ทริปนี้ที่เกิดขึ้นได้เพราะความ เสียดายตั๋วราคาถูก 55555 ที่เกิดจากความสามารถของเด็กอ้วนหลังห้อง…นางไปเสาะหามาหลอกล่อเซลล์อย่าง เรา แล้วจะเหลือเหรอค่ะถูกขนาดนี้…รออะไร ก็ไปสิค่ะ อิอิ
การเดินทางครั้งนี้ก็บินไปกับสายการบินที่เราคุ้นเคยค่ะ AirAsia เป็น flight บ่ายแก่ๆกลับค่ำค่ะ
ขาไปออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง 4 โมงเย็นถึงกัวลาลัมเปอร์ ประมาณ ทุ่มนึงค่ะ
ส่วนขากลับออกเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ 2 ทุ่ม 40 ถึงบ้านเราก็ประมาณ 4 ทุ่มค่ะ
****สิริรวมตั๋ว ไป-กลับของเราสองคนอยู่ที่ 4,767.20 บาท (ตกคนละ 2,383 บาท)
เนื่องจากทริปนี้เป็นกะทันหันมี เวลาเตรียมตัวแค่ไม่กี่วันหลังจากได้ตั๋วราคาถูกใจมาแล้วต่อไปก็หาที่พักกัน ค่ะ จากที่อ่านรีวิวจากที่หลายๆคนเขียนไว้และพวกเราเองก็เพิ่งจะไปมาเลเซียเป็น ครั้งแรกเลยได้ข้อสรุปว่าเลือกให้กลางกัวลาลัมเปอร์และใกล้สถานีรถไฟ KL นั้นดีที่สุด…
หลังจากเลือกและกรองยุแป ปเดียว….555(เพราะเวลาเราน้อยนิด) ก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะไปนอนที่นี่กัน…..Prescott Hotel Kuala Lumpur Sentral โดยการจองผ่าน agoda
**** สิริรวม 2 คืนอยู่ที่ 2,211.87 บาท (ตกคืนละ 1,105 บาท)
หลังจากเราได้ตั๋วและที่พักอัน เป็นปัจจัยหลักของการท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็เตรียมตัวและ….เตรียมตัง 5555 (อันนี้ก็สำคัญไม่น้อยกว่าอื่นใด..อิอิ)
เมื่อทุกอย่างพร้อม…….ลุย!!!!!!!!! แต่กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องค่ะ เนื่องจากเราบินตอน 4 โมงเย็น พวกเรามาถึงสนามบินประบ่ายสองนิดๆก็อดที่จะหิวไม่ได้ เลยต้องเติมพลังกันหน่อย…หลังจากเดินวนไปวนมาก็มาจบที่ร้านนี้ค่ะ Pepper Lunch @ DMK 😜😋😄
****เมนูวันนี้ จำชื่อไม่ได้ละค่ะ แต่รู้ว่าอร่อย !!!!!
หลังจากทานอิ่มก็ได้เวลาเดินทางพอดีค่ะ…..go go go
หลังจากเล่นเกมส์กันมา 2 ชั่วโมงหน่อยๆ เราก็ถึงจุดหมายละค่ะ…..
ท่าอากาศยานนานาชาติในกัวลาลัมเปอร์หลักๆจะมี
– KL international airport (KLIA) เรียกได้ว่าเป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักสำหรับสายการบินระหว่างประเทศ
– Low cost carrier terminal (LCCT) เป็นท่าอากาศยานนานาชาติสำหรับสายการบินประหยัด แต่เนื่องจากสถานที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จึงได้มีการสร้าง Low cost carrier terminal แห่งใหม่ขึ้นเพื่อรองรับผู้โดยสาร เรียนอาคารผู้โดยสารใหม่นี้ว่า KLIA2
***ซึ่งปัจจุบัน Low cost carrier terminal เดิม หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า LCCTนั้นได้เลิกใช้งานแล้ว
***สนามบินหลักที่มีการใช้งานอยู่ตอนนี้ก้จะเป็น KLIA และ KLIA2 (เชื่อมด้วย KLtransit KLexpress)
เรามาลงที่ KLIA 2 ขั้นตอนของการผ่าน ตม ที่นี่ไม่ยุ่งยากเท่าไรนัก เจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวดมาก เปิด passport พลิกไปพลิกมา ดูหน้าเรานิดหน่อยก็ปล่อยผ่านค่ะ…..
หลังจากผ่าน ตม มาเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่ใจกลางกัวลาลัมเปอร์กันค่ะ
วิธีเดินทางเข้าสู่กัวลาลัมเปอร์ก็จะมีด้วยกันหลายวิธี ทั้ง
⁃ รถไฟ (KLIA Ekspres) เร็ว สะดวก แพง
⁃ รถบัส (Aerobus , Skybus) ช้าหน่อย ไม่สบายเท่า แต่ถูก
⁃ Taxi
พวกเราเลือกเดินทางเข้าเมือง ด้วยรถบัสเพราะไม่ได้รีบไปไหน ไว้ขากลับค่อยลองนั่ง KLIA Ekspres ดู เขาว่ากันว่าเป็นรถไฟที่เร็วที่สุดใน Southeast Asia เลยก็ว่าได้….ต้องลองๆๆ
หลังจากผ่าน ตม เรียบร้อยแล้วเราก็เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ เพื่อไปขึ้นรถบัสเข้ากัวลาลัมเปอร์กัน รับรองไม่หลงแน่นอนเพราะมีป้ายบอกทางตลอดทางที่เดินไปเลยค่ะ
-รูปป้ายบอกทาง
เดินไปตามป้ายเรื่อยๆ ที่ขึ้นรถบัสเราจะอยู่ที่ level 1 ค่ะ พอลงบันไดเลื่อนไปก็จะเจอเคาน์เตอร์ขายตั๋วเลย แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไป KL Sentral ก็จะได้ตั๋วหน้าตาแบบนี้มา (คนละ 2.2 RM) ไปขึ้นรถบัสกันได้เลยค่ะ
รถบัสใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงสถานี KL Sentral ใจกลางกัวลาลัมเปอร์ค่ะ
เรามาถึง KL Sentral เกือบ 3 ทุ่ม เดินจากสถานีไปที่พักใช้เวลาประมาณ 15 นาที (บวกหลงบวกถามทางนิดหน่อย) มือใหม่ก้องี้แหละ 55555 แต่พอได้เดินสัก 2 รอบก็คล่องละค่ะ ใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาที
หลังจากมาถึงที่พักเราก็ไม่ผิดหวังค่ะ พนักงานต้อนรับเป็นกันเอง สุภาพ ยิ้มแย้ม สภาพห้องเรียกได้ว่า..เคมากๆ ถูกใจโจ๋อย่างเราสองคนมากๆเลย สะอาด ไม่มีกลิ่นอับ แบ่งส่วนห้องนอน กับห้องวางของ…เป็นสัดเป็นส่วนดี (5555 ไม่รู้จะเรียกว่าห้องอะไร) เราแอบเก็บภาพมาฝากนิหน่อย…สมกับราคาค่ะ
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยก็ได้ฤกษ์ท่องราตรีกัน…อิอิ (คือแบบว่าหิวก็แค่ไปสำรวจหาแหล่งของกินระหว่างพำนักอยู่ ณ ที่นี่)
ด้วยความที่ยังไม่รู้ว่าจะสั่ง ข้าวยังไง? กินร้านไหน? กินอะไร? เราก้อเลยตัดสินใจเข้าไปร้านข้าวแกงร้านนึงที่มีรูปอาหารที่เราพอจะจิ้ม ได้….แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ก้อกินข้าวราดแกงคนละจาน…จบ 5555
จากนั้นก้อเดินสำรวจโลกไปกับเรา…..จนได้ ไปเจอร้านนี้ ต้องจัดค่ะ..ต้องจัด !!!! (แก้เลี่ยนจากข้าวตะกี้ หุหุ)
ในที่สุดเราก้ได้มา คุณชายสั่งให้ใส่พริกรสชาติเผ็ดๆ ออกมาเผ็ดจริงไรจริง แต่อร่อยนะบอกเลย
เมื่ออิ่มท้อง…ไปค่ะกลับห้อง แวะซื้อเสบียงสำหรับกลางคืนเล็กน้อย แล้วก้นอนค่ะ พรุ่งนี้ลุยเตรียมต่อค่ะ…..!!!!!
****สิริรวมค่าอาหารเย็นของเราในวันนี้ 40 RM (ข้าวแกง 15RM+ชิ้นปิ้ง 20RM+หนม 5RM)
รวมค่าใช้จ่ายวันแรกของเราสองคน 45RM พอดิบพอดี…..😴😴😴😴
หลังจากนอนหลับพักผ่อนกันเต็มอิ่มแล้ว….ก้ได้เวลาสำรวจกันต่อค่ะ โปรแกรมวันนี้ที่คิดไว้ก้อตั้งใจจะไปสำรวจถ้ำบาตู….ตามไปดูเมืองใหม่ ปุตราจายา แล้วกลับมาสำรวจราตรีในเมืองอีกรอบค่ะ แต่ก่อนอื่นใดกองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ อาหารเช้ามื้อแรกวันนี้ อยู่แถวที่พักเลยค่ะ
ก้จะคล้ายๆศูนย์อาหารเล็กๆ เดินไปสั่งได้เลยว่าจะกินอะไรร้านไหน สั่งเสร็จก้เดินไปหาโต๊ะนั่งตามใจชอบ ทางร้านจะให้แก้วมาใบนึงมีตัวเลขเขียนไว้….ตอนแรกก้งงนึกว่าให้เอาไปใส่น้ำกิน 555 แต่จริงๆแล้วคือบัตรคิวค่ะ..รอๆๆๆแปปนึงอาหารเช้าของเราก้มาค่ะ
เป็นความโชคดีของเราที่ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านกาแฟชื่อดังของที่นี่พอดิบพอดีไม่ต้องตามหาไหนไกลค่ะ…..เซลล์รอดตายละค่ะ (วันไหนไม่มีแฟ…ก้เหมือนฉันขาดเทอ ใจจะขาดดเสียให้ได้ คริๆ) และที่สำคัญมันเลี่ยนมากกค่ะ…ไปค่ะไปแฟช่วยได้!!!!! @OldTown White coffee สาขา my hotel (KL Sentral)
อยากกินอะไรก้อเขียนลงไปเลยค่ะในใบ order เมนูวันนี้ก้ตามที่เห็นค่ะ อร่อย อิอิ…
อิ่มมละได้เวลาเข้าถ้ำ…..โกๆๆๆๆ การเดินทางไปถ้ำบาตูก้ไม่ยากค่ะ มีให้เลือกหลายวิธี ทั้งรถยนต์ แท็กซี่ รถประจำทาง และรถไฟ สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆสะดวกสุดก้คงจะหนีไม่พ้นรถไฟค่ะ…ซึ่งสายที่วิ่งไปเรียนว่า KTM Komuter ขึ้นจากสถานี KLSentral
เดินตรงไปเลยค่ะตามป้าย…ด้านในสุด
จะเจอเคาน์เตอร์ขายตั๋วอยู่ด้านหน้าทางเข้าสถานีค่ะ บอกพนักงานขายตั๋วไป Batu Cuves จะได้ตั๋วหน้าตาแบบนี้มา….แล้วก้ลงไปรอรถไฟกันค่ะ เราขึ้นที่ platform 3 นะค่ะอย่าไปผิดฝั่งหละ
ด้านหน้ารถไฟจะมีป้ายบอกชัดเจนค่ะว่า BATU CUVES go go go go
เดินทางไม่นานเท่าไรค่ะประมาณ 30-45 นาทีก้อถึง Batu Cuves เดินขึ้นบันไดตามๆเขาไปเลยค่ะ
****ลีลาไปนะเด็กอ้วนหลังห้องเอ้ย 55555
ถ้ำบาตู อยู่ทางเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ไป 12 กม. สร้างขึ้นเป็นวัดในศาสนาฮินดูเพื่ออุทิศถวายแด่พระขันธกุมาร เทพองค์หนึ่งในศาสนาฮินดู ซึ่งพระขันธกุมารนั้นเป็นพระโอรสของพระอิศวรและพระอุมา และเป็นพี่ชายของพระพิฆเณศวร์หรือพระคเณศ ด้านหน้าปากทางขึ้นบันไดไปยังถ้ำบาตูนั้น ข้างบนจะมีรูปปั้นของพระขันธกุมารสูงถึง 42.7 เมตร ยืนเด่นเป็นสง่าเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้มาเยือน สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2549
ถ้ำบาตู นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของรัฐสลังงอร์และได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวแล้วยังเป็นวัดและสถานที่ประกอบพิธีกรรมในศาสนาฮินดูอีกด้วย ในแต่ละปี ผู้มีใจศรัทธาและนักท่องเที่ยวหลายพันคนเดินทางมาที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่างเทศกาลประจำปีไทปูซัม ถ้ำหินปูนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประกอบด้วยสามถ้ำหลัก ซึ่งใช้เป็นวัดและศาลฮินดู
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของถ้ำบาตูก็คือ รูปปั้นเทพของศาสนาฮินดูขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับปากถ้ำ นอกจากนี้ หากคุณเดินขึ้นบันได 272 ขั้น คุณจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพและเส้นขอบฟ้าที่สวยงามของเมืองได้อย่างชัดเจน
รอบๆ วัด คุณจะเห็นลิงวิ่งเล่นกันอย่างอิสระ ที่นี่ยังเป็นจุดปีนหน้าผาที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัย นอกจากนี้ ยังมีถ้ำรามายณะซึ่งด้านในมีภาพวาดของพระเจ้าในศาสนาฮินดูให้เที่ยวชม
CR : thailovetrip.com
ออกมาจากสถานีก้อเจอเลยค่ะ…!!!!
ไหนๆก้ไหนๆละ ลองสักหน่อยค่ะ คริๆ Henna Art !!
เมื่อสำรวจถ้ำจนเหงื่อท่วมแล้วก้ได้เวลาไปต่อสถานีต่อไปค่ะ…..เมืองใหม่ปุตราจายา การเดินทางก้ไม่ยากค่ะ เรานั่งรถไฟ KTM Komuter กลับไปลงที่เดิมสถานี KLSentral แล้วไปต่อ KLIA Transit เพื่อไปปุตราจายาค่ะ
ซื้อตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์ได้เลยค่ะ จะได้บัตรมาหน้าตาสีเขียวๆ ไปขึ้นรถไฟไดเลยค่ะ (platform 3 ) นั่งไป 3 สถานีค่ะลงที่ Putrajaya & Cyberjaya
ระหว่างรอรถไฟ….5555++
สภาพในรถไฟก้โอเคนะ
ประมาณ 20 นาทีก้อถึงละค่ะ…..เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆค่ะ เราจะไปขึ้นรถบัสเข้าเมืองปุตราจายากัน จะไปลงที่สถานี “Masjid Putra มัสยิตปุตรา หรือมัสยิดสีชมพู” รถบัสที่จะวิ่งไปมัสยิตสีชมพูจะเป็นสาย 502 ค่ะ ลองเดินหาดูค่ะว่าจอด platform ไหน…จำม่ะได้อ่ะค่ะ เก๊าขอโต๊ด
เดินออกจากสถานีรถไฟไปทางขวาจะมีป้ายบอกทางไปขึ้นรถบัสเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวขวาก้จะเจอทางลงไปที่จอดรถบัสค่ะ
**ลืมบอกไปค่ะตั๋วซื้อบนรสได้เลยนะค่ะ จะมีกล่องให้หยอดเงินตรงคนขับค่ะ**
แต่ระหว่างเดินไปเจอร้านๆนึง…ด้วยความสงสัยมันจะเลี่ยนหรือมันจะเผ็ดไหม จากหน้าตา จัดไปค่ะ 2 กล่อง original and spicy (แต่เรามีตังแบ้งใหญ่ที่ร้านก้ไม่มีตังทอนเลยอดไปค่ะได้แค่กล่องเดียว เราเลยเลือกแบบ spicy มา)…..55555 ที่แท้มันคือน้องมันแกวบ้านเรานี่เอง ใส่เครื่องราดซอสแต่รสชาติโอเคนะ เรียกได้ว่าอร่อยลงตัวค่ะ
นั่งรสบัสมาสัก 10 นาทีเห็นจะได้ค่ะ ก้ถึงที่หมายของเรา……ที่มัสยิดจะมีเวลาเปิด-ปิดให้เข้าชมด้านเป็นรอบตามด้านล่างค่ะ
วันเสาร์-วันพฤหัสบดี เวลา 9:00-12:30 / 14:00-16:00 / 17:30-18:00
วันศุกร์ 15:00-16:00 / 17:30-18:00
**ถ้าใครไม่อยากเดินสำรวจที่นี่เขามีรถให้เช่านะค่ะ ทั้งจักรยาน และรถจิ๋ว (ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร)จักรยานจะเปิดให้เช่าแค่ เสาร์-อาทิตย์ ค่ะ
สักหน่อยๆ แชะๆๆ นานๆทีนางจะยอมถ่ายรูป อิอิ
จากมัสยิดสีชมพูเราก้เกิดอาการงงกันค่ะว่าเราจะกลับกันยังไง 55++ ก้ด้วยเราดูแต่ขามาลืมดูขากลับ ก้อเลยตัดสินใจเดินสำรวจกันไปเรื่อยๆค่ะ เป้าหมายคือมัสยิดสีเงิน แอบเห็นแว้บๆตอนนั่งรถบัสมาก้พากันเดินย้อนไปเรื่อยๆค่ะ 5555 พูดได้คำเดียว…..ร้อนมาก !!!!คุณชายแอบกระซิบขออีกคำ…..เหนื่อย จุดๆๆๆๆ !!!!หลังจากเดินคลำๆหลงๆกันมาสัก 30 นาทีเราก้มาถึงจุดหมายค่ะ
-มัสยิดสีเงิน-
นางบอกสวยละๆๆๆๆ อย่าหันมา….ตามนั้นค่ะเอาที่สบายใจค่ะ เชอะๆๆ
อันนี้พลาดไม่ได้ค่ะ “มุมมหาชน” ตอนแรกถอดใจละ…ไม่รู้อยู่ตรงไหน หาม่ะเจอ +กับขาจะหลุดละแต่อาจจะด้วยความฉลาดน้อยของพวกเราหรือจะบังเอิญเราก้ไม่แน่ใจ เราหาป้ายรถเมล์กันไม่เจอเลยถามคนแถวนั้น ก้อเดินตามคำบอกเล่าไป โป๊ะเชะ!!!! มันใช่เลยมุมนี้ 5555
**จริงๆแล้วมุมนี้หาไม่ยากเลยค่ะ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมัสยิดสีเงินนั่นเองค่ะ**
หลังเก็บบรรยากาศจนจุใจแล้วเราก้อเดินลงบันไดที่เห็นในมุมมหาชนลงไปแล้วเลี้ยวไปทางซ้ายเพื่อไปรอรถเมล์ที่ป้ายจากคำบอกเล่า….เป็นป้ายเล็กๆตามในรูป นี่งรอกันยุพักใหญ่ ไม่มีและไม่มีรถเมล์มา….
เราตัดสินใจเดินขึ้นไปที่มุมมหาชนแล้วเดินทะลุไปอีกด้านจะเจอตึกตามรูปด้านล่างค่ะ เหมือนสวรรค์ เห็นทางสว่างขึ้นทันใด เดินไปทางซ้ายมือค่ะจะเจอกับป้ายรถเมล์ที่ถูกต้องและแท้จริง
คนบอกเล่าเส้นทางที่เราถามเขาบอกไม่ผิดหรอกค่ะ…แต่แบบว่าพากัน….จุดๆๆๆๆ ละไว้ในฐานที่เข้าใจนะค่ะ อิอิ
ในที่สุดก้หาทางกลับกันจนเจอค่ะ เรานั่งรถบัสกลับมาลงที่เดิมค่ะ (Putrajaya Central) เพื่อจะขึ้นรถไฟกลับไป KL Sentral เมื่อกลับมาถึงศูนย์กลางคมนาคมของกัวลาลัมเปอร์ก้ได้เวลาหิวพอดีค่ะ แอบเบื่อข้าวแถวที่พักละ เลยชวนกันไปลองที่นี่เลยค่ะ Taste of Asia เป็น food court อยู่ที่ Berjaya Time square ค่ะ (เปิดให้บริการตั้งแต่ 10 โมงเช้า จนถึง 4 ทุ่ม ) วิธีไปก้อไม่ยากค่ะ นั่ง monorel จาก KL Sentral ไปลงสถานี Imbi
**เมื่อถึง KL Sentral เราต้องเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปขึ้น monorel ค่ะเดินตามป้ายทะลุผ่านเข้าไปในห้างเลยค่ะจะมีป้ายบอกตลอดทาง
เดินขึ้นไปชั้นบนค่ะ
เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ
ก้อจะเจอทางเข้า ซื้อตั๋วที่ตู้ได้เลยค่ะ หน้าตาก้จะคล้ายๆเหรียญรถไฟใต้ดินบ้านเราค่ะ
ถึงละค่ะสถานี Imbi ไปๆๆๆกินกันหิวๆๆๆๆๆ
Taste of Asia food court ก้จะคล้ายๆ food court ในห้างบ้านเราค่ะต้องแลกบัตรสำหรับใช้ซื้ออาหารก่อนค่ะ
มื้อเย็นของเราวันที่ 2 @ กัวลาลัมเปอร์#จัดหนักและจัดเต็มค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายของเราสองคนในวันนี้ค่ะ 131.8 RM ตกคนละ 65 RM (ประมาณ 600 ค่ะ)
ค่ารถไฟ KTM+KLIA+Monorel = 81.8 RM
ค่าอาหารประมาณ 50 RM (เราขากินค่ะ….เลยหนัก)
กรุบกริบก่อนนอนค่ะไหนๆมาแล้วลองของเขาสักหน่อย……!!!!!!! พอหลับสาย…….พรุ่งนี้สำรวจต่อค่ะ วันนี้ไปนอนก่อนนะ …..ฝันดีนะค่ะ
ไปค่ะลุยกันต่อ มีเวลาสำรวจพอสมควรก่อนกลับค่ะ วันนี้เราตั้งใจจะไปสำรวจ landmark (Petronas Twin Tower) แวะช้อปนิดหน่อยที่ Bukit Bintang, Central Market, Petaling Street และ Mitsui Outlet ก่อนกลับ อิอิ
ไหนๆจะกลับละขา coffee อย่างเราจะยอมพลาดเหรอค่ะ ขอลองอีกเมนูนะ…อิอิ (เด็กอ้วนหลังห้องเขาไม่มักแฟ ต้องใช้ลูกอ้อนกันหน่อย) เซลล์นะค่ะเรื่องอ้อนเรื่องพูดขอให้บอก…ไม่พลาดค่ะเสร็จทุกราย 55555+++ ก้ได้กินสิค่ะ
วันนี้ลองเมนูใหม่ค่ะเอาใจเด็กอ้วน อิอิ…ก้คล้ายๆน้ำแข็งใสบ้านเราค่ะ หน้าตาผ่าน รสชาติใช้ได้ค่ะ
เมื่ออิ่มท้องเราก้อพร้อมลุยค่ะ….แต่เพื่อความคล่องตัวค่ะเด้วเราเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ locker ในสถานี KL Sentral กันก่อนค่ะ
ใน KL Sentral มีตู้รับฝากแบบ Locker หยอดเหรียญด้วย อยู่ตรงทางเข้าห้องน้ำที่ติดกับร้าน Guardian แต่เป็นตู้ฝากชั่วคราว ค้างคืนไม่ได้ (ราคาก้ตามขนาดค่ะเลือกตามขนาดกระเป๋าเราได้เลยค่ะ…แต่เราจำราคาไม่ได้ละ…แงๆ)
*** ข้อมูล Locker CR : E-magazine Travel
http://www.emagtravel.com/archive/melaka-trip.html
เราจะไปตึกแฝดกันก่อนค่ะ การเดินทางก้ไม่ยากค่ะ นั่ง LRT สายสีแดง (KELANA JAYA) จาก KL Sentral (KJ15) ไปลงสถานี KLCC (KJ10)
เมื่อได้ตั๋วเรียบร้อยก้ไปลุยกัน เราไปขึ้น platform 1 นะค่ะ
เมื่อมาถึงก้เดินตามป้ายทางออก Suria KLCC
เดินตามทางไปเรื่อยๆจะเจอบันไดเลื่อนขึ้นไป เดินตรงไป Jalan Ampang ขึ้นบันไดไปก้อถึงเป้าหมายที่แรกของเราในวันนี้ค่ะ
Petronas Twin Tower
ตึกแฝดเปโตรนาสมีความสูงถึง 451 เมตร มีทั้งหมด 88 ชั้น เป็นอาคารแฝดที่สูงที่สุดในโลก (เสียแชมป์ตึกที่สูงที่สุดในโลกให้กับอาคารไทเปไปตั้งแต่ปี 2547) ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 4 หมื่น 6 พันล้านบาท โดยเริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ปี 2535 และเริ่มเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2542 โดยมีนายเซซาร์ เปลลี สถาปนิกชาวอาร์เจนตินา เป็นผู้ออกแบบตัวอาคารค่ะ
CR: http://seoulcafe2013.blogspot.com/2013/07/lrt-mr.html
ถ้าหันหน้ามานางบอกนางโฟกัสไม่ได้…เชอะๆๆ
จากมุมตึกแฝดเราก้สามารถมองเห็น KL Tower ได้ค่ะ (เราไม่ได้ไปค่ะ..เวลาไม่พอ)
สถานีต่อไป…..ถูกใจเซลล์อย่างเรามากค่ะพูดเลย ฉันจาช้อปๆๆๆๆๆๆๆ++++++ 55555 เราจะนั่ง LRT สายสีแดง (KELANA JAYA) จากสถานี KLCC (KJ10) ย้อนกลับไปลงที่สถานี Pasar Seni (KJ14) ค่ะ เพื่อไปสำรวจแหล่งช้อปของฝากพื้นเมืองแถว Central Market และ Petaling Street (Chinatown)
เมื่อมาถึงสถานี Pasar Seni เราก้อเดินออกไปตามป้ายทางออก Pasar Seni, Kotaraya….
ลงบันไดไปจะมองเห็นคลองอยู่ด้านซ้ายมือค่ะ (เราไมแน่ใจว่าเรียกคลองอะไร)
ลงบันไดแล้วให้เลี้ยวไปทางซ้ายค่ะเดินตรงไปเรื่อยๆจะมองเห็นโรงแรง GEO อยู่ขวามือค่ะ
ให้เดินข้านถนนไปก้อจะเจอกับ Central Market ค่ะ
สินค้าที่ขายในตลาด Central Market ก็คล้ายๆ กับจตุจักรบ้านเราค่ะ เป็นพวกของฝาก,เสื้อผ้า,กระเป๋า…….ฯ
หลังจากเดินสำรวจจนทั่วเราก้เดินออกมาด้านข้างจะเจอกันเสาตามรูปค่ะ….เรียกอะไรอันนี้ไม่แน่ใจค่ะ 555
เราจะเดินไป Petaling Street (Chinatown) กันค่ะจากเสาตามรูปด้านบนให้เดินไปทางซ้ายค่ะ…เดินไปเรื่อยๆจะเจอสี่แยกให้เลี้ยวขวาค่ะ เดินตรงไปจะเจอสี่แยกเลี้ยวซ้ายเราก้อจะเจอทางเข้า Petaling Street (Chinatown) ค่ะ
สี่แยกแรกเลี้ยวขวาค่ะ
สี่แยกที่สองเลี้ยวซ้ายค่ะ
ก้จะเจอป้ายทางเข้าถนนคนเดิน Petaling Street (Chinatown) ค่ะ
เดินจนสุดถนนเลี้ยวขวาก้จะเจอสถานีรถไฟฟ้า Pasar Seni ค่ะ
สถานีต่อไปเราจะไปสำรวจแหล่งช้อปปิ้งแถว Bukit Bintang กันค่ะ หลังจากปรึกษา (ออกแนวเถียงกันก้อว่าได้ 55) อยู่สักแปปนึง ก้อได้ข้อสรุปว่านั้งรถไฟกลับไป KL Sentral แล้วไปต่อ Monorel คือทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ….!!!
เราจะนั่ง Monorel จากสถานี KL Sentral (MR01) ไปลงสถานี Bukit Bintang (MR06) ค่ะ ย่าน Bukit Bintang เรียกได้ว่าเป็นย่านที่เจริญที่สุดของ KL ก้ว่าได้ค่ะ ซึ่งในย่านนี้ก้จะรายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าหรูๆ ร้านค้า ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ต่างๆ ให้ขาช้อปได้ละลายทรัพย์กันจนกระเป๋าฉีกอย่างแน่นอนค่ะ….เมื่อมาถึงก้อเลือกช้อปกันตามใจชอบเลยค่ะ
**เอิ่ม…คือขาช้อปอ่ะเค้านะตะเอง #เร็วก่าตรูอีก 5555++
สำรวจกันจนทั่วแล้วก้ได้เวลากลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ locker ในสถานี KL Sentral กันคะ (นั่ง monorel กลับมาเหมือนขาไปค่ะ) กลับมาถึงก้ได้เวลาหิวค่ะเราเลือกทานที่ food court ใน KL Sentral ค่ะ เนื่องจากเวลาของเรางวดเข้ามาทุกทีละ 555
เมนูส่งท้ายทริปนี้ค่ะ….!!!!
หลังจากทำเวลากันพอสมควรค่ะ..เรายังมีเวลาเหลือพอสำหรับการช้อที่สุดท้ายของทริปนี้ (อันนี้ต้องไปค่ะเด็กอ้วนเขาขอมา..ไม่พาไปมีหวังนางงอนถึงชาติหน้าแน่นอนค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ)
ไปกันค่ะนางพร้อมช้อป…เอ้ยพร้อมลุยละค่ะ เราจะไปแวะ Mitsui Outlet ก่อนบินกันค่ะ เดี๋ยวเราจะนั่ง KLIA ekspres (รถไฟที่เรียกได้ว่าเร็วที่สุดใน South East Asia ) ไปลงที่ KLIA 1 แล้วนั่ง free shuttle bus จาก KLIA 1 ไป Mitsui Outlet กันค่ะ
ก่อนอื่นไปซื้อตั๋ว KLIA ekspres กันก่อนค่ะ
เมื่อได้ตั๋วแล้วก้อไปรอรถไฟกันค่ะ
รถไฟยังไม่มาค่ะ…ระหว่างรอก้อเซลฟี่สิค่ะ อิอิ
รอประมาณ 20 นาทีรถไฟก้มาค่ะ ไปจับจองที่นั่งกันตามใจค่ะ (คนไม่เยอะเท่าไร 555 พอมีที่ว่างให้เลือกได้ค่ะ) สภาพภายในรถไฟก้ใหม่สะอาดดีค่ะ
เราจำเวลาแน่นอนไม่ได้ละว่ากี่นาทีแต่ไม่นานมากค่ะน่าจะราวๆ 45 นาทีก้อถึง KLIA 1 ค่ะ free shuttle bus ที่ไป Mitsui Outlet จะอยู่ที่ Level 1, Gate2, Exit door 2 ค่ะ
CR : facebook/MOPKLIA
ถึงละค่ะนั่งรถบัสมาไม่นานค่ะประมาณ 10 นาที…มีเวลาช้อปชั่วโมงหน่อยๆค่ะ คุณชายบอกเหลือเฟือ 55++ (นางขอโซน sport ) เซลล์ที่ทั้งสวยและใจดีอย่างเราจะขัดเหรอค่ะ..จัดไปค่ะ อิอิ
หลังจากคุณชายเขาช้อปจนจุใจเราก็นั่ง free shuttle bus ไปลงที่ KLIA2 ได้เลยค่ะ ได้เวลา check in พอดีค่ะ วันนี้ใช้เวลาคุ้มค่ามากค่ะ
ถึงจะเป็นทริปทีค่อนข้างกะทันหันและมีเวลาเที่ยวน้อยนิด แต่ก้ถือได้ว่าคุ้มและประทับใจค่ะ เพราะเราได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมการใช้ชีวิต การกินอยู่ของคนที่นี่ แฮปปี้ค่ะ
ของฝากจากทริปเล็กๆของเราสองคนค่ะ…..
อันนี้ของฝากจากเคาน์เตอร์ที่สนามบินค่ะ…
ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะค่ะ……จะเก็บความรู้สึกความทรงจำดีๆมาฝากเพื่อนๆเรื่อยๆนะค่ะ
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)