เราเดินทางในคืนวันศุกร์ด้วยสมบัติทัวร์ จองตั๋วล่วงหน้าไว้ค่ะ ทั้งขาไปและขากลับ
โดยขึ้นรถที่ขนส่งหมอชิตใหม่ปลายทางคือแม่ลาน้อย และเที่ยวกลับจากแม่ลาน้อย-กทม. ราคาตั๋วไป-กลับ สำหรับ 2 คน 2,300 บาท
รถทัวร์ไปแม่ฮ่องสอนต่อวันมีไม่กี่รอบนะคะ สามารถดูข้อมูลได้ที่ >>>http://www.sombattour.com/
หมดเวลาทำงานในวันศุกร์ เราก็เข้าแก๊ง 5 เด้งวิ่งออกจากออฟฟิศ มีเวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อไปขึ้นรถรอบ 18.00 น. ที่หมอชิตให้ทัน
เคยวิ่งออกจากออฟฟิศไหม? ลงบีทีเอสหมอชิตเรียกวินมอเตอร์ไซด์ไปสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิตใหม่ พี่วินถามด้วยความหวังดีว่าขึ้นรถของอะไรไปที่ไหน เราบอกว่าขึ้นของสมบัติทัวร์ไปแม่ฮ่องสอน พี่วินแนะนำต่อว่าไม่ต้องเข้าหมอชิตหรอก เพราะเย็นวันศุกร์รถของสมบัติทัวร์จอดที่วิภาวดีไม่เข้าหมอชิต ถ้าคุณไปหมอชิตเดี๋ยวคุณก็ได้นั่งรถวินออกมา เสียเงินเพิ่ม! เรางงไปหมดเพราะเพิ่งเคยมาขึ้นรถที่หมอชิตเป็นครั้งแรก อะไรคือวิภาวดี อะไรคือรถไม่เข้าหมอชิต มีเวลาไม่มากด้วยถ้าตัดสินใจไปผิดที่คือตกรถเลย พอหยิบตั๋วขึ้นมาดูในตั๋วเขียนไว้ด้วยอักษรสีแดงตัวเบ่อเร่อเลยว่า "ขึ้นรถที่หมอชิตเท่านั้น!!" เรายืนยันที่จะไปหมอชิต คำพูดสุดท้ายของพี่วิน "ผมบอกคุณแล้วนะ!"
ขอบคุณความหวังดีของพี่มากๆ แต่ถ้าวันนั้นเชื่อพี่เราคงไปไม่ทัน ได้คุยกับพนักงานดูแลเราบนรถทัวร์ในสิ่งที่เจอมา สรุปว่ารถที่ไปแม่ฮ่องสอนบางเที่ยวก็ไม่เข้าหมอชิต แต่ถ้าเป็นรอบ 18.00 น. ขึ้นที่หมอชิตเท่านั้น ถ้าจองตั๋วมาล่วงหน้าก็สอบถามมาให้แน่ใจเลยนะคะว่าขึ้นรถที่ไหน เริ่มต้นการเดินทางยังมีเรื่องให้ตื่นเต้นขนาดนี้!
สิ่งที่พลาดอีกอย่างหนึ่งในการเดินทางคือเลือกที่นั่งใกล้ห้องน้ำ อยากให้ทางสมบัติทัวร์นำข้อเสนอแนะตรงนี้ไปปรับปรุงด้วย ขนมอร่อย แอร์เย็น ผ้าห่มหอม แต่ต้องนั่งรถคู่ไปกับกลิ่นห้องน้ำมันท้อแท้หัวใจมากค่ะ จำได้ลางๆ ว่าโค้งเยอะมากเราตื่นมาบ้างเมื่อรถเบรก เข้าโค้งเหวี่ยงๆ หน่อย มี skill การหลับบนรถมามากพอสมควรหลับได้ตลอดทาง แต่คนข้างๆ เนี่ยสินอนไม่หลับเลย (แอบได้ยินช่วงที่โค้งเยอะๆ เสียงใส่เข็มขัดดังตลอดเลย ทางที่ดีใส่ไว้ตั้งแต่เริ่มการเดินทางดีกว่า เพื่อความปลอดภัย)
ประมาณเจ็ดโมงเช้าเราก็มาถึงแม่ลาน้อย จุดลงรถทัวร์ของแม่ลาน้อยจะอยู่ตรงข้ามร้านสะดวกซื้อ 7-11 ใกล้โรงพยาบาลแม่ลาน้อย เจอพี่สองคนพักที่เดียวกันเลยชวนกันโทรให้ที่พักมารับ
ที่พักในทริปนี้คือ เฮินไต รีสอร์ทค่ะ ห้องพักมีหลายแบบราคาไม่แพงปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล "พี่เน็ต" เจ้าของที่พักดูแลดีมากๆ ตั้งแต่การจองจน Check Out สามารถเข้าไปชมที่พัก ตรวจสอบราคาและข้อมูลติดต่อได้ที่ >>>http://www.herntai-resort.com/
พี่เน็ตส่งรถมารับเราเข้าที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดลงรถมากเท่าไหร่นักตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ ฝนที่เพิ่งขาดเม็ดไปทำให้แม่ลาน้อยที่เงียบสงบแต่กลับสดใสมีชีวิตชีวา เช้านี้อากาศดีมากค่ะ
เราได้เข้าที่พักเลยเนื่องจากเป็นห้องว่างไม่มีคนเข้าพัก ห้องหมายเลข 5 ชื่อห้องว่าตูบสูง มีเตียงสองชั้น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น ทีวี พัดลม ไดร์เป่าผม ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า แม้แต่ Sanitarty bag ก็ยังมีให้ พร้อมอาหารเช้าไปอีก! ที่ว่ามานี่เป็นห้องพักสำหรับสองคน ราคา 700 บาทเท่านั้น!!! มาดูภาพที่พักห้องพักหลักร้อยดีกว่า
เราติดต่อขอเช่ามอเตอร์ไซด์กับที่พักไว้ เนื่องจากที่แม่ลาน้อยยังไม่มีร้านเช่ามอเตอร์ไซด์ดังนั้นรถที่ให้เช่าจะเป็นของพนักงาน ค่าเช่าวันละ 250 บาท แต่ถ้ามาหลายคนหรือขี่มอเตอร์ไซด์ไม่ได้ มีรถสองแถวพาเที่ยวสอบถามรายละเอียดและราคาได้ที่พี่เน็ตเจ้าของรีสอร์ทค่ะ
แผนเที่ยวในวันนี้เราจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปบ้านห้วยห้อมและศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย ระยะทางไป-กลับก็ประมาณ 80 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่สวยงาม ถนนลาดยางแต่เป็นหลุมเล็กๆ ทางชันพอสมควรสลับกับทางราบ ระหว่างทางมีน้องวัวน้องควายหากินอยู่สองข้างทางต้องระวังด้วยนะคะ ถ้าเจอขวางอยู่กลางถนนค่อยๆ ขี่ผ่านไปค่ะ
อ่อ...สิ่งที่อยากจะแนะนำเพิ่มแติมสำหรับคนที่ขี่รถมอเตอร์ไซด์เข้าไปเองอีกอย่างหนึ่ง คือ น้ำมันรถค่ะ ก่อนออกจากรีสอร์ทพนักงานให้คำแนะนำดีมากๆ (และพี่ทศ The Travelerz ด้วยนะคะ) มีอะไรเที่ยวบ้าง จุดถ่ายรูป ไปยังไง ปั๊มน้ำมันอยู่ตรงไหนบอกไว้หมด แต่เพวกเราเองที่หาปั๊มน้ำมันไม่เจอ น้ำมันใกล้หมดฝนก็ตกหนักมากกลับก็ไม่ได้ไปต่อก็ไม่ถึงตอนนั้นเหลือระยะทางประมาณ 20 กิโลกว่าจะถึงจุดหมาย โชคดีที่หมู่บ้านระหว่างทางมีปั๊มน้ำมันหลอดขาย ขากลับออกมาจึงค้นพบว่าปั๊มน้ำมันอยู่แถวไปรษณีย์ก่อนเลี้ยวเข้าถนนสาย 1266 และมีปั๊มเล็กๆ อีก หลังจากเลี้ยวเข้าถนน 1266 (หรือถนนตรงข้ามไปรษณีย์) มาแล้วให้มองทางซ้ายมือไว้
เราเจอฝนตลอดทางเที่ยวฤดูนี้ต้องเตรียมตัว เสื้อกันฝน อุปกรณ์กันเปียกพกติดตัวไว้เลย
แต่ก็น่าแปลกไม่ว่าจะเปียกแค่ไหน หนาวสักเท่าไรก็ไม่ทำให้รู้สึกทุกข์ใดๆ สักนิด
ฝนคงเปียกไปถึงหัวใจ เพราะรู้สึกสดใสเหมือนใบไม้ได้น้ำฝน
เมื่อขี่รถเข้าไปในเส้นทางที่ปกคลุมไปด้วยหมอก เราสูดหายใจลึกมากๆ อยากจะเก็บหมอกเอาไว้ให้เต็มปอด
สองข้างทางเป็นสีเขียวหลายๆ เฉดจากแปรงถั่วเหลือง นาข้าว สีเขียวของต้นไม้ตัดกับไอน้ำสีขาวที่กำลังลอยขึ้นมา
บอกไม่ถูกอยากให้มาเห็นด้วยตา ธรรมชาติหน้าฝนช่างมีชีวิตชีวาจริงๆ
ตรง กม. 7-9 วิวสวยมากค่ะเหมาะแก่การแวะถ่ายรูป แต่ต้องจอดรถให้พ้นโค้งนะคะ อันตราย!
ป้ายบอกทางมีตลอด ดูจากหลักกิโลเมตรก็เข้าใจได้
ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งเราก็ถึงบ้านห้วยห้อม เหตุผลที่ขี่รถตากฝนมาที่นี่เพราะอยากมาชิมกาแฟ รู้มาว่ากาแฟอาราบิก้าที่นี่ขึ้นชื่อและอร่อยมากส่งให้ทาง Starbucks ด้วย น่าเสียดายที่ฝนตกการเดินเที่ยวไร่ ชมฟาร์มแกะจึงต้องพับเก็บไป แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้เมื่อเที่ยวไม่ได้ก็ต้องกิน!!! มื้อเที่ยงเราฝากท้องกันที่นี่ ความพิเศษของอาหารมื้อนี้เป็นเมนูอาหารพื้นบ้าน รสชาติอร่อย ขนาดข้าวสวยยังอร่อยนิ่มแต่เป็นเม็ด เรากินข้าวได้เยอะมากๆ ส่วนราคาคิดเป็นหัวค่ะ คนละ 70 บาทต่อมื้อ!!! คุ้มค่าสุดๆ จะสั่งกับข้าวกี่อย่าง จะเพิ่มข้าวกี่รอบก็ 70 บาทค่ะ มีข้อแม้ว่าต้องกินให้หมดนะคะ เมนูอาหารตามนี้เลย
ระหว่างรออาหาร...สั่งกาแฟร้อนมาดื่มแก้วละ 20 บาทเท่านั้น ไม่ต้องใส่ครีมไม่ต้องใส่น้ำตาลก็อร่อยค่ะ (เราดื่มกาแฟเข้มอยู่แล้ว) กลิ่นหอมมากๆ กาแฟร้อนๆ ธรรมชาติสีเขียวและบรรยากาศฝนโปรยปราย...คือดี
ซื้อกลับมาฝากพี่ที่ทำงานชงทีกลิ่นหอมไปทั้งออฟฟิศ มีห่อสีแดงแบบเม็ด และห่อสีทองแบบบดแล้วราคาไม่แพง
โต๊ะสำหรับกินข้าวมีโต๊ะเดียวเป็นโต๊ะไม้นั่งได้หลายคน นอกจากเราสองคนแล้วยังมีนักเดินทางรุ่นเก๋าที่ขี่ BMW มากันคนละคันจึงได้กินข้าวร่วมวงด้วยกัน ก็น่าแปลกใจที่คนหน้าแปลก (เรา) ได้กินข้าวกับคนแปลกหน้าพร้อมบทสนทนาในเรื่องที่เกี่ยวกับการเดินทางจะมีความสนุกสนานขนาดนี้ และถ่ายรูปห้ามติดเราด้วยนะเพราะต้องส่งรูปรายงานคนที่บ้าน ฮ่าๆๆๆ
จุดถ่ายรูปยอดฮิต เสื้อยังเปียกฝนอยู่เลย...
ที่นี่มีโฮมสเตย์ด้วย คืนละ 150 บาทต่อคน อาหารมื้อละ 70 บาทต่อคน ถ้าใครสนใจติดต่อได้ที่เบอร์ 0895553900
หรือสอบถามข้อมู้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : กาแฟสดห้วยห้อม ผ้าทอขนแกะ โฮมสเตย์
โครงการหลวงแม่ลาน้อยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีนาขั้นบันไดที่สวยงามและแปลงผักปลอดสารพิษ ที่ถูกโอบไว้ด้วยภูเขาถ้ามาจากบ้านห้วยห้อมให้มองทางซ้ายมือไว้ ป้ายบอกทางเล็กมากๆ พอเลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้านจอดรถงงๆ กับเส้นทางไม่รู้จะไปทางไหนอยู่นั้น มีน้องผู้ชายสองคนเดินมาพอดี สิ่งแรกที่น้องทำเมื่อเห็นคนหน้าแปลกอย่างพวกเราคือ "ยกมือสวัสดีครับ" เป็นสิ่งที่ประทับใจมาก ถึงจะอยู่ในที่ไกลขนาดนี้แต่ไม่ไกลจากวัฒนธรรมเลย น้องน่ารักมากให้ข้อมูลเราจนไปถึงศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย ช่วงเดือนสิงหาคมนาขั้นบันไดจะเป็นสีเขียว และจะเป็นสีทองเหลืองอร่ามปลายเดือนตุลาคม มีห้องพักและอาหารให้บริการด้วยนะคะ ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อที่ เบอร์โทรศัพท์ 053619533-4 หรือ 0833243062
ขี่รถเข้ามาในหมู่บ้านเงียบมากๆ เหมือนไม่มีคนอยู่ สิ่งที่ต้องระวังในการขับขี่คือน้องไก่ค่ะ
ชอบหากินอยู่ข้างถนนพอรถวิ่งไปใกล้ๆ ก็แตกตื่นไม่เป็นทิศเป็นทางตัดหน้ารถได้
เขียวสดชื่นมากค่ะ เราเดินลงไปดูแปลงนากับแปลงผักปลอดสารพิษข้างล่าง
ฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก รองเท้าแตะดีดดินขึ้นมาเลอะเสื้อผ้าไปหมด ^^
ถ้าอยากได้รูปนาขั้นบันไดสวยๆ ต้องมองจากมุมสูง ขี่รถเข้าไปในโครงการหลวงเลยค่ะ จะมองเห็นวิวแบบนี้ ^^
เราให้รางวัลตัวเองสำหรับการตากฝนตลอดทั้งวันด้วยบิงชู หนาวไปอีก!!! แม่ลาน้อยก็มีร้านบิงชูนะ ชื่อร้าน “Snow ice and Dessert by jang” ราคาไม่แพงด้วย นอกจากบิงชู มีเบเกอรี่และเครื่องดื่มอีกด้วย อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนแม่ลาน้อยดรุณสิกข์ เลย 7-11 แม่มาน้อยมานิดเดียว
มื้อค่ำเราฝากท้องไว้กับเฮินไต รีสอร์ทค่ะ หน้าบ้านพักมีโต๊ะนั่งทานอาหารบรรยากาศดีมากๆ เสียแต่ว่ายุงเยอะไปหน่อย อยู่กลางธรรมชาติก็แบบนี้แหละติดสเปรย์หรือครีมทากันยุงไว้ก็ดีนะคะ อาหารอร่อยราคาไม่แพงค่ะ มื้อนี้นั่งกินข้าวใต้แสงเทียนและนาข้าว ^^
เช้านี้มีหมอกมาหยอกภูเขา ได้แต่แอบดูทางหน้าต่างเพราะยังไม่ได้อาบน้ำ มื้อเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ มีข้าวต้ม สลัด ไข่ดาว บาโลน่า นม น้ำส้ม ทีเด็ดยกให้ข้าวเหนียวสังขยาใช้ข้าวเหนียวดำ หวานกำลังดี หอมกลิ่นใบตองเข้ากันมากๆ
เราต้อง Check out ตอน 11 โมง วันนี้ไม่มีแพลนอะไรแค่รอไปขึ้นรถทัวร์กลับเข้ากรุงเทพฯ ตอน 17.00น. จึงขอเช่ารถมอเตอร์ไซด์ไว้ขี่เที่ยวใกล้ๆ สถานที่พี่เน็ตแนะนำคือ สะพานแขวนอยู่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ยวมฝั่งขวา
มื้อกลางวันเราไปกินส้มตำแถวหน้าโรงพยาบาลแม่ลาน้อย สั่งตำไทยกับลาบหมู และนี่คือสิ่งที่ได้...
เรานั่งจ้องลาบหมูอยู่สักพักแล้วถามตัวเองว่าสั่งอะไรไปนะ นี่ลาบใช่ไหม???
สรุปว่าจานซ้ายคือลาบค่ะ แต่เป็นลาบเหนือคั่วรสชาติเหมือนหมูผัดกระเทียม
อย่างที่เคยกินคือลาบอีสาน มาเหนือก็ต้องกินลาบเหนือสิ
ส่วนส้มตำไทยเขาใส่มะเขือเปราะด้วยเพิ่งเคยเจอ เรากินหมดทั้งสองอย่างเลยค่ะ ^^
ฝนตกตลอดทางขี่รถมอเตอร์ไซด์หนีฝนไปเรื่อยๆ เจอทางสวยๆ ก็จอดถ่ายรูป
แม่ลาน้อยเป็นเมืองที่เงียบสงบ อยู่ในอ้อมกอดของขุนเขาและสีเขียว
ขี่รถเสพย์ความเขียวจนสาแก่ใจกลับมานั่งดื่มกาแฟรอขึ้นรถที่รีสอร์ท ถึงจะ check out ออกไปแล้วเจ้าของรีสอร์ทก็ไม่ใจร้ายไล่เราสองคนไปไหน ให้นั่งเล่นนอนเล่นจับโปเกม่อนอยู่แถวนั้น ใกล้เวลาขึ้นรถฝนก็ตกมาอีกครั้งตกหนักด้วย ทริปนี้มากับฝนและก็กลับกับฝน อ่อ...ก่อนฝนตก พนักงานของรีสอร์ทหยิบร่มมาให้ บอกว่าฝนจะตกแล้วเผื่อว่าต้องใช้และหลายๆ ครั้งที่อำนวยความสะดวกให้เสมอ เป็นสิ่งที่ประทับใจมากๆ พี่เน็ตขับรถไปส่งพวกเราที่จุดขึ้นรถแม่ลาน้อยของสมบัติทัวร์ เบอร์โทรศัพท์สมบัติทัวร์แม่ลาน้อย 0987918402
มาแม่ฮ่องสอนกี่ครั้งก็ไม่เคยผิดหวัง
เราได้เห็นหมอกหน้าฝน นาขั้นบันได ภูเขาอย่างที่ตั้งใจไว้
ธรรมชาติที่สวยงามและผู้คนที่จิตใจดี เป็นทริปสั้นๆ ที่มีความสุขมาก
เฮินไต รีสอร์ท เป็นที่พักที่คุ้มค่า ห้องพักทีวิวสวย เจ้าของและพนักงานดูแลพวกเราดีตลอดตั้งแต่ไปจนกลับ
บ้านห้วยห้อม เสียดายมากที่เที่ยวไม่ทั่ว มีโอกาสอยากไปนอนค้างสักคืนบรรยากาศดี ธรรมชาติสวยงาม ที่สำคัญอาหารอร่อยมากๆ ^^
ชอบความเข้มแข็งของคนในหมู่บ้าน มีอาชีพเและของดีเป็นของตัวเอง
แม้สภาพอากาศไม่เป็นใจ แต่ที่ที่เราไปสร้างความประทับใจให้เรามากๆ
ไม่มีรถส่วนตัวยังมาได้ ถ้าใครมีรถส่วนตัวยิ่งสะดวก
มาเที่ยวแม่ฮ่องสอนหน้าฝนเถอะ มันดีต่อใจจริงๆ นะ ^^
สรุปค่าใช้จ่าย (ไม่รวมค่าของฝาก)
-ที่พัก เฮินไต รีสอร์ท 700 บาท
-ค่ารถทัวร์ 2,300 บาท
-เช่ามอเตอร์ไซด์ 2 วัน 450 บาท
-เข้าร้านสะดวกซื้อ 319 บาท
-ค่าน้ำมัน 170 บาท
-ข้าวกลางวันและกาแฟ @บ้านห้วยห้อม 180 บาท
-บิงชูและชานม 149 บาท
-ข้าวเย็น @เฮินไต 420 บาท
-ส้มตำ ลาบคั่ว ข้าวเหนียว 50 บาท
-กาแฟ 2 แก้ว @เฮินไต 80 บาท
-มื้อก่อนกลับ กะเพราเนื้อราดข้าว 2 จาน @เฮินไต 150 บาท
-ซื้อขนมและลูกชิ้น @แม่สะเรียง 60 บาท
-ค่า Taxi 135 บาท
รวม 5,163/2 = 2,581.5 บาท
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)