เรียนจบกรุงเทพฯ บ้านก็อยู่กรุงเทพฯ มาทำงาน ตจว. เกือบ 20 ปี ตอนนี้กลายเป็นคน ตจว. ไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ อันเป็นที่รัก ก็อยู่เมืองกรุง สละโสดมีครอบครัวกันเกือบหมด เหลืออยู่ไม่กี่คนที่โสดสนิทอย่างเรา เสาร์อาทิตย์ที่ว่างมีให้เลือก 2 ทาง คือ พักผ่อนนอนอืดอยู่บนเตียง กับเดินทางเพื่อหาเรื่องถ่ายรูป เพื่อนเมืองกรุง กับสาว ตจว. ที่ เลยต้องมาเจอกันที่บางกอก รถตู้จากศรีราชามาเมืองกรุงเยอะแยะไปหมด ตื่นเช้าหน่อย ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมงก็เจอเพื่อนแล้ว บ้านนอกก็เลยเข้ากรุงมาเจอเพื่อนพร้อมกล้องคู่ใจ เพื่อนนัดเจอที่ BTS สะพานตากสิน
เรามาถึงก็เกือบ 11 โมง หิวตาลาย เรากับเพื่อนเลยไปหาของกินกันแถวๆ โรบินสัน บางรัก ร้านประจักษ์เป็ดย่าง ร้านเก่าแก่ย่านบางรัก เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2452 ปีนี้เป็นปีที่ 108 ของร้านแล้ว ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้นานขนาดนี้ จัดไป 3 เมนู เกี๊ยวกุ้งน้ำ บะหมี่เป็ดย่างพิเศษ และบะหมี่เฉโป กินกัน 2 คน เดินออกมาจากร้านตามต่อด้วยน้ำสมุนไพรเย็นชื่นใจที่ร้านน้ำขมโหมงหวอคนละ 2 ขวด เป็นน้ำสมุนไพรปกติ รากบัว น้ำหล่อฮั้งก้วย จับเลี้ยง ส่วนน้ำขมเราเคยลองแล้ว มันดีต่อสุขภาพจริงๆ แต่ไม่ดีต่อใจเวลาดื่ม ขมสมชื่อ
ท้องอิ่มแล้ว เพื่อนผู้ชำนาญเส้นทาง เพราะที่ทำงานนางอยู่แถวนั้นเลยพาขึ้นรถเมล์เล็กไป 5 ป้าย พาไปไปรษณีย์กลางบางรัก เห็นอาคารไปรษณีย์กลางบางรักครั้งแรก รู้สึกตัวเราเล็กนิดเดียว เพราะเป็นตึกใหญ่โตดูมั่นคงแข็งแรง จากประวัติไปรษณีย์กลางบางรักสร้างแล้วเสร็จในปี 2481 มีอายุการใช้งานมาเกือบ 80 ปี อาคารรูปตัว T สถาปัตยกรรมของอาคารเป็นแบบ Modern ตามแนวทางของศิลปะในยุค Neo-Classicism ผสม Functionalism เน้นการออกแบบที่มีความเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ลดทอนการประดับประดา โดยใช้เส้นตรงและระนาบเข้ามาประกอบ แหงนคอดูตรงกลางอาคารด้านหน้าซึ่งเป็นมุขยื่นออกมาจะเห็นว่าขอบบนมุขมีปูนปั้นรูปครุฑ 2 ตัว ขนาดตัวครุฑสูงกว่า 2 เท่าของคนจริง และบริเวณด้านหน้าของอาคารยังมี "พระอนุสาวรีย์ จอมพลสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช" ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น "พระบิดาแห่งกิจการไปรษณีย์ไทย"
ถ้าเราหันหน้าเข้าตึกส่วนซ้ายเป็นศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ตรงกลางเป็นที่จัดนิทรรศการของไปรษณีย์ เราไป TCDC ก่อน ไปหาคาเฟอีนเข้าเส้นเลือดให้มันสดชื่น ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 5 เลยค่ะ แวะดูวิวสวนสวยๆ ที่ rooftop แล้วไปนั่งกินกาแฟ ที่นี่มี Material & Design Innovation Center, Meeting Room, Maker Space, Function Room, Resource Center ให้เข้าไปหาความรู้ได้ โดยมีค่าเข้าไปใช้พื้นที่ 100 บาท/ครั้ง และเป็นสมาชิก โดยเสียค่าสมาชิกรายปีไป ส่วนตัวเรากับเพื่อนไม่ได้เข้าไปชม ดูเฉพาะส่วนที่เขาให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่ชั้นที่ 1 ชั้น 5 และส่วนนิทรรศการชั้น 4 ค่ะ
จบจาก TCDC ก็ลงมาส่วนกลางชั้นล่าง มีนิทรรศการแสตมป์ของพ่อ ๒๔๙๓ เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม เป็นนิทรรศการแสดงพระราชกรณียกิจของในหลวง รัชกาลที่ 9 ผ่านแสตมป์ เราเดินดูไปน้ำตาเริ่มคลอ ขอบตาเริ่มร้อน เห็นแล้วก็คิดถึง
หลังจากการชมนิทรรศการก็เดินดู Street Art ที่ซอยเจริญกรุง 28 30 32 แล้วมาจบทริปกันที่ พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก
พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกจัดตั้งขึ้นด้วยความตั้งใจของอาจาร์ยวราพร สุรวดี ผู้เป็นเจ้าของ มีการจัดแสดงอาคารและสิ่งของต่างๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวสภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของ ชาวบางกอกที่มีฐานะปานกลางในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่นำมาแสดงเป็นของใช้ที่เจ้าของบ้านได้ใช้งานจริง ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร ที่พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ จะมีก็แต่อาหารเต่าและปลา กระปุกละ 5 บาท แล้วก็มีกระปุกขนมของน้องหมาชื่อดอกสร้อย กระปุกละ 5 บาท ค่ะ
เราจบทริปนี้ที่พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกประมาณ 16.30 น. เราเดินมาขึ้น BTS สุรศักดิ์ ก่อนถึงเราเจอ Street Art นางเงือกว่ายน้ำกลางสายเคเบิล แปลกตาดี จากนั้นเราก็นั่ง BTS มาลงเอกมัยนั่งรถตู้กลับถึงศรีราชาตอน 2 ทุ่ม จบทริปวันนี้ หมดไปไม่ถึง 500 แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้า บุ่ย บุย
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)