ก่อนหน้าที่เราจะไปเที่ยวย่างกุ้งครั้งนี้ เราได้นี้ได้นัดหมายแท๊กซี่ไว้แล้วคันนึง ทราบจากรีวิวน้องคนนึงใน pantip ว่า คนขับรถคนนี้ดีมาก เลยติดต่อไป ด้วยความที่ถึงยังไงเราก็กังวลทุกๆอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการไปเที่ยว เลยติดต่อเค้าไว้ เมื่อติดต่อไปปุ๊บ เค้าก็แนะนำดีมาก ให้คำปรึกษาทุกเรื่อง คือดีงามจริงๆค่ะ ชื่ออังโกะ เค้าพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับดี เราวางแผนลิสต์ไว้แล้วว่าอยากไปที่ไหนบ้าง เค้าก็ช่วยเราจัดแจงจัดลำดับการเที่ยวจนเสร็จเหมือนไกด์มือหนึ่งเลย สุภาพและใจดีมาก ใครที่จะไปย่างกุ้ง เราแนะนำคนขับรถคนนี้เลยค่ะ ติดต่อเค้าดูนะคะ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง
ด้วยเหตุที่เกิดความเบื่อหน่ายบางเรื่อง..เลยทำให้ตัดสินใจไปเที่ยวย่างกุ้งคนเดียว ความไม่ได้ตั้งใจไป ขนาดไม่ได้ตั้งใจไปก็ยังวางแผนดูทิศทาง ดูข้อมูลบางอย่างไว้บ้าง เพราะไปคนเดียว จะพลาดตอนไหนก็ได้555555555555555 เมื่อไปถึง เช้าวันแรกที่ได้อยู่ย่างกุ้ง พักที่ 1415 Guesthouse จากที่พักเดินไปเจดีย์สุเล ด้วยระยะทาง ไปกลับ 14 กิโลเมตร 55555555
เจดีย์สุเล สถานที่แรกที่ประทับใจในความทรงจำ สวยงามมาก ที่นี่เสียค่าเข้าชมด้วย แต่เราไม่เสีย อาจจะเพราะไปถึงเช้ามากประมาณ 6 โมงเช้า..
ทะเลสาบกันดอว์จี หรืออีกชื่อหนึ่งว่าทะเลสาบหลวง (Kandawgyi Lake) ถือเป็นอีกสถานที่ยอดนิยมแห่งหนึ่งของเมืองย่างกุ้งเลยก็ว่าได้ ชาวพม่านิยมมาเดินเล่นชิลล์ๆ อีกทั้งเป็นที่คู่รักของชาวพม่ามาเดินเล่นกันอีกด้วยค่ะ บรรยากาศวันนี้ฝนตกแต่เช้า ภาพที่ได้มาเลยหมองใจชอบกล55555
หลังจากพบอังโกะและพูดคุยตกลงกันเรื่องเส้นทางเที่ยวแล้ว อังโกะพาเรามาที่นี่ วัดงาทัตจี หลวงพ่องาทัตจี แปลว่า หลวงพ่อที่สูงเท่าตึก 5 ชั้น องค์ท่านสูงมากจริงๆ ค่ะ
จากนั้นมาที่นี่ค่ะ เจดีย์ชเวดากอง เราเสียค่าเข้าชม 6000 Kyats สวยงามสมคำร่ำลือจริงๆ เราไม่ได้อยู่จนค่ำเพื่อดูความงามตอนกลางคืนค่ะเสียดายเหมือนกันแต่คิดว่า เดี๋ยวเราจะกลับมาอีก ตอนนั้นค่อยจัดเต็มค่ะ
เจดีย์ชเวดากอง ไปแค่ครั้งเดียว จำติดตาตรึงใจมากเลยค่ะ
จากนั้นได้มาที่ัวัดบารมี ที่นี่มีพระธาตุมากมายให้เราได้สักการะบูชา ทราบมาว่าหลวงพ่อที่นี่มีชื่อเสียงมาก(สำหรับคนไทยนะคะ)
ได้มากราบ มาทำบุญไกลแบบนี้ รู้สึกอิ่มใจอยา่งบอกไม่ถูกค่ะ
แล้วก็ได้ไป สุสานทหารอังกฤษ ระหว่างทางไปพะโคค่ะ
จุดหมายที่พะโค คือ วังของบุเรงนอง Kanbawza Thardi Palace ค่ะ อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรามากับฝนอย่างแท้จริง ตลอดทางตั้งแต่ย่างกุ้งจนถึงพะโค ฝนช่างปราณีเรายิ่งนัก เพราะเราเป็นคนชอบฝนมากกกกกกกกกกกกก บรรยากาศแบบนี้ เห็นภาพหนุ่มสาวชาวพม่าถือร่มเดินคลอเคลียกัน ช่างโรแมนติคจริงๆเลยค่ะ
จากนั้นอังโกะพาเรามาที่วัดแห่งนึงจำชื่อไม่ได้ค่ะต้องขออภัยด้วยนะคะ ที่วัดนี้อังโกะเค้าบอกว่าเรามีศาลของพระแม่สุพรรณกัลยา อังโกะเค้าสนใจในประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองเรามากค่ะ จึงแนะนำให้เรามาที่นี่
และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ที่นี่ค่ะ เทพทันใจที่ เจดีย์โบดาทาวน์
เราขอพรไปเรื่องเดียว 5555 ตอนขอพร ให้เราพับแบงค์ของเราสองใบ สอดไว้ที่มือขององค์เทพ เอาหน้าผากเราแตะที่นิ้วท่านจากนั้นขอพร แล้วดึงแบงค์กลับมาหนึ่งใบไว้เป็นขวัญถุงให้ร่ำรวยโชคดีค่ะ ขั้นตอนตรงนี้ ดูเหมือนจะมากมาย แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เจ้าหน้าที่จะคอยแนะนำเราเองค่ะ
จากนั้นก็ หิวเลยค่ะ55555555555555 อังโกะพาเรามาหาของอร่อยๆทานแถวใกล้ทะเลสาบกันดอว์จี ที่นี่เสียค่าเข้าด้วยนะคะ แล้วเค้าจะมีสติกเกอร์น่ารักให้เราติดเสื้อไว้ เราไปมารอบนี้ ได้มาหลายอันเลยค่ะ
ในย่างกุ้งมี Street Art เล็กๆด้วยนะคะ ให้อารมณ์ปีนังเลยค่ะ
สิ่งใหม่ๆ เทคโนโลยีล้ำสมัยกำลังย่างก้าวเข้ามาในย่างกุ้ง เราจึงพบเห็นป้ายโฆษณามากมาย ผุดขึ้นทั่วไปในเมืองนี้ เป็นความแตกต่างที่ลงตัว
บรรยากาศง่ายๆ การเดินทางไปก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แถมยังได้พบกับคนขับรถที่ใจดีอีก ได้กลับมาอีกแน่นอน
ด้วยจิตใจที่เป็นพุทธ ทุกสิ่งที่ชาวเมียนมาร์ได้สร้างสรรค์ล้วนมีพลังมากมายให้เราได้ศรัทธา...
แล้วก็ต้องเดินทางกลับด้วยความเสียดาย ...เสียดายที่ไม่ได้มาย่างกุ้งก่อนหน้านี้ ....แต่ไม่เป็นไร เราจะกลับมาใหม่ เพราะหัวใจมันอยู่ที่ยา่งกุ้งแล้ว
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)