมาหารัก คาเฟ่ จะมีเวลาพักเบรกนะจ๊ะ ใครจะมาก็กะเวลามาให้ดี ช่วงระหว่างเวลา 15.30-17.30 น. จะได้มาไม่เสียเที่ยว
ระหว่างที่เดินกลับที่พัก เจอร้านเหล้าปั่นของคนท้องถิ่นแถวนั้น ต้องลองซะหน่อย สั่งสตรอเบอรี่ กีวี่มา ราคา 120 บาท
ในส่วนของรสชาติเหล้าปั่นนั้น บอกได้เลยว่าไม่ค่อยอร่อยเท่าไร เหมือนกินน้ำผลไม้ปั่นธรรมดา
เค้าใส่แอลกอฮอล์น้อยมาก แต่ก็ไม่เป็นไร
เราเลยจัดการเพิ่มอรรถรสในการกินเหล้าปั่นมันริมสระว่ายน้ำที่ที่พักแทนละกัน
เครื่องดื่มไม่อร่อย แต่บรรยากาศดีก็โอเค ซื้อมาแล้วทำไงได้ ก็ต้องกินให้หมด
ทะเลดูสงบนิ่งมาก
คิดในใจว่าลักษณะเหมือนพายุจะมาแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หลังจากที่คลื่นลมดูสงบไม่นาน
เมฆดำทะมึนก็คลืบคลานเข้ามา จากที่ตอนแรกเห็นวิวเมืองพัทยา
ผ่านไปแปปเดียว มองไม่เห็นอะไรเลย มีแต่เมฆสีดำเต็มไปหมด และลมแรงมาก
ฝนตกเป็นพายุอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็หยุด
โชคดีของเราตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะไปตกหมึก แต่โทรไปถามเค้าก่อนที่ฝนจะตก
ปรากฎว่ารอบ 18.30 เต็ม เพราะว่าเป็นวันหยุดยาว มีอีกทีรอบ 22.00 น. อันนี้ก็ดึกไป เลยไม่ได้ไป
ยิ่งพอมีฝนตกแล้ว ก็ทำให้ไม่อยากไปเลย
ฝนตกพรำ ก็เลยได้นั่งจิบเบียร์อยู่ริมระเบียงที่ห้อง
อาหารกะขนมที่กินไปเมือตอนกลางวันกับตอนบ่ายย่อยไปหมดแล้ว
ได้เวลาที่ต้องหาอาหารเย็นมาเติมเต็มกะเพาะซะหน่อย
มีเพื่อนแนะนำให้ไปกินร้าน ป้าสมใจซีฟู๊ด อยู่ห่างจากที่พักเราประมาณ 1.3 กิโล
แต่เราก็ไม่หวั่น เพราะว่าเดินไปตอนเย็น อากาศไม่ร้อนมาก
แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ระยะทาง มันอยู่ที่เราหาร้านไม่เจอ!!!
อากู๋ก็ช่วยเราไม่ได้ หาใน google map ก็เหมือนจะเป็นคนละที่กัน
สุดท้ายแล้วต้อง search ใน facebook แล้วโทรไปถามป้าสมใจเอา
ป้าบอกว่าผ่านท่าหน้าบ้านมา เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ผ่านอนามัยมาก็ถึง
พอมาถึงสถานที่จริง อยากจะบอกว่าป้าคะ แยกของจริงมันมีเยอะมากกว่าที่ป้าพูดเยอะเลย
เดินไปจนเกือบจะถอดใจ สุดท้ายก็เจอสถานีอนามัยตามที่ป้าว่าไว้จริงๆ เลยคิดว่าไม่หลงแน่ ได้กินแล้ว
ไปถึงที่ร้าน มีคนมาก่อนหน้าเราประมาณ 3 โต๊ะ เราไปเป็นโต๊ะที่ 4 และทุกโต๊ะก่อนหน้าเรายังไม่มีใครได้อาหารเลย
แต่ด้วยความมุ่งมั่นไหนๆ เราสองคนก็เดินมาไกลขนาดนี้แล้วจะให้เดินไปกินร้านอื่นก็ใช้เรื่อง
ก็เลยสั่งและตัดสินใจนั่งรอ
เมนูที่สั่ง คือ ปู ครึ่งโล กุ้งเผาครึ่งโล ปลาหมึกยัดไส้
รอ................................
รอนานมาก รอจนคิดว่าป้าเค้าออกไปตกหมึก หรือหากุ้งหาปู มาทำอาหารให้เรากินอยู่แน่ๆ
ในที่สุดอาหารที่รอคอยมานานก็มา
น้ำจิ้มทะเลรสแซ่บ อาหารอร่อย ให้อภัยกับการที่ต้องรอนาน แต่ว่าราคาแอบแพงไปนิดนึง 3 อย่างนี้เกือบพันนึง
พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ก็ได้เวลาของการนั่งจิบเบียร์เบาๆ
กลางวันไปชิมกาแฟกับขนมที่ร้านมาหารัก แล้ว ไหนมาลองดูตอนเย็นที่เปลี่ยนเป็นร้านนั่ง drink ดูสิ ว่าบรรยากาศจะเป็นยังไง
บรรากาศร้านเปลี่ยนไปจากตอนกลางวันเลย
แม้ว่าคนจะเยอะ แต่ว่าก็รอไม่นาน มีคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเรื่อยๆ
ตอนนี้ทุกคนล้วนจับจองที่นั่งด้านนอก ต่างกับตอนกลางวันที่ไม่ค่อยมีคนออกไปนั่ง เพราะว่าอากาศแบบร้อนไปนิด
เราได้นั่งโต๊ะริมทะเลเลย ตอนกลางคืนเป็นช่วงเวลาที่น้ำขึ้น ลมพัดมาตลอดเวลา เลยทำให้รู้สึกเย็นสบาย
เริ่มสั่งของมึนเมาดีกว่า วันนี้กะว่าจะมากินเหล้าปั่นล้างปากจากเมือกลางวันที่เหล้าปั่นที่สั่งไม่ได้เรื่องเลย
สั่งเหล้าปั่น ลิ้นจี่กับเลมอนไปคนละแก้ว พร้อมกับ กับแกล้ม 3 อย่าง คือ เฟรนฟรายด์ เอ็นข้อไก่ทอด ยำรวมมิตร
จากประสบการณ์ร้านที่แล้วที่อาหารออกช้ามาก ก็คิดว่าที่นี่ต้องออกช้าเหมือนกันแน่เลย เพราะว่าคนมันเยอะมาก
แต่ผิดคาด สั่งอาหารไปแปปเดียว ก็ได้แล้ว
อาหารพร้อม เครื่องดื่มของมึนเมาพร้อม ก็นั่งชิลๆ ฟังดนตรีสด
นั่งคุยกะหนุงกะหนิง ไปเรื่อยๆ เผลอแปปเดียว นั่งไปจนร้านจะปิด
เลยสั่งเบียร์อีกแก้วมากินก่อนกลับ คิดไว้แล้วว่าพรุ่งนี้เดี๋ยวเราจะมาใหม่
วันที่สองของทริป มาหารักที่เกาะล้าน
ตั้งเวลาปลุกไว้ 6 โมงเช้าเพื่อมาถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ขึ้น เปิดม่านปุ๊บ อ้าว ฟ้าสว่างแล้ว
ฟ้าสว่างเร็วมาก ตั้งแต่ยังไม่ 6 โมงเลย
เลยได้รูปตามที่เห็น
ตื่นเช้ามาเพื่อถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น กับกินอาหารเช้า แล้วเดี๋ยวไปนอนต่อ
ที่พักมีอาหารเช้าให้ ไม่ต้องเลือก ไม่ต้องสั่ง แค่นั่งเดี๋ยวเค้าจะยกมาให้เอง
เริ่มจากข้าวต้มหมู รสชาติโอเค
แต่ถ้าขอข้าวต้มเพิ่มจานที่สองได้หรือเปล่าไม่รู้นะ
เพราะว่าพอกินเสร็จเค้าก็ยกอาหารเช้าแบบ American Breakfast มาให้กิน
มันเยอะมาก เรากินไม่หมด แต่คุณแฟนกินหมดทั้งสองอย่าง แต่บอกว่าอิ่มมาก ก็ควรนะ เพราะว่ามันเยอะซะขนาดนี้
มุมเครื่องดื่ม มีชา กาแฟ น้ำส้ม น้ำเปล่า ไว้ให้บริการ
อิ่มแล้วก็ได้เวลานอนต่อ ทริปไม่รีบร้อน นอนพักผ่อนชิลๆ ออกเที่ยวบ่ายๆ
เมื่อวานพอดี page ที่พักที่บ้านทะเลน้ำใส เกาะล้าน เค้า share ร้านกาแฟเปิดใหม่
ถัดจากที่พักเราไปซอยเดียวเอง เค้าเพิ่ง Soft opening ไป ของใหม่เราต้องลอง
ร้านนี้ชื่อว่า Sea Space เดินไปตามแผนที่ที่เค้าให้มาใน page หาไม่ยาก
ออกจากที่พักเลี้ยวซ้ายไปนิดเดียวก็ถึงปากซอยที่เป็นที่ตั้งของร้านนี้
ตอนแรกไม่แน่ใจว่าป้ายมันชี้เข้าซอยถูกไหม ไปดูซอยเอาเองดีกว่า
ร้านอาจจะยังเพิ่งเปิด อะไรหลายๆ อย่างเลยยังไม่เข้าที่เข้าทาง
ที่กล้าเดินเข้าไป เพราะว่ามีมอเตอร์ไซด์หลายคัน ขับเข้าไปก่อนหน้าเรา น่าจะไปที่จุดหมายเดียวกันคือร้าน Sea space
ถึงแล้ว ร้านนี้เป็นร้านกาแฟน่ารักๆ ริมทะเล
แต่บริเวณรอบข้างตอนนี้อาจจะยังไม่ค่อยเรียบร้อย ให้เวลาเค้าอีกซักพัก น่าจะสวยงาม แต่ด้านในของร้านทำเสร็จเกือบหมดแล้ว
ไปดูบรรยากาศร้านด้านในกัน
ด้านในจะเป็นห้องแอร์ เป็นกระจกที่สามารถมองเห็นวิวทะเลด้านนอกได้ ร้านแต่งแบบเรียบง่ายแต่มีสไตล์
ด้านนอกก็มีโต๊ะให้นั่ง แต่ด้วยอากาศที่ร้อน เหมือนเตาอบแบบบ้านเราแล้ว ทุกคนล้วนกระจุกตัวอยู่ด้านในซึ่งเป็นห้องแอร์
เดินเข้ามาในร้าน พนักงานรีบบอกก่อนเลยว่า ตอนนี้เป็น soft opening มีแค่อาหารหวานไม่มีของคาว
กินหวานก็ได้ ของชอบอยู่แล้ว
เมนูมีให้เลือกหลายอย่าง ฮันนี่โทสต์ แพนเค้ก แต่ที่กำลังฮิตตอนนี้เลย ก็คงต้องเป็น บิงซู
จัดการสั่งไป 2 อย่างเบาๆ คือ บิงซู กับ ฮันนี่โทสต์
ตัวเนื้อบิงซูที่ร้านรสชาติเข้มข้น ผลไม้สดอร่อย กินแล้วเข้ากันอย่างดี
ฮันนี่โทสต์ จานนี้ก็อร่อย ขนมปังโทสต์ชุ่มเนย กรอบกำลังพอดี กินคู่กับไอศกรีมวนิลา เข้ากันดี ไม่หวานมากไป
โปรแกรมต่อไปของเราเย็นนี้ คือไปหาดตายาย
เราเดินไปที่วัดใหม่สำราญ ตรงท่าหน้าบ้าน เพื่อหารถสองแถวไปหาดตายาย
แต่ถามคันไหนก็ไม่มีใครไปเลย คนขับรถสองแถวบอกว่าคนไปหาดตายายน้อย ไปแล้วไม่คุ้ม
แล้วถ้าไปแล้วขากลับเราจะลำบาก เพราะว่าไม่มีรถกลับมา ก็เลยเปลี่ยนแผนตรงนั้นเลย
ถามเค้าว่าตอนนี้มีรถไปที่หาดไหนบ้าง ที่จะสะดวกทั้งมีรถไปแล้วก็มีรถกลับ
คนขับรถเลยแนะนำให้เรานั่งรถสองแถวคนละ 20 บาทไปลงที่หาดตาแหวน (หาดแรกที่เรานั่งเรือมาผิดนั้นแหละ)
แล้วเดินไปนิดนึงจะเจอกับหาดสังวาลย์ที่คนจะน้อยกว่าหาดตาแหวนที่เต็มไปด้วยคนจีนเต็มไปหมด
หาดตาแหวน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีคนเยอะแยะเต็มไปหมด
เดินมาตามทางเหมือนจะไปขึ้นเรือ จะเห็นสะพานไม้สีขาวทอดยาวไปด้านซ้ายมือ ให้เดินไปตามทางนั้นจะไปถึงหาดสังวาลย์
มาถึงก็ไม่ผิดหวัง คนไม่ค่อยเยอะ น้ำทะเลใส เสียตรงที่โขดหินเยอะไปนิดนึงด้านขวามือ
แต่ถ้าอยากเล่นน้ำ ด้านซ้ายมือของหาดก็เล่นได้อยู่
เรืองเล่นน้ำไม่ค่อยถนัด ถ่ายรูปเล่นดีกว่า
ขอแบบสวีทหวานนิดนึง (ภาพแบบนี้ขาตั้งกล้องช่วยคุณได้ แล้วกดชัตเตอร์ผ่านมือถือเอา)
มาทะเลต้องชอบมีรูปกระโดด ไม่รู้ทำไม ถามว่าเราถ่ายไหม ต้องถ่ายสิ จะเหลือเหรอ
กระโดดไปประมาณเกือบ 10 รอบ ไขข้อกระดูกเกือบพัง กว่าจะได้รูปออกมา
เบื้องหน้าสวยงาม เบื้องหลังนี่เละเทะ รูปเสียเยอะมาก
ถ่ายรูปเล่นจนพระอาทิตย์เกือบตกดินก็ได้เวลากลับไปที่พัก
เนื่องจากคืนวันอาทิตย์มีฟุตบอลคู่โปรดของคุณแฟน อาหารเย็นวันนี้เราเลยต้องซื้อไปกินที่ห้องพัก
ระหว่างทางที่เดินมาขึ้นรถสองแถวตอนขามา เราได้สำรวจร้านอาหารทะเลระหว่างทางแล้ว เลยตัดสินเลือกกินร้านบุญรอดซีฟู๊ด
ป้าสมใจซีฟู๊ดเมื่อวานว่าเด็ดแล้ว วันนี้คุณบุญรอดซีฟู๊ดชนะขาด น้ำจิ้มซีฟู๊ดจัดว่าแซ่บมากก อาหารทะเลราคาถูกกว่าเยอะ วันนี้สั่ง
ปู 2 ตัว
กุ้ง 1 กิโล
หอยเชลล์ ครึ่งโล
ฟรีค่าทำ ส่งตรงถึงที่พัก อาหารทำอย่างรวดเร็ว
ราคาเบาๆเพียง 670 บาท ฟินเฟร่อ
บอลจบเกือบสี่ทุ่มก็ได้เวลาไปนั่งชิลๆ อีกซักรอบก่อนกลับพรุ่งนี้
วันนี้ตั้งใจมาลองเบียร์แปลกที่ร้านมาหารัก มีให้เลือกหลายแบบ
วันสุดท้ายได้เวลาโบกมือบ๊ายบายเกาะล้าน เพราะว่าเป็นวันหยุดยาว เราสองคนเลยเลือกออกมาเร็วหน่อยประมาณ 7.30 น. จะได้ไม่แย่งเรือกันกลับ แต่ขนาดมาตอน 7.30 น. คนยังเยอะเลย เหมือนหลายคนคิดเหมือนกัน ว่าไม่อยากแย่งกันกลับ กลับช้ารถเข้ากรุงเทพก็ติดด้วย
จบไปแล้วสำหรับทริปเกาะล้าน คราวนี้เราไม่ได้ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆเยอะมาก
เพราะคิดว่าจะมานอนเล่นกันแบบชิลๆ ไม่เร่งรีบมาก เน้นนอน เน้นกิน เน้นดื่ม
สุดท้ายเราก็ได้เที่ยวแบบที่เราอยากได้จริงๆ แม้ว่าจะผิดแผนไปบ้าง
แต่ก็เป็นประสบการณ์ดีๆ ช่วงเวลาดีๆ ที่เราได้ใช้ร่วมกัน เที่ยวกันสองคนก็สนุกไปอีกแบบนึง
อีกอย่างการไม่มีรถมอเตอร์ไซด์ ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเดินทาง
การเดินไปก็ไม่ได้แย่มาก เดินคุยกันไปเรื่อยๆ หลงบ้างอะไรบ้างก็สนุกดี
หรือถ้าไกลมากแบบหาดตาแหวน หาดสังวาลย์ ก็มีรถสองแถวไปถึงไม่ได้ลำบากอะไร
ถามว่าจะกลับมาอีกไหม กลับมาเที่ยวอีกแน่นอนๆ ที่เที่ยวดีๆ ใกล้กรุงเทพฯ
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)