สวัสดีค่ะ วันนี้นะคะเราก็จะมารีวิววิธีการเดินทางจาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น>>>> ไปจังหวัดกาญจนบุรี นั่นเองค่ะ โดยการเดินทางครั้งนี้นะคะ เราก็จะเน้นประหยัดค่าเดินทางแต่ไม่ประหยัดค่ากินค่ะ 😁😆😀😅 ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ก็มีสมาชิกร่วมเดินทางเยอะแยะมากมายเลยค่ะ เราไปกันเป็นแก๊งค์ 555 โดยสมาชิกที่ร่วมในการเดินทางครั้งนี้ก็มี 2 คนด้วยกันค่ะ ทริปนี้เราก็ไม่ได้วางแผนอะไรมากมายค่ะ เพราะวางไว้แล้วล่มตล๊อดดดดเล๊ยยยยย
ซึ่งการเดินทางทริปไปไสกาญจ์ จุดหมายแรกของเราคือ จาก มข>>> สถานีรถไฟค่ะ เริ่มแรกนะคะ เราก็มาขึ้นรถสายแปดคันฟ้าๆ หน้าคอมเพล็กซ์ค่ะ โดยเราออกเดินทางกันตอน 18:40 โดยค่ารถสายแปดนะคะก็คนละ 9บาทตลอดสายค่ะ ก็นั่งรถสายแปดมาเรื่อยๆมาลงที่บขสค่ะ โดยพวกเรามาถึงที่บขสเนี่ย ตอน 18:50 พอลงรถที่บขสแล้ว เดินมาอีกนิดหน่อย ตรงโซนที่มีผลไม้ขาย เราก็จะเจอสะพานลอย ข้ามสะพานลอยไปขึ้นรถโดยสารอีกฝั่งกันเลยยย
ภาพข้างบนจะเป็นบรรยากาศภายในรถโดยสาร เนื่องจากเป็นการเดินทางครั้งแรกเลยตะกุกตะกัก ไม่สามารถถ่ายรูปรถมาให้ดูได้อย่างละเอียด เพราะตอนที่เราข้ามสะพานไปเสร็จรถก็มาพอดี 555 ที่ช้าเนื่องด้วยซื้อเสบียงไปตุนไว้กลัวบนรถไฟไท่ที แต่หารู้ไม่บนรถไฟมีขายตลอดเลยยย ซึ่งรถโดยสารประจำทางนี้มีอัตราค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย เมื่อเราขึ้นรถไปเนี่ยก็เตรียมเงินเหรียญแล้วก็หยอดเหรียญลงไป แล้งเราก็นั่งรถไปสักพัก จนมาถึงเทสโก้โลตัส เราก็ลงตรงนั้นเลยค่ะ แล้วก็เดินอ้อมมาทางด้านหลังจะเจอประตูที่เชื่อมระหว่างโลตัสกับสถานีรถไฟ เราก็เดินข้ามสะพาน แล้วเราจะเจอสถานีรถไฟชั่วคราวจ้าาาา
ปล.ขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูนะคะ พอดีไปถึงมันก็มืดแล้ว ถ่ายมาก็ไม่เห็นอะไรด้วยยย
หลังจากที่เรามาถึงสถานีรถไฟแล้ว เราก็ไปตองตั๋วรถไฟฟรีกันเลยค่ะ โดยรอบที่เราไปเนี่ยเป็นรอบประมาณ 21:30 ค่ะ เราก็รอรถไฟวนไปค่ะ
พอรถไฟมาถึงเราก็ขึ้นไปบนรถไฟกันเลยค่ะ นั่งกันไปยาวๆ เลย อันนี้เราขึ้นรถไฟกันตอน 21:30 ค่ะ แล้งก็นอนๆ กิน กันไปยาวๆ เลย จนถึงเวลา6:30 เราก็จะโผล่มาที่สถานีหัวลำโพง กรุงเทพมหานครค่ะ ขึ้นตอนต่อไปนะคะ เราก็ต้องหาทางยังไงก็ได้นะค่ะ เพื่อไปสถานีธนบุรีค่ะ เพราะจะมีรถไฟไปกาญจนบุรีค่ะ แต่ที่สถานที่หัวลำโพงก็มีรถไฟไปกาญจนบุรีนะคะ แต่จะเป็นรถไฟนำเที่ยว มีทุกวันเสาร์อาทิตย์ค่ะ
หลังจากค้นหาข้อมูลในพันทิปนะคะเราก็เจอวิธีการเดินทางอยู่หลายวิธีด้วยกัน แต่เราเผลอลบรูปที่บอกวิธีการเดินทางนั้นทิ้งไปแล้วค่ะ เนื่องๆจากเราดองการทำรีวิวนี้ไว้นานมากกกกก 5555 เราเลือกวิธีที่ 1 ที่บอกไว้ในวิธีการรีวิวค่ะ โโยเราต้องมาขึ้นรถเมลล์สาย53 เพื่อเดินทางไปลงที่ท่าพระจันทร์ โดยเราเดินหลงทิศไม่รู้ว่าต้องไปขึ้นรถเมล์สาย 53 ตรงไหน นานมากค่ะ เราได้ขึ้นรถเมล์ตอน7:00 ค่ะ โโยเราต้องเดินอ้อมสถานีรถไฟหัวลำโพง สมมตินะคะเราหันหน้าเข้าทางอนุเสาวรียืที่อยู่หน้าหัวลำโพง เราก็เดินไปทางซ้ายมือเราค่ะ เดินอ้อมไปจะเจอทางที่เป็นสายแยก เราก็เดินเลี้ยวไป ไม่ต้องตรงนะคะ ไปเรื่อยๆ ไม่ไกลค่ะ เราจะเจอป้ายรถเมลล์เราก็ยืนรถตรงนั้นได้เลย ถ้าสมมติว่าเพื่อนๆ งงหรือกลัวหลงทาง ทางที่ดีก็ถามคนแถวนั้นจะมั่นใจกว่าค่ะ เพราะตัวจิ่งเองนั้นก็มักสับสนซ้ายขวา อาจจะบอกผิดได้ 555 ภาพข้างบนจะเป็นภาพบรรยากาศภายในรถเมล์สาย 53 บาทค่ะ บอกเลยว่าการนั่งรถเมลล์ครั้งนี้เป็นการนั่งรถเมลล์ที่เครียดมากๆของจิ่ง เนื่องจากคนจะเยอะมาก แล้วทุกคนก็ดูเร่งรีบ รถออกตัวตั้งแต่คนยังขึ้นยังลงไม่เสร็จ และผู้โดยสารต้องไปยืนรอที่ประตูก่อนถึงปลายทาง แล้วปัญหาคือจิ่งไม่รู้ว่าท่าพระจันทร์อยู่ทรงไหนและหน้าตายังไงงงงงง โชคดีคุณป้าที่นั่งอยู่ข้างหลังจิ่งเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนคุณป้าเลยถาม และช่วยบอกให้ว่าใกล้ถึงแล้ว ต้องขอขอบคุณคุณป้ามากจริงๆ นะคะ คนไทยอยู่ที่ไหนก็น่ารักเสมอเลยยย 5555 และอีกอย่างที่น่าทึ่งมากคือนทักษะมนการทรงตัวของคนที่นี่มากค่ะ แบบรักษาระดับได้ดีสุด ๆ ไม่ว่ารถจะซิ่ง จะเหยียบ จะเบรก คนที่นี่นิ่งสุด ๆ จิ่งนี่ขนาดนั่งยังต้องสวดมนต์เลยค่ะ 55555
ในที่สุดเราก็มาถึงท่าพระจันทร์ค่ะ 555
หลังจากที่เรามาถึงท่าประจันทร์แล้วนั้น เราก็ต้องเดินตัดค่ะ เพื่อจะไปขึ้นเรือข้ามฟาก แต่เนื่องจากเรารีบมากกลัวไม่ทันรถไฟไปกาญจบุรีรอบเช้า จีงตัดสินใจนั่งวินมอเตอร์ไซต์ไปค่ะ โดยค่าโดยสารคนละ 20 บาทค่ะ
ซิ่ง ไปเลยค่าาาาาาา
หลังจากเรานั่งวินมอเตอร์ไซต์มาแล้วนั่น เราก็มาลงที่ตรงนั้เลยค่ะ ท่าพระจันทร์ เพื่อนั่งเรือข้ามฟากไปอีกฝั่งหนึ่งค่ะ เราก็เดินตัดตรงนี้ไปเลยจะเจอที่ขายตั๋วเรือ ข้ามฟากค่ะ
มาซื้อตั๋วกันเลยค่ะ ซึ่งเรามาถึงที่ท่าเรือตอน 7:50 ค่ะ อัตราค่าโดยสารอยู่ที่ คนละ3.50 ค่ะ
ซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็มานั่งรถเรือมาค่ะ บอกเลยว่าเหนื่อยและเพลัยมาก บวกกับขนของไปเยอะมาก เนื่องจากกะจำนวนของไม่ได้ 555 เป็นการเดินทางที่พะรุงพะรังกันสุดๆ วิ่งกันตลอดทาง เพราะเนื่องจากรถไปมาถึงเลทมาก และเนื่องด้วยการจราจรที่ติดขัดของรถที่กรุงเทพ ที่ตอนแรกนั้นจิ่งก็ยังไม่รู้ฤทธิ์เดชของการจราจรที่กรุงเทพมากนัก แต่การเข้าไปกรุงเทพครั้งนี้ จิ่งรู้แล้วว่าสุดๆ จริงๆ วินกันไปสามตลบ
หลังจากเรือมาแล้ว ก็ขึ้นเรือข้ามไปอีกฝั่งนึงกันเลยค่ะ นี่เป็นการนั่งเรือข้ามฟากครั้งแรกของจิ่ง ตื่นเต้นมาก 555 เพราะปกติจิ่งเป้นคนติดบ้านมากไม่ค่อยออกไปไหน พอได้ออกมาเลยรู้สึกดีมาก ๆ แต่เหมือนอากาศจะสวนทางกับอารมณ์ของจิ่งนะคะ ครึ้มมาเชียว 5555
หลังจากเราขึ้นจากเรือข้ามฟากแล้วนั้น เราก็เดินตัดที่ตรงนั้นได้เลยค่ะ ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะขึ้นรถแดงตามวิธีการที่เราอ่านมาจากในพันทิปค่ะ แต่เราหาไม่เจอ 555 เดินหลงไปมา ทั้งที่คุณลุงคนขับรถกระป๋องก็บอกเราแล้ว แต่เราก็หลงค่ะ ประกอบกับเหนือยมากเลยเดินกลับไปกลับมา สุดท้ายด้วยความเมตตาของคุณลุงเราเลยได้นั่งรถกระป๋องของคุณลุงไปลงที่ชานชาลารถไฟค่ะ ไม่ได้เข้าไปที่สถานนีรถไฟธนบุรีเลย โดยในช่วงที่เราเดินหารถแดงไปมานั้นเราก็ได้มีการแวะซื้อของกินแถวนั้นค่ะ มีของกินเยอะมากกก เพราะอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราชค่ะ หลังจากหาซื้อของกินเสร็จแล้วเราก็ขึ้นมานั่งบนรถกระป๋องค่ะ โดยรถกระป๋องที่เรานั่งไปนั้นเป็นรถกระป๋องที่เขียวค่ะ อัตราค่าโดยสารอยู่ที่คนละ 7 บาทค่ะ สองคนก็ 14 บาท เห็นในรูปไหมคะ เป็นรถกระป๋องสีเขียว พอดีจิ่งไม่ไดถ่ายรูปรถแบบเต็มๆ มา เพราะของเยอะพะรุงพะรังมาก
นั่งรถกระป๋องเขียวมาสักพัก คุณลุงก็จะจอดให้เราลงที่ปากทางค่ะ โดยข้างหน้าจะมีร้านอาหารตามสั่ง เราก็เดินเข้ามาเราก็จะเจอกับชานชาลารอรถไฟ หน้าตาแบบในรูปค่ะ ตอนที่เรามาถึงนั้นฝนตก แฉะไหมดเลยค่ะ และก็ตกหนักมาด้วย ตอนนั้นกินข้าวอยู่ก็รอลุ้นว่าน้ำจะท่วมรถที่จอดอยู่ข้างหน้าไหม แล้วเจ้าของเขาจะมาตอนไหน ขอบอกไว้เลยนะคะว่าในรูปนนั้นคือชานชาลารอรถไฟค่ะ รถไปที่จะไปกาญจนบุรีจะจอดให้เราขึ้นตรงนี้เหมือนกัน เพื่อนๆ สามารถนั่งรอตรงนี้ได้ค่ะ แม้ดูจากลักษณะแล้วจะไม่เหมือนแต่มันใช่ค่ะ
ตารางเวลาเดินรถค่ะ
จิ่งกับเพื่อนก็นั่งรอรถไฟสักพักค่ะ กินข้าวก็แล้ว คุยเล่นก็แล้ว รถไฟก็ยังไม่มา ฝนก็ตกช่าวรุนแรงเหลือเกิน ประกอบกับไม่มั่นใจว่าที่ตรงนั้นรถไปจะจอดให้เราขึ้นไหม พวกเราเลยตัดสินใจรอให้ฝนซาและเดินออกไปยืนรอรถข้างนอกค่ะ โดยคุณป้าที่ขายอาหารตามสั่งอยู่ตรงบริเวณนั้นก็บอกว่าจะมีรถแดงผ่านมาค่ะ ซึ่งรถแดงนั้นจะเข้าไปที่สถานนีรถไปธนบุรีค่ะ เราก็ยืนรอรถแดงสักพัก ประกอบกับฝนก็ตกมาอีกทำให้เราต้องยืนหลบฝนกันนนน และในที่สุดรถแดงก็มาาาา ได้ขึ้นนั่งสักทีเน้อรถแดง5555 หลังจากคลาดกันไปมา เราก็นั่งรถแดงมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ ค่ะ แต่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นคือถุงกระดาษที่เพื่อนใส่ของมานั้นขาด ขแงหล่นกระจายเต็มรถเลยค่ะ เรากับเพื่อนตกใจมาก แต่ก็ด้วยน้ำใจของคุณลุงคุณป้า พี่ ๆ ทั้งหลายที่นั่งมาบนรถด้วยกัน ได้เอาถุงพลาสติกมาให้พวกเราใส่ของ โดยการนำถุงที่ใส่ของตนเองมาใส่ให้ ขอบคุณน้ำใจของทุกคนมากๆเลยนะคะ เราก็นั่งรถมาเรื่อยๆ จนสุดสายค่ะ จนสุดท้ายก็รู้ว่า เราขึ้นรถผิดฝั่ง เราจึงต้องในรถแดงย้อนกลับไปทางเดิม
และการที่เราย้อนกลับไปทางเดิมนั้นทำให้เรารู้ว่าสถานีรถไฟอยู่ตรงข้ามกับปากทางที่เราเดินเข้ามาชานชาลาที่เราไม่ไว้ใจนั่น 5555 เรากับเพื่อนนี่อึ้งกันไปเลยยยย 555 แต่สุดท้ายแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟธนบุรีจนได้ อัตราค่าโดยสารรถแดงอยู่ที่คนละ 7 บาทค่ะ
สรุปนะคะทุกคน เราสามารถนั่งรอรถไฟตรงชานชาลาที่ไม่น่าไว้ในนั่นได้เลย รถไฟจะจอดให้เราขึ้นค่ะ แต่ถ้าไม่มั่นใจเราก็ข้ามถนนมาอีกฝั่งนึงเดินเข้าไปนิดเดียวประมาณ 400 เมตร เราก็จะเจอสถานีรถไฟธนบุรีค่ะ
อันนี้จะเป็นเส้นทางการเดินรถของรถแดงค่ะ
ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีรถไฟธนบุรี ด้วยการเดินทางที่สุดแสนลำบากและมาพร้อมฝนค่ะ 555 สุดท้ายก็ทนไม่ไหวได้หาซื้อเสียกันฝนกันใจที่สุด แถวๆสถานีธนบุรีนั้นจะมีตลาดขายของอยู่เพื่อนๆ ก็สามารถหาซื้อของกินได้ แต่ตอนที่จิ่งไปนั้นตลาดวายแล้ว แต่เพื่อนๆ ไม่ต้องกังวลเลย มีเซเว่นอยู่ใกล้ ๆ ค่ะ สามารถถามทางได้จากคนแถวนั้นเลย โดยเรามาถึงสถานีรถไฟธนบุรี เวลา 11:04 น.
เมื่อเรามาถึงสถานีรถไฟแล้ว เราก็มาซื้อตั๋วกันเลยค่ะ โดยยื่นบัตรประชาชนได้เลย ซึ่งเราจะเดินทางโดยรถไฟฟรีค่ะ จุดหมายปลายทางเราคือกาญจนบุรี โดยเราได้เที่ยวเดินทางเวลา 13:55 น. โดยรถไฟสายนี้จะสิ้นสุกที่สถานีน้ำตกค่ะ สถานีน้ำตกเนี่ย หมายถึงน้ำตกไทรโยคนะคะ แต่เราจะลงกันที่สถานีการญจนบุรีค่ะ
ตารางเวลารถไฟค่ะ
มาถึงแล้ว ก็ถ่ายรูปคู่ป้ายซะหน่อยยย ให้สมกับความเหนื่อยยากและการผจญภัยที่ได้พบเจอมา 5555 ถ่ายไป รัว ๆ
ได้ตั๋วมาแล้วก็นั่งรอวนไปค่ะ หาอะไรกิน ไปล้างหน้าล้างตา ถ่ายรูป แล้วก็นั่งพักผ่อนค่ะ
เราก็นั่งรอวนไป ค่าาา แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โทรจองที่พัก แต่ก็มีที่พักภายในใจแล้วเรียบร้อย จึงโทรไปสอบถามที่พักที่ได้หมายมั่นเอาไว้ในตอนแรก แต่ปรากฏว่าที่พักปิดปรับปรุงค่ะ 555 แล้วอิฉันจะทำเช่นไรรรรรร จะไปนอนที่หนายยยย จิ่งและเพื่อนแทบจะมุดกูเกิ้ลหาที่พัก และในที่สุดเราก็จะที่พักกันค่ะ เราได้ที่พักที่แทมารีนด์เกสท์เฮาส์ (Tamarind Guesthouse ) อัตราค่าที่พักคืนละ 350 บาทค่ะ และแน่นอน เราโทรจองที่พักเป็นที่เรียบร้อยแล้ววว สบายใจ 555 มีที่นอนแล้ววว ต่อไปก็กิน ๆ และถ่ายรูประหว่างรอรถไฟมาค่าาาา
ปล.เพื่อนๆไม่ควรทำตามนะคะ ควรจะหาหรือโทรจองที่พักไว้ก่อน เพราะตอนแรกพวกจิ่งก็คิดว่าอาจจะไปเดินหาแถวนั้น แต่เนื่องด้วยสภาพอากาส และเวลาที่ไม่เป็นตามที่วางแผนไว้ ทำให้มีปัญหาตามมาเยอะเลยยยย ทางที่ดีควรหาที่พักไว้จะดีที่สุดค่ะ
ในที่สุดรถไฟก็มาได้ขึ้นไปนั่งบนรถไฟแล้ววววว ดีใจ 555 เมื่อเราขึ้นมานั่งบนรถไฟแล้ว ก็จะมีคุณป้ามาขายป๊อปคอร์นและของกินบนรถไฟค่ะ จิ่งและเพื่อนเห็นป๊อปคอร์นรสชาเขียวแปลกดี ไม่เคยกิน ก็เลยซื้อมา หมดไป 20 บาท
ได้ตั๋วแล้ว ขึ้นนั่งบนรถไฟแล้ว ก็ขอถ่ายรูปคู่ตั๋วหน่อยยยยย ดีใจหน่อยมาก ภาคภูมิใจเหมือนตอนสอบได้คะแนนเกือบผ่านเลย 55555
ตั๋วจ๋า!!!โชว์หน้าหน่อย อย่าหน้างอคอหักสิ
รถไฟออกเดินทางได้!!!!มุ่งหน้าสู่กาญจนบุรี รถไฟเคลื่อนขบวนแล้ว เราก็พักผ่อนค่ะ ชมวิว ถ่ายรูป นั่งเม้าท์กับเพื่อน 555 รูปนนี้จิ่งถ่ายตอนที่เขาจอดรับผู้โดยสารตรงชานชาลาที่ไม่น่าไว้ใจค่ะ เห็นไหม ตรงศาลาตรงนั้น นู่นนน เห็นกันใช่ไหมคะ 5555 ตอนที่รถไฟจอดรับผู้โดยสารตรงนี้ จิ่งกับเพื่อนมองหน้ากันแล้วแบบว่า "อืม ตรงนี้เป็นชานชาลาจริงๆ ด้วย 555" "เราไม่น่าเดินไปเล้ยยยย" ทั้งตลกทั้งขำตัวเอง นี่เราไปผจญภัยอะไรมา นั่งถุงขาด ทั้งน้ำสาด ขึ้นรถผิดสาย ทั้งที่เราก็อยู่ถูกที่แล้ว 555 ถ้าเพื่อนๆ มารอตรงนี้ก็ขึ้นตรงนี้ได้เลยนะคะ เขาจะจอดรับและก็จ่ายเงินบนรถไฟได้เลยยยย อ๋อออ ที่สำคัญเพื่อนๆ อย่าทิ้งตั๋วกันนะคะ เพราะหลังจากรถไฟออกไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็จะมีเจ้าหน้าที่บนรถไฟก็จะมาตรวจตั๋วค่ะ ถ้าลืมที่วางจะยุ่ง
หลังจากนั่งรถไฟมาเรื่อยๆ เราก็มาถึงสถานีกาญจนบุรีกันแล้วค่าาา ได้เวลาลงรถแล้ววว เรามาถึงกาญจบุรีกันตอน 16:45 น.ซึ่งผิดพลาดจากแผนที่วางไว้ 555 ทั้งที่วางแผนไว้ว่าจะมาถึงก่อนเที่ยง 555 แต่เม่เป็นไรค่ะ มาถึงแล้วดีกว่ามาไม่ถึง ตอนนี้เราก็มาลงจากรถไฟ ไปเที่ยวเมืองกาญ กันเลยยยย กาญจนบุรีจ๋าาาา จิ่งมาแล้ววว โอ๊ยตื่นเต้น!!!!
หลังจากลงจากรถไฟมาแล้วเราก็เดินไปหาที่พักกันเลยค่ะ โดยการเปิดGPS ออกเดินทางได้!!!!!
เติมตาม GPS ไปเรื่อยๆ เลยค่าาาาา เลี้ยวนะคะ เลี้ยวซ้ายยไปเล้ยยย (ซ้ายใช่ไหมค่ะเนี่ยย ยังไงก็ได้ค่ะ ห้ามตรง 5555 )
ในที่สุดเราก็มาถึงหน้าปากซอยแล้วค่ะ 5555 พิมพ์เหมือนไกล ความจริงไม่ไกลค่ะ ประมาณ 150 เมตร หรือ 100 เมตรนี่แหละ จิ่งก็กะไม่ถูก 55555 พอมาถึงหน้าปากซอยแล้วเราก็มาดูกันค่ะ ว่าเจ้าGPS จะให้เราไปทางไหนนน หลังจากก้มดูแล้วจากที่นี่ไปถึงที่พัก เราต้องเดินอีหประมาณเกือบ 2 โลค่ะ 5555 ตกใจสุดๆ ไม่ไหวแล้วโว้ยยยย ของก็เยอะ 555 จิ่งจึงได้ทำการออ้อนวอนเพื่อนของจิ่งว่าขึ้นรถเถอะ ไม่ไหว แต่ด้วยความที่เพื่อนจิ่งนั้นเป็นคนที่หัวรั้นมาก นางก็ก้มดูทาง GPS สักระยะ สุดท้ายนางพาจิ่งเดินข้ามถนน ข้ามกระถางตรงไม้ในรูปไป เราก็เจอซอยดอนรักแล้วค่ะ 5555 ระยะทางใน GPS ย่นลงมาไปถึงกิโล คืออะไรรร แกจะให้ฉันเดินอ้อมทำไม5555 ขอบคุณความฉลาดของเพื่อนจริงๆ เราก็เดินกันมาสักพักเรื่อยๆ ในซอยดอนรักค่ะ ประมาณ 10-15 นาที เราก็จะเจอที่พักของเราาาา ดีใจ ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้จ่งจะได้อาบน้ำและนอนเหยีบดตัว หลังจากไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อวาน 5555 เน่า!!!
ภาพภายในห้องพักค่ะ เราพักที่แทมารีนด์เกสท์เฮาส์ (Tamarind Guesthouse) อัตราค่าที่พักคืนละ 350 บาทค่ะ
ปล.ขอโทษด้วยนะคะ พอดีถ่ายแบบไม่ได้ตั้งใจ 5555 รกไปนิ๊ดนึง
บรรยากาศภายในห้องพักค่าาาา
ห้องที่เราพักเป้นห้องแบบพัดลมค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวร้อนนะคะ เพราะอากาศเย็นสบายมาก ถึงขั้นหนาวเลยค่ะตอนกลางคืน เพราะอยู่ติดแม่น้ำแควค่ะ
หลังที่พักมีทางเดินลงไปชมบรรยากาศแม่น้ำแควได้ค่ะ สามารถเดินลงไปถ่ายรูปได้
บรรยากาศหลังที่พักค่ะ
ถ้าใครไม่อยากพักแบบห้องธรรมดาก็สามารถพักแบบบนแพได้เช่นกันนะคะ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
วิวแม่น้ำแควหลังที่พักค่ะ
ที่พักที่จิ่งพักอยู่นะคะ เป็นที่พักที่อยู่ใกล้แหล่งที่จิ่งต้องการเที่ยวหลายที่เลย เราเจอที่พักที่นี่กันแบบบังเอิญค่ะ เราไม่ทรายมาก่อนว่าที่พักอยู่แถวไหน ใกล้อะไร และเป็นยังไง ขอแค่อยู่ในตัวเมืองกาญ ไว้ก่อน แต่เราจองเพราะว่ามันราคาถูกค่ะ 5555
ที่พักของเราด้านหน้าที่พักจะมีเซเว่นอยู่ค่ะ จะมีพระเดินผ่านในตอนเช้า หากเราไม่สะดวกไปเที่ยวทีวัด เวลาไม่พอ จัดสรรเวลาแบบงงๆ แบบพวกจิ่ง ก็สามารถตื่นมาใส่บาตรตอนเช้าที่หน้าเซเว่นได้เลยค่ะ ใกล้สถานีรถไฟ ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว ใกล้พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 และใกล้สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรักค่ะ เราสามารถเดินไปสถานที่ต่างๆนี่ได้เลย เพราะอยู่ห่างกันไม่มากค่ะ แต่จิ่งและเพื่อนเลือกที่จะเช้ารถค่ะ เพราะคิดว่าจะไปดูที่อื่นด้วยนอกจากสถานที่เหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้ไปค่ะ 555 เพราะเหนื่อย โดยเราเช่ารถมอเตอร์ไซต์ค่ะ ราคา 200 บาท ซึ่งมีให้เบือกหลายราคานะคะแล้วต่จะเลือกเช่าได้เลย (พวกจิ่งเช่าตรงที่พักเลยค่ะ เพราะมีปล่อยให้เช่า)
หลังจากอาบนน้ำนอนพักผ่อนสักระยะ เราก็ขี่รถเล่นๆ แถวนั้นกันค่ะ พอเริ่มค่ำประมาณ18:00น. เราก็ไปที่ตลาด เจเจ กันค่ะ เป็นตลาดขายของกินและอะไรต่างๆ เยอะมากกกกก ตั้งอยู่ข้างๆสถานีรถไฟเลยค่ะ และเนื่องด้วยเราไม่ได้มาตรงวันเสาร์อาทิตย์ เราจึงไม่ได้ไปเดินถนนคนเดิน เสียดายมากสุดๆ
หาซื้อของกินไปเรื่อยๆ เที่ยวชมรับบรรยากาศต่างๆ ไปเรือยๆ แล้วเราก็กลับที่พัก ทานอาหารกันค่ะ วันนี้คือกินทั้งวัน ตอนนั่งรถไฟมาก็กิน แต่จิ่งไม่ได้ถ่ายรูปไว้ รู้สึกเสียดายมากๆ เลยที่ไม่ได้กินข้าวที่ใส่ใยตองทำเป็นอันเล็กๆ ไว้ เพราะจิ่งเผลอหลับตื่นมาเห็นแวบๆ ถามเพื่อน เพื่อนบอกว่าเขาขายข้าว พอจะซื้อดันหมดซะก่อน จิ่งนี่ช่างไม่มีบุญจริงๆ
หลังจากเราหาอะไรสำหรับกินเสร็จแล้ว เราก็ซื้อกลับมากินกันที่ที่พักค่ะ นั่งกินไปคุยกันไป ถึงเหตุการณ์ที่ไปเจอมาในวันนี้ รู้สึกว่าเวลาช่างนานจริงๆ น้าาา 5555 หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เราก็เก็บของ จิ่งและเพื่อนกะว่าจะขี่รถไปสำรวจแถวๆนี่ดูก่อนว่าที่เที่ยวแต่ละที่อยู่ตรงไหน ขี่ไปไม่ไกลทำให้รู้ว่าสะพานข้ามแม่น้ำแควอยู่ตรงนี้เอง 555 ใกล้กันนิดเดียว ถ้าเดินชมบรรยากาศข้างๆมาเรื่อยๆ ก็สามารถทำได้ค่ะ อาจะใช้เวลาเดินประมาณ 15-20 นาทีค่ะ
พอมาเห็นสะพานแม่น้ำแควแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นมาก 555 ที่ๆ เราเคยเห็นแต่ในรูปเราก็มาเจอแล้วววว แต่จิ่งไม่ตอนค่ำค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา มีคู่รัก และก็เพื่อนมาเดินเล่นกันระปรายค่ะ บางคนก็อามารณ์ศิลปินหน่อยมานั่งวาดรูป ฟังเพลง 555 หลังจากเราดูสะพานข้ามแม่น้ำแควคร่าวๆ แล้วรู้สึกว่าร่างกายโหยหาเตียงเป็นอย่างมาก เราจึงตัดสินใจกลับที่พักกันค่ะ
พอกลับมาถึงที่พักแล้ว ก็เท่ากับหมด 1 วันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ววว 555 ไม่ใช่สิ หมดไปแล้ว 2 วัน วันแรกใช้ไปบนรถไฟ 5555 ยังไงก็มาติดตามกันต่อนะคะสำหรับวันทีาสามของการเดินทางว่าจิ่งและเพื่อนนั้นจะไปที่ไหนยังไง ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
อรุณสวัสดิ์ค่ะ มาเจอกันอีกแล้วในวันที่ 2 จิ่งของเรียกว่าวันที่ 2 แล้วกันนะคะ เพราะวันแรกเป็นวันเดินทางจากขอนแก่นมากรุงเทพ 55555 เช้าของวันที่ 2 นะคะจิ่งและเพื่อนเรา ก็เริ่มต้นวันด้วยการทำบุญในตอนเช้าค่ะ ในเวบา 6:45 นาที ค่ะ ซึ่งเราก็ซื้อของจากเซเว่นแล้วก็ยืนรอใส่บาตรตรงนั้นได้เลย มีเรื่องนึงที่แบบสำหรับจิ่งมองว่าเป็นเรื่องที่น่ารักมาเลยค่ะ คือสำเนียงการพูดของคนที่นี่แบบน่ารักมาก ตอนที่จิ่งและเพื่อนเข้าเซเว่นครั้งแรก และพนักงานถามว่า รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มไหม จิ่งกับเพื่อนนี่ เหมือนโดยหมัดน็อคเลยค่ะ แบบสำเนียงน่ารักมากค่ะ เป็นเอกลักษณ์สุดๆ
หลังจากเราทำบุญกันเสร็จแล้วด้วยสภาพที่ดูแย่สุดๆ เพราะตื่นเช้ามากไม่ทันได้อาบน้ำ เราจึงกลับเข้าไปอาบน้ำ และออกมาซื้อขนมังและนมเพื่อไปกินกันระหว่างเดินทางค่ะ โโยเป้าหมายแรกของเรานั้นคือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่เราไปตอนกลางคืนของเมื่อวานค่ะ เราไปสะพานข้ามแม่น้ำแควกันตอน 8:30 น.ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่แดดร้อนแรงมากค่ะ 55555 ตอนเราไปถึงคนไม่ค่อยมีเท่าไหร่ค่ะ เพราะเราไปเช้ามากก เราเลยได้ถ่ายรูปพร้อมชมบรรยากาศสวย ๆ แล้วเราก็กินข้าวกันที่แม่น้ำแควเลยยยย
เดิน ๆ ถ่ายๆ ชมวิวไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบบบบ
ตรงนี้จะเป็นที่ ๆ เราไว้ใช้หลบรถไฟเวลารถไฟมาค่ะ บอกเลยว่าตื่นเต้นมาก 555 แบบ รถไฟกับเรานี่ช่างใกล้ชิดกัน ต้องยืนให้ระวังนะคะ อย่าไปยืนใกล้รถไฟมาก เดี๋ยวโดนรถไฟเฉี่ยว แต่ก็ไม่ใช่กลัวมากไปยืนจนชิดขอบทรงตัวไม่อยู่พลัดตกน้ำไปนะคะ 5555
เดินไปเรื่อยๆ ใกล้จะสิ้นสุดสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้วค่ะ พอสุดก็จะเป็นรางรถไฟธรรมดาค่ะ ไม่ข้ามแม่น้ำแล้ววว
หลังจากเราไปเดินเล่นที่สะพานข้ามแม่น้ำแควแล้ว เราก็เดินออกมานิดหน่อย เราก็จะเจอกับพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ค่ะ โดยเรามาที่พิพิธภัณฑ์ตอน 9:00น. ค่ะ
ค่าเข้าชมคนละ 40 บาทค่ะ เด็ก 20 บาท สำหรับจิ่งถือว่าคุ้มากค่ะ มีอะไรให้เราดูเยอะมาก และก็ได้ความรู้เยอะมากชเ่นกันค่ะ
เมื่อเราเดินเข้ามาแล้ว เราก็มาซื้อตั๋วเข้าชมตรงนี้เลยยย
อันนี้จะเป็นบรรยากาศข้างนอกรอบๆ นะคะ จิ่งไม่ได้ถ่าบบรรยากาศข้างในมา เพราะจิ่งคิดว่าทุกคนมาเห็นด้วยตาจะดีกว่า พอเข้าไปแล้วจิ่งรุ็สึกหดหู่มาก แต่สามารถถ่ายรูปได้นะคะ แต่ห้ามสัมผัสค่ะ
บรรยากาศข้างในพิพิธภัณฑ์ค่ะ
โดยจากพิพิธภัณฑ์นะคะ เราสามารถมองเห็นสะพานข้ามแม่น้ำแควได้ค่ะ
ภายในพิพิธภัณฑ์นะคะ ก็จะมีข้าวของเครื่องใช้ต่างที่ จากสงครามโลกครั้งที่อสงค่ะ ที่เหลอทิ้งเอาไว้ และก็มีคนมาบริจาค ไม่ว่าจะเป็น ชุดเครื่องแบบทหาร มือ รถ กาน้ำ เหล้า เคื่องมือทางการแพทย์ หรือสิ่งของต่างๆ รวมถึงมีการบอกเล่าประวัติความเป็นมาติดไว้ข้างๆให้เราได้อ่านอีกด้วย มีประวัติและที่มาของสะพานข้ามแม่้ำแควว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างไร จิ่งแนะนำเลยค่ะ การไปอ่านจากสถานที่จริง ดีกว่าการอ่านจากอินเทอร์เน็ตแน่นอน
มีภาพวาดของนายกทุกคนของประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ภาพวาดนางงาม/นางสาวไทยของไทย รวมถึงชุดที่ใช้ในการเข้าประกวด
และก็อะไรอีกต่างๆ เยอะแยะมากมายเลยค่ะ คือพวกอราอยู่ในนั้นกันนานมากค่ะ ดูไปเรื่อยๆ อ่านไปเรื่อยๆ คือเยอะมากจริงๆ
แต่ทั้งที่เราอยู่กันนานมาก แต่เราก็ยังดูกันไม่ทั่วถึงเลยค่ะ ได้ดูแค่ผ่านๆ ตาเท่านั้น อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง เสียดายมากๆ
หลังจากเราไปที่พิพิภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วเราก็มากันที่สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก โดยสุสานนี้เป็นสถานที่ของฝังศพของเฉลยที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ค่ะ จากการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว
บรรยากาศโดยรอบค่ะ
มีตู้โทรศัพท์ที่ดูเก๋มากๆข้างหน้าด้วยยย แต่โทรไม่ได้นะคะ 5555
หลังจากที่เราออกจากสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรักกันแล้ว เราก็ขี่รถกันมาต่อที่ประตูเมืองกาญจนบุรีกันค่ะ ซึ่งก็อยู่ไกลๆกับสุสานเลยค่ะ ซึ่งมันก็ไกลอยู่ เกือบสองโลได้มั้งคะ โดยเราไปถึงประตูเมืองตอนประมาณ 10:20 ค่ะ
ปล.รูปนี้จิ่งนำมาจากในเน็ตนะคะ เนื่องจากจิ่งไปถึงแล้วรีบมาก เพื่อนไม่ยอมให้ถ่ายรูป ได้ถ่ายมาแค่สรูปตัวเองคู่ประตูเมืองแต่ไม่ได้ถ่ายรูประตูเมืองเฉยๆ มา
ขออนุญาตนะคะ
บริเวณข้างๆ ประตูเมืองนั้น จะมีป้ายชื่อจังหวัดตั้งอยู่ค่ะ และก็มีกำแพงเมืองเก่าด้วย ตอนจิ่งไปจิ่งก็ไม่รู้ว่าคือกำแพงเมืองเก่าที่หลงเหลืออยู่ เพิ่งรู้ก็ตอนทำรีวิวนี่แหละ 555
ปล.รูปนี้จิ่งนำมาจากในเน็ตนะคะ เนื่องจากจิ่งไปถึงแล้วรีบมาก เพื่อนไม่ยอมให้ถ่ายรูป ได้ถ่ายมาแค่รูปตัวเองคูjป้ายชื่อจังหวัดและกำแพง แต่ไม่ได้ถ่ายแบบเดี่ยว ๆมา
ขออนุญาตนะคะ
เวลา 10:30 น. เรากลับหอมาเก็บของเพื่อไปที่น้ำตกเอราวัณค่ะ โดยเราวางแผนไว้ว่าจะไปนอนที่เอราวัณกันเลย เพราะเห็นจากรีวิวต่างๆ แล้วน่าไปมาก กะว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นั่นกันนนน เราไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหนกันค่่ะ ตอนแรกว่าจะไปรถไฟค่ะ แต่เราตกรถ แล้วสถานีน้ำตกที่หมายถึงเนี่ยก็หมายถึงน้ำตกไทรโยคด้วย เราจึงต้องนั่งรถโดยสารไปที่บขส เพื่อไปน้ำตกเอราวัณกันค่่ะ
โดยค่าโดยสารประจำทางมาบขส 60 บาทค่ะ
ในที่สุดเราก็มาถึง บขส ค่ะ ขั้นตอนต่อไปเราก็ต้องเดินหาทางไปซื้อตั๋วรถเพื่อไปน้ำตกเอราวัณค่ะ ซึ่งเราอาจจะแวะหาซื้ออะไรกินกันก่อนก็ได้ค่ะ
ได้ตั๋วรถมาแล้วววว ค่ารถจากบขส ไปน้ำตกเอราวัณคนละ 50 บาทค่ะ ไปกันเล้ยยยยยย
บรรยากาศภายในรถไปน้ำตกเอราวัณค่ะ ยังไม่มีคนมาเลยยยย โดยเราออกจากบขสเวลา 11:45 น. ค่ะ
ออกเดินไปไปน้ำตกเอราวัณกันเลยค่ะ
บรรยากาศระหว่างทางไปน้ำตกเอราวัณค่ะ สวยมากๆ ดูเพลินเลยยยย
เมื่อเราเข้าสู่เขตน้ำตกรถบัสก็จะจอดให้เราซื้อตั๋วสำหรับเข้าไปยังน้ำตกเอราวัณค่ะ
ได้ตั๋วมาแล้วค่ะ
พอเราลงจากรถแล้ว เราก็มากรอกใบสำหรับแจ้งความประสงค์ว่าเราจะจองเต้นท์และนอนที่นี่ค่ะ พอเราได้ใบเสร็จ เราก็เดินตามทางลูกศรไปเรื่อยๆ เลย เพื่อไปยังจุดสำหรับกางเต้นท์ ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้เราก็เพิ่มหญิงฝรั่งคนนึงเข้ามาในการเดินทางด้วยค่ะ เขาบอกว่าเขามาคนเดียวค่ะ เราจึงให้เขาร่วมเดินทางไปกับเราด้วย
เดินตามลูกศรไปเรื่อยๆ เลย เราก็จะเจอที่สำหรับให้กางเต้นท์ เราก็นำใบที่เราได้มาในตอนแรกนั้น เข้าไปที่บ้้านพักที่เขาเขียนไว้ค่ะ เพื่อไปติดต่อของรับอุปกรณ์สำหรับกางเต้นท์ค่ะ
ได้อุปกรณ์สำหรับนอนเรียบร้อยแล้วววว แต่อาจจะเป็นโชคของเราก็ได้ค่ะ เพราะช่วงที่เราไปนั้นฝนตกทำให้เราไม่ได้นอนตามพื้นเหมือนที่เขารีวิวเอาไว้ แต่เราได้นอนในศาลากันค่าาา ได้อารมณ์ไปอีกแบบ 555
หลังจากเราจัดการเรื่องที่นอนสำหรับคืนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาของการไปดูน้ำตกกันค่่าาาา ไปเลยยย เราก็เดินตามลูกศรบอกทางไปเรื่อยๆ ค่ะ
ปล.ระวังงูกันด้วยเด้อออออ
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)