รีวิว

คีรีวง ใครๆก็ไป แต่มีใครเคยไปแบบเรามั้ย

คีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
วันออกเดินทาง 07/07/2017
วันเดินทางกลับ 10/07/2017
จำนวนผู้ร่วมทริป ผู้ใหญ่ 1 คน
งบประมาณเฉลี่ยต่อคน 1,001 - 5,000 บาท
บันทึกเพิ่มเติม ถ้าตอนนี้ยังมีแรง เดินได้ วิ่งไหว แล้วจะนั่งอืดเที่ยวรอบโลกผ่าน google อยู่ทำไม
ลองไปในที่ที่ไม่เคยไป ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ คุยกับคนที่ไม่รู้จัก ทักหมาแมวต่างถิ่น แบกเป้ขึ้นหลัง แล้วไปก่อนตายดีกว่า
254K views
วันที่
1

(รู้จักและพูดคุยกันได้ผ่านทาง https://www.facebook.com/Paikontay/ หรือ https://th.readme.me/id/MEEpanda )

คนเค้าพูดกันว่า หมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในไทยคือ หมู่บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช แพนอยากไปหลายรอบแล้ว ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปซักที วันนี้ได้มาแล้วแหละ แต่จะเที่ยวแบบสบายๆ นั่งรถหรู นอนห้องแอร์ ก็กลัวจะไม่อิน เลยเลือกวิธีเดินทางจากกรุงเทพฯเป็นการนั่งรถไฟ และเราจะพักกันแบบนอนเต๊นท์ นอนฟังเสียงน้ำไหลเอาให้ฟินสุดๆไปเลย มีแบบวีดีโอด้วยนะ เผื่อใครขี้เกียจอ่าน แหะๆ

แพนเลือกเดินทางวันที่ 7 ก.ค. ตอนเย็นหลังเลิกงาน จองตั๋วรถไฟ ขบวนรถด่วน 85 ราคา 270 บาท นั่งจากศาลายาไปลงที่คลองจันดี ซึ่งตามตารางจะมาถึงสถานีศาลายาประมาณ 20.30 น. และความจริงคือ เกือบ 4 ทุ่มจร้าาาาาาาาา ระหว่างรอก็ถ่ายรูปเล่นกันไป

เอ้อ! แพนได้เพื่อนใหม่มาด้วยนะช่วงที่รอรถไฟ เจอน้องต้า พอดีเราขึ้นรถไฟขบวนเดียวกันแต่ต้าเค้าจะไปลงประจวบฯ ช่วงที่รอรถไฟเลยมีเพื่อนนั่งเมาท์มอย ชีวิตดี๊ดี แอบกระซิบเล็กๆ น้องเค้าโสดอยู่ใครสนใจทักมาๆๆๆๆๆ ฮร่าาา

ตอนขึ้นรถไฟก็ได้แยกย้ายกันเพราะนั่งคนละตู้ และแพนก็ได้ใช้ชีวิตอยู่บนรถไฟ เบาๆค่ะ 12 ชม.เอง อยู่บนรถไฟจะทำอะไรได้นอกจากการถ่ายรูปเล่น ^^

วันที่
2

เวลา 10 โมงนิดๆ ถึงแล้ว สถานีคลองจันดี จะบอกว่าอากาศดีเว่อ ไม่ร้อนมาก ที่แพนเลือกมาลงคลองจันดีแทนที่จะนั่งไปลงนครศรีฯนี่มีเหตุผลนะ เพราะถ้านั่งกว่าจะถึงสถานีนครศรีฯก็คงเที่ยง เลยลงคลองจันดีดีกว่าเนาะ แต่ลงนี่ก็มีข้อเสียอย่างคือต้องต่อรถ 2 ต่อและเสียตังค์แพงกว่าการไปขึ้นรถที่สถานีนครศรีฯประมาณ 20 บาท ซึ่งก็คุ้มแหละสำหรับการซื้อเวลา

ข้างสถานีรถไฟเป็นตลาดค่ะ ใครหิวก็แวะหาของกินสบายเลย แม่ค้าน่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกคน แพนเข้าไปถามทางเค้าก็ไม่อิดออดที่จะตอบเลย

ขึ้นรถคันนี้นะคะ นคร-จันดี ค่าโดยสารคนละ 35 บาท รถสองแถวที่นี่ออกไวค่ะ ไม่ต้องรอคนเต็มก็ออกแล้ว ดีจัง ^_^

นั่งประมาณครึ่งชม.ก็มาถึง สามแยก บ.ศาลาสังกะสี หรือปากทางเข้าหมู่บ้านคีรีวงนั่นแหละค่ะ จะบอกว่าอากาศยังคงดีอย่างต่อเนื่อง ฮร่าาาาาา เลยเกิดอาการอยากเดินค่ะ ก็กะว่าจะเดินเข้าซอยไปเรื่อยๆแหละค่ะถ้ารถผ่านมาก็ค่อยโบกชึ้น เพราะจากจุดนี้กว่าจะถึงตัวหมู่บ้านก็ประมาณ 7 กิโลได้

ระหว่างทางเจอร้านอาหารตามสั่งก็แวะนิดหน่อย ฝากท้องกับอาหารมื้อเช้าที่นี่แหละค่ะ มีพนักงานต้อนรับขนปุยหน้ามึน "กินไรพี่!!!!"

ยัดข้าวลงกระเพาะจนอิ่ม ก็เดินกันต่อค่ะ แต่เดินออกมาจากร้านอาหารตามสั่งได้ไม่ถึง 10 ก้าวเลยมั้ง รถสองแถวก็มาแระ โบกๆๆๆๆๆ ขึ้นไปนั่งไม่เกิน 10 นาที ค่ารถ 15 บาท รถก็มาจอดที่ตีนสะพานคีรีวงค่ะ ความจริงเราจะบอกให้คนขับไปจอดตรงที่พักเลยก็ได้นะ แต่พอดีตอนแพนขึ้น มีความลน หลุกหลิก รีบขึ้นไปหน่อย เลยไม่ได้บอกคนขับก่อนจะขึ้น แต่จุดกางเต้นท์แพนก็อยู่ไม่ไกลจากสะพานคีรีวงเท่าไหร่ค่ะ เดินมานิดนึงก็ถึงแล้ววววว


สรุปการเดินทางกันหน่อยนะจ๊ะ
- นั่งรถไฟ รถด่วน ขบวน 85 จากกรุงเทพฯ ลงที่ สถานีคลองจันดี 12 ชม. (270 บาท)
- นั่งรถสองแถว นคร-จันดี ลงสามแยก บ.ศาลาสังกะสี หรือปากทางเข้าหมู่บ้านคีรีวงนั่นแหละค่ะ 40 นาที (35 บาท)
- เดินมารอขึ้นรถสองแถว นครศรี-คีรีวง ในซอยหมู่บ้าน นั่งรถ 10 นาที (15 บาท) ถึงแล้วจร้าาาาา

สิ่งแรกที่เจอหลังจากลงรถ ลูกอะไรไม่รู้ กลมๆ เล็กๆ แต่รสเหมือนมะพร้าว แต่ช่างมันค่ะ เดินไปที่พักดีกว่า

แพนเดินข้ามสะพานคีรีวงกลับมาทางออกหมู่บ้านแล้วเลี้ยวขวา เดินประมาณสิบเฮือกก็ถึงแล้วค่ะ มาๆๆๆๆ อยากโชว์มุมนี้มากเลย นี่เป็นด้านซ้าย มีเพื่อนบ้านสีสันสดใสประมาณ 3 หลัง และด้านขวาของพื้นที่กางเต้นท์แพน มีความกรีนนนนนนน

ตรงนี้ด้านหน้า แอบดูคู่รักเล่นน้ำ กลุ่มเพื่อนถ่ายรูป ครอบครัวเซลฟี่ เพลินๆดี และนี่ เต้นท์เก๊าเอง!!! มันก็จะมีแต่อะไรเขียวๆล่ะเนาะ ช่วงนี้แพนกำลังคลั่งอะไรกรีนๆ มีความเลิฟเว่อร์กับที่นอนคืนนี้มากมาย

พอกางเต้นท์เสร็จก็มานั่งพัก เดินทางทั้งคืน นั่งๆ ยืดๆ เหยียดๆขาแขน ไม่ค่อยจะเต็มทีเท่าไหร่ เลยขออยู่นิ่งๆซักพัก จวบจนบ่ายแก่ๆ แดดเริ่มหาย ได้เวลาเดินเตร็ดเตร่แถวที่พัก

พอเห็นคนเค้าเล่นน้ำกัน ก็เกิดอาการคัน อยากแช่ตัวในอ่างจากุชชี่ยักษ์ตรงหน้าบ้าง เลยเดินกลับเต้นท์คว้าผ้าถุงแล้วลงไปตีโป่งสิคะรอไร

แต่ไม่ถ่ายตัวเองกระโจมอกมาลงนี่หรอกนะ อยากเห็นก็ไปดูในคลิปเอา ฮร่าาาาา ดำผุด ดำว่าย อยู่พักนึงก็ขึ้นมาแต่งตัว ได้ยินเสียงดนตรีดังกระหึ่มมาจากในวัดคีรีวง มีความสนใจอยากไปโจ๊ะเต้นหน้าเวทีกับเค้าบ้างเลย ไปแอบดู

วัดนี้ชื่อวัดคีรีวง เรียกว่าเป็นวัดใหญ่ของหมู่บ้านนี้เลยก็ว่าได้

ด้านหลังวัดเป็นตลาด พอเดินทะลุมาก็จะเจอพวกร้านขายของฝาก แล้วก็ร้านกาแฟนายทั่ง ที่เห็นคนรีวิวกันเยอะๆนั่นแหละค่ะ

แต่แพนไม่เข้า เพราะเราไม่มีตังค์ เอ้ย! ไม่ใช่สิ คนมันเยอะค่ะ แพนเลยเดินผ่านซะงั้น ไปเข้าร้านของชำหาเสบียงสำหรับคืนนี้ดีกว่า

มาถึงตรงนี้ขอสารภาพบาปแปป ทริปนี้แพนใช้กล้องถ่าย 2 ตัว (กล้องตัวนึงของพี่กุ๊กใจดีให้ยืมมาถ่าย ผู้สนับสนุนการเขียนรีวิว ขอบคุณคร้าบบบ) มือถืออีก 1 เพราะมีการถ่ายวีดีโอด้วย มันก็เลยใช้กล้องถ่ายสลับกันไปมา และแพนหาภาพที่ถ่ายบรรยากาศในวัดเจอเท่านี้ ขอโทษก๊าบบบ ได้ข้อสรุปว่าในวัดมีงานบวชของลูกชายกำนันหมู่บ้าน บวช 2 คนเลยงานใหญ่มาก ด้วยความสอดรู้สอดเห็นและอัธยาศัยดีเกินเหตุทำให้แพนได้เพื่อนเพิ่มเป็นคนในหมู่บ้านนี้แหละค่ะ เค้าพาแพนไปดูงานในช่วงกลางคืน ดูหางเครื่อง ดูนักร้องแดนซ์กันมันส์กระจาย และแพนก็ไม่ได้ถ่ายรูปค่ะ T_T ขอโต๊ด เอาเป็นว่าคืนนี้ก็กลับไปนอนเต้นท์กันแบบชื่นมื่นหัวใจ เพราะรู้จักคนที่นี่แล้ว พรุ่งนี้มันส์กว่านี้แน่นอน

สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้
ค่าเดินทาง 320 บาท
ค่ากิน 100 บาท
ค่าพื้นที่กางเต้นท์ 100 บาท (จ่ายมัดจำไปก่อนแล้ว 100 บาท)
รวม 520 บาท

วันที่
3

เช้าวันอาทิตย์ที่ 9 ก.ค. 60 เปิดเต้นท์ออกมาแล้วเจอกับอะไรกรีนๆ แบบนี้ มันฟินนะ อิจฉาล่ะสิ ฮิฮิ

ประเดิมมื้อเช้ากับนี่เลย หมี่กระทิ ที่คนขายบอกว่าเป็นสูตรเมืองคอน 10 เอง ถู๊ก ถูก กินจนพอหายอยาก แล้วแพนก็เดิน เดิน เดิน เลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ งงใช่มั้ยว่าทำไมไม่เช่ารถจักรยานแล้วปั่นชมเมืองแบบที่รีวิวอื่นๆเค้าทำกัน ก็ไม่ได้จะอินดี้อะไร แค่มันเดินเพลินๆแล้วรู้ตัวอีกที เอ้ย!เดินไกลไปแล้ว

จน 10 โมงกว่า แพนกำลังจะเดินกลับที่พัก เพราะต้องไปเก็บเต้นท์เพื่อย้ายทำเลสำหรับนอนคืนที่ 2 ค่ะ

ระหว่างเดินก็มีคุณลุงท่านนึงจอดมอไซด์อยู่ข้างๆแล้วถามว่าจะไปไหน เห็นเดินคนเดียว ลุงจะไปส่ง
โอ้ยยยยยยย ดีใจแทบช็อค แพนเลยซ้อนมอไซด์คุณลุงมาลงที่ เต้นท์ม่านไทร เก็บข้าวของ แวะแฮฟลันช์ แล้วเดินต่อค่ะ (แต่แหมมาเมืองใต้ แต่โซ้ยส้มตำ ฮร่า ข้ามภาคเลยทีเดียว)

ระยะทางจากจุดกางเต้นท์แรกไปยังจุดกางเต้นท์ที่สองก็เกือบๆโลได้ แพนก็เดินค่ะ เดิน เดิน เดิน

เต้นท์ริมน้ำ บ้านคีรีวง

เป็นที่พักที่มีทั้งแบบกางเต้นท์ แล้วก็กระท่อม ตามภาพด้านบนค่ะ และก็วิวด้านหน้าริมน้ำ ตรงนี้ไม่ใช่จุดเล่นน้ำหลัก คนเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ก็ดีนะแพนชอบ ไม่วุ่นวายดี เดี๋ยวพวกรายละเอียดที่พักทั้งสองคืน แพนจะเขียนสรุปให้อีกทีนะคะ

จนบ่ายแล้วก็ได้เวลาชมเมืองค่ะ ที่อยากจะบอกคือ ทางที่พักให้แพนยืมจักรยานมาปั่นด้วยแหละ ดีใจๆๆๆ เป็นวันที่เจอแต่คนใจดี คงเพราะเห็นว่าแพนมาคนเดียวเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆแสนบอบบางน่าเอ็นดู ฮร่าาา มโนไปอีก วันนี้แพนเลือกไปตามสถานที่หลักๆ ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เค้าไปกันก่อนนะจ๊ะ พรุ่งนี้จะเป็นอีกแนวนึง ส่วนเรื่องเพื่อนใหม่ที่เป็นคนหมู่บ้านนี้เค้ายังอยู่นะ เดี๋ยวมาพูดถึงกันอีกที ตอนนี้ปั่นจักรยานคนเดียวก่อน จุดแรกที่แพนไปคือ...


กลุ่มลูกไม้ค่ะ

เป็นกลุ่มที่รวมตัวกันสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดพืช หรือที่เรียกว่าลูกไม้นั่นแหละค่ะ ด้านในจะมีการสาธิตการถักเชือกที่ใช้ลูกไม้เป็นส่วนประกอบหลัก มีจำหน่ายผลิตภัณฑ์พวก สร้อย แหวน พวงกุญแจ ที่ทำมาจากลูกไม้ ดังๆหน่อยก็ลูกสวาท กับลูกพระเจ้า 5 พระองค์ เป็นเครื่องรางค่ะ ใครสนใจลองเข้าไปแวะชมแล้วก็พูดคุยกับชาวบ้านในกลุ่มนี้ได้นะคะ

กลุ่มที่ 2 ที่จะไปก็ขึ้นชื่ออยู่นะคะ

กลุ่มมัดย้อมสีธรรมชาติ

ที่นี่เค้าทำผ้าบาติกกับผ้ามัดย้อมค่ะ แต่พอดีวันที่แพนไปกลุ่มทำมัดย้อมเค้าผ้าหมดเลยอดทำ แพนเลยได้ดูเค้าวาดเทียนเขียนลายบาติกแทน ตอนแรกจะขอลองเขียนเทียน แต่เค้าบอกว่าถ้าเป็นนักท่องเที่ยวจะให้ทำได้เฉพาะขั้นตอนลงสีเพราะเขียนเทียนยาก แพนเลยงอนไม่ไปลงสีหรอก ก็เค้าไม่ยอมให้แพนเขียนเทียนอะ งอแงๆๆๆๆ ฮร่า พอมาคิดอีกทีเค้าจะไปรู้ได้ไงว่าเราเคยทำบาติก

ออกมาจากกลุ่มมัดย้อมก็แวะพักน่องที่ร้านกาแฟลุงโรมก่อน ร้านนี้ก็เห็นคนมารีวิวเยอะพอๆกับร้านนายทั่งเลย นั่งพอหายเหนื่อยก็ลุยต่อค่ะ

จุดต่อไป กลุ่มใบไม้บ้านคีรีวง

ที่นี่ทำผ้ามัดย้อมค่ะ ทำจากสีธรรมชาติด้วยจากเปลือกไม้ ใบมังคุด อะไรพวกนั้น แพนไปยืนฟังพี่เค้าบอกว่าอย่างสีที่ได้จากใบมังคุดใช่ว่าทุกใบจะเอามาต้มแล้วย้อมได้นะ ต้องเลือก ต้องลองต้มถึงจะรู้ว่าใบที่ได้มามันจะออกสีรึเปล่า ฟังๆๆดูก็ยากเหมือนกันนะกว่าจะได้สีแต่ละสีมาย้อมเนี่ย

ออกจากกลุ่มใบไม้มา แพนเห็นป้ายชี้ไปน้ำตกวังไม้ปัก 3 กิโล จะช้าอยู่ไย ปั่นไปตามทางนั่นแหละค่ะ ระหว่างทางแอบเห็นสาวเล่นน้ำ เลยแวะไปทักทายซะหน่อย "ยายทำอะไรคะ" ยายตอบมาว่า "2@#$%^%&&**()$%" เป็นภาษาใต้ค่ะฟังไม่รู้เรื่อง ฮร่า

ทางมันก็ดูไม่ไกลนะ ถ้าตัดความชันตอนขึ้นเขาลงเขาไปก็จะสบายน่องกว่านี้ ปั่นไปเรื่อยๆจนถึงเส้นชัยค่ะ ก็แอบเฟลเล็กๆนะเพราะน้ำตกไม่ค่อยจะมีน้ำ แต่ที่ชอบคือมันได้เหนื่อยเพื่อมานี่แหละค่ะ ถ้าอยากเห็นว่าน้ำตกเป็นยังไงรอดูในคลิปนะคะ

ออกจากน้ำตกวังไม้ปักก็ตรงไปยังอีกจุดไฮไลท์ของคีรีวงค่ะ "หนานหินท่าหา" แต่ชาวบ้านที่นี่จะเรียกว่า "สะพานแขวน" เป็นอีกที่นึงสำหรับการเล่นน้ำ มีร้านอาหาร มีห่วงยาง มีเป็ดลอยน้ำให้เช่า คนมาเล่นน้ำที่นี่เยอะเชียว ดูเอ็นจอยกันดีแฮะ แต่สำหรับแพนจุดนี้ยังเฉยๆนะ เพราะพรุ่งนี้มีอะไรที่เจ๋งกว่านี้เยอะ ก็บอกแล้วว่าเรามีเพื่อนใหม่เป็นคนคีรีวง จะเที่ยวแบบนักท่องเที่ยวอยู่ทำไมล่ะ เที่ยวแบบชาวบ้านดีกว่า

ลืมบอกๆๆๆ จากที่ตอนแรกแพนจองพื้นที่กางเต้นท์ไว้ พอดีคืนนี้ฝนตก พี่เจ้าของเค้าใจดีบอกให้แพนย้ายมานอนในกระท่อมจะได้ไม่ลำบาก เค้าบอกจะคิดตังค์เท่ากับที่แพนจองที่กางเต้นท์แหละ หูยยยยย ใจดีมากมาย แต่สุดท้ายตอนจ่ายค่าที่พักแพนก็ขอเค้าจ่ายราคากระท่อมนั่นแหละ เห็นแบบนี้ก็เกรงใจคนเป็นนะจ๊ะ ปอกส้ม


สรุปค่าใช้จ่ายวันที่สอง
ค่ากินประมาณ 150 บาท

วันที่
4

ตื่นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วันจันทร์ ที่ 10 ก.ค. 60
วันนี้แพนมีนัด นัดกับแนน และพี่กฤษ เพื่อนใหม่ที่แพนเกริ่นไว้ตั้งแต่ต้น พี่กฤษบอกว่าทุกเช้าของวันจันทร์แล้วก็วันศุกร์จะมีตลาดเช้า คนจากข้างนอกจะเอาของมาขายในหมู่บ้าน ของที่ขายในตลาดก็จะเป็นของกิน ของใช้ทั่วๆไป แพนเลยฝากท้องมื้อเช้ากับตลาดนี้

ช่วงสายเลยได้ฤกษ์งามยามดี วันนี้แนนกับพี่กฤษจะพาแพนขึ้นเขา ไปสวนผลไม้ของแนน เราจะไปเก็บมังคุดกัน แต่ไปด้วยมอไซด์วิบาก ชาวบ้านที่นี่เค้าจะมีมอไซด์แบบเนี้ย อย่างน้อยบ้านละคัน เพื่อใช้สัญจร บรรทุกผลไม้จากสวนตัวเอง เพราะสวนผลไม้ของที่นี่พิเศษค่ะ เป็นสวนที่ปลูกผสมผสานกันระหว่างสวนกับป่า และเป็นป่าบนภูเขาด้วยนะ เรียกว่า "สวนสมรม"

เคยขึ้นรถไฟเหาะมั้ยคะ อารมณ์ประมาณนั้นเลย ต่างตรงที่งานนี้แพนเกาะหลังพี่กฤษแทนที่จะมีเข็มขัดนิรภัยรัดตัวแพนเหมือนตอนนั่งเครื่องเล่นในสวนสนุก ฮร่าาาาา ขอบคุณประสบการณ์ชีวิตครั้งนี้ ที่ทำให้แพนใจเต้นตึกตักหวาดเสียวตลอดทาง คิดเอาแล้วกัน ทางชันๆ แคบๆ ภูเขาสูงๆ โค้งหักสอก ทิ้งดิ่ง อะไรประมาณนั้น ดูได้จากในคลิปซึ่งมีแรงจับกล้องได้แค่นั้นจริงๆ ที่เหลือคือต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในการเกาะหลังพี่กฤษไม่ให้กลิ้งตกเขาไป

เก็บมังคุดกัน พี่กฤษกับแนนบอกว่าช่วงนี้ผลไม้ยังไม่ค่อยออกผลเท่าไหร่ ทุเรียนก็ยังไม่สุก เพราะฝนตกไม่ปกติ แต่วันนี้เก็บได้เท่านี้คือดีมาก แพนก็ฟังไป กินมังคุดไป มังคุดที่นี่เกรดส่งออกนะคะ ขายนอก รสชาติจะออกเปรี้ยวนิดๆ หวานหน่อยๆ ต้องมาลองชิม

มาถึงตอนนี้แล้วมีใครอยากยลโฉมเพื่อนใหม่แพนมั้ยอ่า ไม่อยากดูก็แล้วแต่ แต่แพนอยากโชว์

ใช้เวลากว่าครึ่งวันบนเขา ถือว่าสนุกมาก คุ้มมากกับการมาในครั้งนี้ แพนลงเขามาเพื่อเก็บเสื้อผ้าเตรียมไว้ ก่อนจะให้เพื่อนใหม่พาทัวร์อีกนิด

พี่กฤษอาสาเป็นไกด์ค่ะพาแพนไปน้ำตก เอิ่มมมมมมม น้ำตกอะไรก็ไม่รู้ เป็นน้ำตกที่ไม่มีชื่อ เป็นน้ำตกที่ไม่ได้อยู่ในรีวิวไหนๆ เป็นน้ำตกที่น้อยคนจะรู้ว่ามันมีอยู่บนโลกนี้ เป็นน้ำตกที่ทางเข้าโคตรไม่เป็นทางเข้า เป็นน้ำตกที่แอบอยู่หลังม่านสีเขียวธรรมชาติ

นี่คือเห็นจากจุดที่จอดรถ ต่อจากนี้ต้องเดินเข้าป่ากันค่ะ พี่กฤษบอกว่านี่น้ำยังน้อยนะ ถ้าช่วงน้ำเยอะจะสวยมาก ตรงนี้เป็นน้ำตกที่ไหลจากยอดเขา ไม่รู้สูงแค่ไหน แต่ยืนอยู่ข้างล่างแล้วมองขึ้นไปคือไกลมาก

ถ้าแพนจะบอกว่าตั้งแต่มาเยือนคีรีวง 3 วัน 2 คืน จวบจนตอนนี้ แพนชอบวันนี้ที่สุด และคิดว่าตรงนี้เป็นที่ที่ดีที่สุด มันดีซะยิ่งกว่าพวกจุดท่องเที่ยวแนะนำซะอีก มันจะแรงไปมั้ย อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ ก็แพนชอบแบบเงียบๆ คนน้อยๆ และอะไรที่มันธรรมชาติจริงๆแบบนี้แหละ

ดื่มด่ำบรรยากาศกันไป ถ่ายรูปกันไป และแพนจะพาไปจุดสุดท้ายของวันนี้

วัดป่าเขาขุนน้ำคีรีวง/นครศรี

ไหว้พระซักนิดก่อนกลับ วัดนี้เป็นวัดป่าค่ะตั้งอยู่ตรงทางขึ้นเขาหลวง นักท่องเที่ยวอาจไม่ค่อยรู้จักกันซักเท่าไหร่เพราะเป็นวัดไม่ใหญ่มากและเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่ไม่บ่อยนัก เทียวมาเทียวไปน่ะค่ะ เป็นเหมือนสถานที่ปฏิบัติธรรมประมาณนั้น แต่สวยดี ร่มรื่นมากด้วย ถือว่าจบทริปคีรีวงอย่างสวยงามกับวัดป่าเขาขุนน้ำคีรีวง

เดี๋ยวๆๆๆๆๆ ยังไม่จบตอนเดินทางกลับล่ะเค้าล้อเล่น
รถสองแถวที่ออกจากหมู่บ้านคีรีวงเพื่อเข้าไปในเมืองจะหมดประมาณบ่าย2 บ่าย3 ซึ่งแพนไปขึ้นไม่ทันค่ะ พี่กฤษเลยใจดีไปส่งแพนที่ปากทางเข้าหมู่บ้านเพื่อไปต่อรถสองแถวอีกสายที่จะไปตัวเมืองเหมือนกัน ค่าโดยสาร 30 บาท ลงที่ขนส่งนครศรีฯนะคะ
จะเกิดเหตุก็ตอนนี้แหละ คือแพนจองตั๋วรถทัวร์ล่วงหน้าไว้แล้ว แค่เอาโทรศัพท์ไปยื่นให้พนักงานรันเลขก็จบ แต่... มันไม่จบไง ความโง่คือแพนดันจองวันที่ผิดซะงั้น ความจริงต้องเดินทางวันที่ 10 ก.ค. แต่แพนดันไปจองวันที่ 11 ก.ค. T^T เลยต้องซื้อตั๋วใหม่ เสียตังค์โดยใช่เหตุไปอี๊กกกกกก

สรุปค่าใช้จ่ายวันที่สาม
ค่ากินประมาณ 100 บาท
ค่าที่พักแบบกระท่อม 300 บาท (ความจริง 500 บาท แต่พี่เจ้าของลดให้เพราะเห็นรังสีความจนออกมาจากตัวแพน)
ค่ารถสองแถว 30 บาท
ค่ารถทัวร์ 547 บาท (ซึ่งความจริงไม่ควรจะเสียในส่วนนี้ด้วยซ้ำ)
รวม 977 บาท
ไปบวกเอาเองนะว่า 3 วัน 2 คืนของแพน ใช้เงินไปทั้งหมดกี่บาท แต่บอกก่อนส่วนนี้คือไม่รวมพวกของฝากนะจ๊ะ

สำหรับทริปนี้ลาแล้วจร้าาาา สวัสดี ^^

รายละเอียดในส่วนของที่พัก

คืนแรก
ม่านไทรบริการที่พักและจักรยาน - คีรีวง
เต้นท์หลังเล็ก 300 บาท
เต้นท์หลังใหญ่ 400 บาท
นำเต้นท์มาเอง คิดค่าพื้นที่กาง 200 บาท
มีปลั๊กไฟ ไม่มีไวไฟ อยู่ไกล้ใจกลางหมู่บ้าน เจ้าของใจดีมากกกก
ติดต่อ 061 215 3951

คืนที่สอง (แพนได้บอกรึยังว่าเจ้าของที่นี่คือพี่กฤษ)
เต๊นท์ริมน้ำ บ้านคีรีวง
กระท่อม 500 บาท
เต้นท์หลังเล็ก 300 บาท
เต้นท์หลังใหญ่ 400 บาท
นำเต้นท์มาเอง คิดค่าพื้นที่กาง 150 บาท
มีปลั๊กไฟ มีไวไฟ คนน้อย ไม่พลุกพล่าน เจ้าของน่ารัก เป็นกันเองที่สู้ดดดดดดด
ติดต่อ 092 458 6766

และแถมอีกที่นึงค่ะ อันนี้ของแนน
บ้านปาวาตรี โฮมสเตย์ คีรีวง
ห้องพักสำหรับหมู่คณะ ห้องละ 1500 บาท
อยู่ติดทางขึ้นเขาหลวง ไกล้น้ำตกวังไม้ปัก
ติดต่อ 087 279 0771, 087 269 2196

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)

    รีวิวที่คล้ายกัน

    ทริปที่ใกล้เคียง

    ไอเดียที่ใกล้เคียง