ขอเรียกแทนตัวเองว่า แพน นะคะ
สืบเนื่องจากว่าแพนได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวปีนังเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เลยยินดีอย่างยิ่งจะมาเล่าสู่กันฟัง ปีนังวันนี้เป็นยังไง จาการเดินทางโดยเครื่องบินไปลงที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ แล้วต่อรถตู้ที่ตลาดกิมหยงมุ่งสู่ปีนัง
ทริปนี้ไปกัน 3 คน มีเวลาเที่ยว 3 วัน 2 คืน บางคนอาจบอกว่า ไปน้อยจังจะได้เที่ยวอะไร แค่เดินทางก็หมดวันแล้วนะ แต่แพนว่าก็คุ้มแหละถ้าเราเปลี่ยนมาคิดว่าการเดินทางก็คือการได้เที่ยวเช่นกัน เพราะนับเอาจริงๆ แพนก็มีเวลาอยู่ในปีนังทั้งหมด 43 ชั่วโมง น้อยซะไม่มี ฮร่าาาาา
พอออกจากสนามบินแล้วใครจะนั่งรถอะไรต่อก็ตามสะดวกเลยค่ะ เพื่อไปที่ท่ารถตู้ แต่สำหรับแพน สายประหยัดค่ะ เดินออกมาถนนใหญ่นะคะ จะเจอรถสองแถวสีฟ้าเขียนว่า ขนส่ง สนามบิน ขึ้นโลดดดดดดด ไปลงตลาดกิมหยง 30 บาท
ใช้เวลาเดินทางสิบกว่านาที ให้ลงตรงโรงแรม วีแอล หาดใหญ่ แล้วข้ามฟากมาทางตลาดถามคนแถวนั้นก็ได้ว่าท่ารถตู้ไปปีนังอยู่ตรงไหนแล้วเดินไป หรือใคร
ขี้เกียจเดินจะนั่งวินก็ตามแต่ใจเลยคร่าาาา แพนขอเดินฝ่าตลาดหาของกินแล้วก็ชมบ้านเรือน ผู้คนไปเรื่อยๆดีกว่าเดินมาจนถึงท่ารถตู้ บริษัทยอดฮิตของหลายๆคน K.S.T. Travel สามารถสำรองที่นั่งได้ก่อนการเดินทางด้วย http://www.ksttravelthailand.com/
แพนจองรอบเที่ยงไว้ มีเวลาเหลือๆ เลยไปแลกเงินกันก่อน
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินช่วงนี้จะอยู่ที่
1 ริงกิต เท่ากับ 8.6 บาท เช็คได้จากเว็บนี้ค่ะ http://th.coinmill.com/MYR_THB.html#MYR=1
ส่วนสถานที่แลกเงินก็มีหลายที่เชียวแถวๆตลาดกิมหยงเนี่ย ถ้าไปถึงท่ารถตู้ถามเค้าก็ได้ อยู่ไม่ไกลมาก แพนเลือกใช้ที่นี่ค่ะ พูดจาดี ให้คำแนะนำการใช้เงินด้วย น่าร้ากกกกก คนโง่ๆอย่างเราเข้าใจง่ายขึ้นตั้งเยอะ แลกไป 3000 บาท หมดตัวเลยทีเดียว เดี่ยวมาดูกันว่าทริปนี้ใช้ไปจริงๆกี่บาท
ถึงเวลาขึ้นรถตู้กันเถอะค่ะ รถตู้ก็แสนจะสบายเป็นรถแบบ 11 ที่นั่ง เหยียดแข้งเหยียดขาตามใจชอบ ประมาณชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงด่านสะเดา จะได้ออกนอกประเทศกันแล้ว เตรียมพาสปอร์ตกับบัตรประชาชนติดตัวตลอดนะคะ จะได้ง่ายต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ด่านจะมี 2 ที่ ด่านแรกยื่นพาสปอร์ตรับใบเข้า-ออก แล้วก็ขึ้นรถตู้ต่อไปอีกด่านเพื่อตรวจลายมือ ตรวจกระเป๋า สำหรับใครกลัวว่าจะทำไม่เป็นก็ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่คนขับรถตู้เค้าจะบอกเอง แล้วเราก็มีเพื่อนเต็มคันรถตู้ไปด้วยกัน แพนใช้เวลากับด่านตรวจทั้ง 2 ด่าน ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ขนาดช่วงโลซีซั่นนะเนี่ยคนเยอะจัง
เดินทางกันต่อ พี่รถตู้พาพวกเราไปทางที่ต้องผ่านสวน ผ่าเขา ตัดหน้าหมู่บ้าน ช่วงแรกมีความตกใจเล็กน้อย เฮ้ยพี่เค้าจะพาไปขายป่าววะ ^0^ แต่นั่งใจร่มๆสักพักมองไปนอกหน้าต่าง ก็รู้แล้วล่ะมาทางนี้ก็ได้เค้าไม่ได้จะเอาเราไปขายนะ ดีซะอีกได้ชมธรรมชาติด้วย เดี๋ยวแปะลิงค์ให้ดูแพนอัพลงยูทูป เพราะไม่รุ้เค้าลงวีดีโอยังไง
ผ่านป่าดงพงไพรมาจนในที่สุดก็ถึงซะที ไม่ใช่ถึงที่พักนะ ถีงสะพานปีนัง 2 (Second Penang Bridge) แฮร่ นี่คืออีกเหตูผลที่อยากนั่งเครื่องบินมาลงหาดใหญ่แล้วต่อรถตู้เอา เพราะอยากข้ามสะพานนี้แหละ สะพานนี้ข้ามจากมาเลเซียไปยังเกาะปีนัง โดยเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศมาเลเซียและยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวทั้งหมด 24 กิโลเมตร ความยาวเหนือระดับน้ำทะเล 16.9 กิโลเมตร ว้าวๆๆๆๆ เลยมั้ยล่ะ
พี่รถตู้แวะส่งคนตามโรงแรมต่างๆ ตามที่แจ้งล่วงหน้าว่าจะลงไหน จนมาถึงที่พักของแพนล่ะ Old Penang Guesthouse เวลาที่ปีนังตอนนี้ประมาณ 5 โมงกว่า เวลาของปีนังจะเร็วกว่าไทยประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ที่นี่เหมาะสำหรับชาวแบ็คแพ็คกระเป๋าบางอย่างเราๆ เพราะราคาถูกแต่ได้อารมณ์ความเก่าแก่ของปีนังโคตรๆ พี่ที่ไปด้วยกันเค้าจองผ่าน Booking ห้องรวม ชาย-หญิง เตียง 2 ชั้น ราคาคนละ 280 บาท
โดยรวมของที่พักก็เป็นประมาณนี้ สวยดีค่ะ ตึกเก่านำมาตกแต่งจัดที่จัดทางใหม่ กลายเป็นห้องพักเท่ๆ มีแอร์ มีน้ำอุ่น ไวไฟ อาหารเช้า ปกติเหมือนเกรสเฮาท์ทั่วๆไปค่ะ คืนนี้นอนที่นี่แล้วพรุ่งนี้จะพักไหนค่อยว่ากัน เอ่อลืมบอกไป เกรสเฮาท์ที่แพนพักตั้งอยู่ที่ถนน Love lane ในตัวเมืองจอร์จทาวน์ ทำให้สะดวกสบายต่อการเดินทาง หาของกินโน่น นี่ ฮร่า.....เดินมาหน้าปากซอยนิดนึงก็เจอเซเว่นแล้ว ร้านค้า ร้านนั่งดื่มก็เยอะแยะ ซื้อซิมโทรศัพท์ให้เสร็จแล้วหาของกินกัน
ของกินอย่างแรกในวันนี้ที่ปีนังคืออออออออออ
อ่านชื่อ เขียนว่า Lok lok น่าจะเป็นอาหารพื้นเมืองของมาเลเซียค่ะ เพราะเห็นมีอยู่เกือบทุกที่ ราคาก็ประมาณ 1 ริงกิต อาจมี 1.3 1.6 บ้างแล้วแต่วัตถุดิบที่นำมาเสียบไม้ เป็นอาหารแบบต้องจุ่มลงในน้ำเดือดเอง มีหลายอย่าง เนื้อสัตว์ ผัก เห็ด พอสุกเราก็เอามาราดน้ำจิ้มตามชอบ จะบอกว่าอร่อยมาก พวกเราหาของกินแถวที่พักจนหายหิวก็เดินทางกันต่อ เราจะไปยังศูนย์อาหารใจกลางจอร์จทาวน์ Gurney drive
การจะไป Gurney drive ก็แสนจะง่าย นั่งรถเมล์สาย 101 ถามคนแถวนั้นว่าจะไปต้องนั่งฝั่งไหน หรือหยิ่งมาก เอ้ย! อยากไปด้วยตัวเอง ก็เดินไปนั่งที่ต้นสายเลย
ณ ตึก Komtar ตึกที่ได้ชื่อว่าเป็นแลนด์มาร์กก็ว่าได้ เพราะสูงตระง่านที่สุดในเกาะนี้แล้ว ใครเดินหลงก็มองหาตึกนี้ไว้รับรองกลับถึงที่พักแน่นอน พูดถึงสถานีต้นสายรถเมล์ที่นี่ก็ดี๊ดี อยากไปไหนก็แสนสะดวก เพราะป้ายบอกชัดเจน แบ่งเลนส์ของแต่ละสายด้วยจะได้ไม่แย่งเข้ากันมั่วซั่ว
แพนเลือกที่จะเดินไปยังต้นสาย เพราะจะได้เดินเล่นชมบ้านเมืองเค้าด้วย เพราะตึกนี้ก็อยู่ไม่ไกลนักจากที่พัก โดยค่าโดยสารอยู่ที่ 2 ริงกิต ลงที่ Gurney Plaza อัตราค่าโดยสารก็ขึ้นอยู่กับระยะทางที่จะไปค่ะ เหมือนรถเมล์ ปอ. บ้านเรา ตอนขึ้นก็บอกคนขับว่าลงไหน เค้าก็จะบอกราคา เราก็เอาเงินหย่อนลงในตู้ข้างคนขับ ถ้าไม่มีเศษตังค์คนขับเค้าก็จะมีให้แลกไม่ต้องห่วงค่ะ
นั่งรถมาซักพักก็ลงค่ะ ลงที่ Gurney Plaza เดินทะลุห้างไปด้านหลัง เลียบถนนไปจะเจอแสงไฟวิบวับมาแต่ไกล นั่นแหละค่ะจุดหมายเรา ไปกันเล้ยยยยยยยย
ไม่รู้ว่าแต่ละอย่างที่กินมันเรียกว่าอะไร อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง แล้วแต่คนชอบเนาะ แพนสิงอยู่ที่นี่ซักพักก็กลับที่พัก สำหรับการเดินทางกลับไปยังถนน Love lane ก็ให้เดินไปจนสุดตลาด จะเจอถนนให้ข้ามฟาก เดินไปเรื่อยๆจะเจอป้ายรถเมล์ รอสาย 101 เช่นเดิมค่ะ คราวนี้ขากลับแพนเสียแค่ 1.4 ริงกิต
สารภาพตามตรงนะคะ ของที่กินมาก่อนหน้านี้ย่อยไปแล้วแหละค่ะ เลยมาหาอาหารแถวหน้าปากซอยที่พักต่อ เจอสิ่งนี้ อเมซิ่งกว่าทุกสิ่งที่ได้ลิ้มชิมรสมา มันคือข้าวห่อใบตอง ราคาแสนถูก 1.3 ริงกิตเท่านั้น ใครไปปีนังแล้วพบเจอกับสิ่งนี้อย่าลืมซื้อมาลองชิมกันดูนะคะ
และก็หมดไป 1 วัน มาสรุปค่าใช้จ่ายของวันนี้กัน จะยังไม่รวมค่าเครื่องบินกับรถตู้นะคะ เพราะค่าเครื่องบินแล้วแต่โปรโมชั่นที่เราจะหาได้
ส่วนรถตู้ ไป+กลับ 800 บาท
ค่าที่พัก 28 ริงกิต
ค่าอาหาร Lok Lok 4.5 ริงกิต
ค่าซิมโทรศัพท์ 25 ริงกิต
ค่ารถเมล์ไป Gurney drive 2 ริงกิต
ค่าอาหารที่ Gurney drive 6.5 ริงกิต
ค่ารถเมล์กลับที่พัก 1.4 ริงกิต
ค่าข้าวสามเหลี่ยม 1.3 ริงกิต
รวม 68.7 ริงกิต
ช้าวันใหม่ แพนตื่น 6 โมงเช้า อาบน้ำ ทานอาหารเช้าง่ายๆ ขนมปังปิ้งทาเนยที่ทางเกรสเฮาท์มีเตรียมให้ แล้วเช็คเอาท์ ฝากกระเป๋าไว้ที่พัก เดินออกมานอกซอยในวันที่ท้องฟ้าสว่างจ้าขนาดนี้อากาศดีจัง เราไปยังตึก comtar รอรถเมล์สาย 204 เช้านี้เราจะไป ปีนังฮิลกัน ค่าโดยสารแค่ 2 ริงกิตเท่านั้น ใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็มาถึงแล้วค่ะ
ซื้อตั๋วขึ้นรถไฟค่ะ ราคา 30 ริงกิต แต่แอบบอกนิดหน่อย ใครมีบัตรนักเรียนอย่าลืมพกไปด้วยนะ เค้าลดราคาให้เหลือ 15 ริงกิต แพนจึงสบายตัว ลดตั้งครึ่งแหนะ
มาขึ้นรถไฟกัน แพนเลือกนั่งที่ตู้สุดท้าย อันนี้แนะนำเลยค่ะถ้าใครอยากเห็นวิวแบบโอเพ่นสุดๆ เสียวสุดๆ เหมือนนั่งรถไฟเหาะแบบช้าๆ ต้องตู้สุดท้าย
มาต่อกันเลยดีกว่า หลังจากได้ขึ้นไปจนถึงจุดชมวิวสูงสุดแล้ว มาดูกันแพนเจออะไรบ้าง
ดอกไม้สวยๆกำลังบานสะพรั่ง สีสันสะกดใจขนาดนี้จะไม่เก็บภาพก็กระไรอยู่นะเออ ต้นไม้เขียวชอุ่ม อากาศสดชื่นป่านนี้ ใครมาปีนังแล้วไม่ได้เหยียบบนเขาลูกนี้ถือว่าพลาดอย่างแรง นอกจากเค้าจะมีพวกธรรมชาติสวยงามแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์งานศิลป์ งาน 3D ด้วย แต่เสียค่าเข้านะ ใครมีบัตรนักเรียนก็ลดค่าเข้าได้ครึ่งนึง เอ้อ! บนปีนังฮิลเค้ามีที่คล้องกุญแจคู่รักด้วยล่ะ เหมือนเกาหลีเลย ใครอยากจะเซอไพรส์แฟนแอบเอาแม่กุญแจมาด้วยก็ได้นะ
เดินๆกันได้ซักพักก็รู้สึกถึงท้องฟ้ามืดครึ้ม เป็นเรื่องปกติของเกาะติดทะเลนั่นแหละค่ะ ฝนจ๋าฝน ฝนมาแล้ว แพนเลยถือโอกาศเข้ามาหลบฝน
ในศูนย์อาหาร กินข้าวกันดีกว่า
วันนี้เจอเมนูอินเดีย จานละ 5 ริงกิต มีถั่วลิสงด้วย แปลกๆดีค่ะ รสชาติก็ใช้ได้เลย อร่อยตรงน้ำราดเค้านี่แหละ ทุกอย่างมันกลมกล่อมดี
ด้วยความที่มาแต่เช้า ร้านอาหารบางร้านเลยยังไม่เปิด แต่แพนว่าโล่งแบบนี้ก็ดีนะ คนไม่เยอะ ก็ไม่วุ่นวายเนาะ
อิ่มท้องอิ่มใจแล้วก็นั่งรถไฟลงมานั่งตู้สุดท้ายเช่นเคยได้ฟิลสุดๆ แพนจะแนะนำอะไรอย่างนะคะ ใครอยากขึ้นรถไฟชมธรรมชาติแบบไม่ต้อง
เบียดเสียดกับใคร แนะนำให้มาเช้าๆนะคะ
เอาล่ะกลับที่พักเพื่อเตรียมตัวไปชิลกับสตรีทอาร์ตกันดีกว่า
แพนกลับมาถึงที่พักก็เกือบๆเที่ยง เอากระเป๋าออกมาแล้วเดินหาที่พักสำหรับคืนนี้ เดินมาประมาณ 7 ก้าว ก็เจอแล้วค่ะที่ถูกใจ คือจะบอกว่าถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยเกรสเฮาท์จริงๆ แบบเยอะจนเลือกไม่ถูก แต่ก็เลือกที่นี่ค่ะ
Casablanca56
ไม่รู้ว่ามีจองใน Booking รึเปล่านะคะแต่มีเพจตามนี้ค่ะ https://www.facebook.com/casablanca56lovelane/?pnref=story
คือชอบที่นี่มาก สวยมาก ดูข้างนอกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอเดินเข้ามาดูด้านในประทับใจสุดๆ รักเลยยยยย แต่รักสุดๆตรงที่ แพนและเพื่อนได้เข้าพักใน ห้องแบบแฟมิลี่รูม จากราคา 108 ริงกิต เหลือ 100 ริงกิต ได้เตียงคู่ 1 เตียง และเตียงเสริม 1 เตียง คืนนี้สบายล่ะ ส่วนตัวเชียว
เอาล่ะค่ะ เก็บกระเป๋าพักเหนื่อยเสร็จแล้วก็ไปลุยสตรีทอาร์ตกัน
รูปลงคร่าวๆตามนี้ จริงๆรูปเยอะมากเลือกมาเท่าที่ชอบเกือบลืมบอกไป สำหรับการเที่ยวถ่ายรูปใครใคร่เดินก็เดิน ใคร่ปั่นจักรยานก็ปั่น ใคร่เช่ารถสามล้อก็ตามสะดวก เอาเป็นว่าตามงบที่มีแล้วกัน เพราะภาพแต่ละภาพก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมาก ขอแผนที่จากท่ารถตู้มาเก็บไว้ก็ได้นะ แพนว่าดูง่ายกว่าแผนที่ตามโรงแรม หรือแล้วแต่คนชอบละกัน มีทริคอีกอย่างคือเรื่องน้ำดื่ม กรอกน้ำจากที่พักใส่ขวดไว้ติดตัวเลยค่ะ เพราะซื้อจากข้างนอกแพงมาก ขวดละ 2 ริงกิต ก็เรามาสายงบน้อยกรอกจากที่พักแหละเนาะ
เดินกันไปจนหมดวันก็กลับเข้าที่พัก หาข้าวเย็นแถวๆที่พักนั่นแหละ เดี่ยวพรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว รู้สึกเวลาหมดไปเร็วจัง
มาสรุปค่าใช้จ่ายของวันที่ 2 กัน
ค่าที่พัก 34 ริงกิต (หารกัน 3 คนจากราคาเต็มค่ะ)
ค่ารถเมล์ไปปีนังฮิล 2 ริงกิต
ค่าเข้าปีนังฮิล 15 ริงกิต (ได้ส่วนลดจากการมีบัตรนักเรียน)
ค่าอาหารในศูนย์อาหารบนปีนังฮิล 5 ริงกิต
ค่าอาหารอื่นๆรวมข้าวเย็น 9.3 ริงกิต
รวม 65.3 ริงกิต
สำหรับเช้าวันสุดท้าย แอบรู้สึกเศร้านิดๆ วันนี้ต้องเดินทางกลับแล้ว ยังได้เที่ยวไม่ทั่วเลย อยากไปเที่ยวทะเลชมอุทยานฯ ก็หมดเวลาซะแล้ว ปีนังสำหรับแพนจะต้องมีครั้งหน้าแน่นอน เริ่มจะหลงรักที่นี่แล้วสิ วันนี้แพนมีเวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้นค่ะ เพราะนัดกับรถตู้ให้มารับตอนเที่ยง เลยมีเวลาเดินเล่นเก็บความทรงจำกันซักนิด
วันนี้ได้ซื้อของฝากเล็กน้อย อันนี้แพนจะไม่รวมกับค่าใช้จ่ายในทริปนะคะ เรามาสรุปกันแพนเสียเงินกับการเที่ยวครั้งนี้ใน 43 ชั่วโมง ที่ปีนัง
เป็นเงิน 134 ริงกิต คิดเป็นเงินไทย 1150 บาท
อยู่แบบสบายๆเชียว ส่วนค่าเครื่องบินนี่แล้วแต่โปรฯจริงๆค่ะ ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆเจอโปรสุดคุ้มเที่ยวสุดประหยัดแล้วกันนะคะ
ข้อเสียของปีนัง
1. สัญญาณอินเตอร์เน็ตห่วยมาก ทั้งซิมที่แพนซื้อจากที่นั่น แล้วก็ไวไฟในเกรสเฮาท์ทั้ง 2 แห่ง ไม่ทราบว่าเป็นที่เครือข่ายรึเปล่า แพนซื้อซิมของ Digi หรืออาจเป็นเพราะ อยู่บนเกาะมั้งคะสัญญาณเลยไม่ค่อยดี
2. รถเมล์ที่ปีนังขับได้ฟาสสสสสสสสสส มากค่ะ เบรคทีหัวแทบทิ่ม แต่ก็สนุกดี
3. จะข้ามถนนที่ปีนังต้องระวังรถมากๆ เค้าขับรถไม่ค่อยมีน้ำใจซักเท่าไหร่ อีกอย่างถ้าใครเป็นคนที่ขี้ตกใจกับเสียงแตรรถ ก็ทำใจนะคะ ที่นี่เค้าบีบแตรรถเป็นว่าเล่น ทำเอาสะดุ้งไปหลายรอบ
4. ใครชอบกินหมู ที่ปีนังส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิม เพราะฉะนั้นให้เกียรติเจ้าบ้านนะคะ
5. อาหารบางอย่างไม่ถูกปากคนไทย แต่ขอให้ลองเปิดใจลิ้มรสอะไรใหม่ๆ มันดีงามมากกกกกกกกกก
ข้อดีของปีนัง
1. ที่นี่สวยมาก ตึกเก่ายังคงอยู่ในสภาพที่ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเรา ร้องว้าว เพราะจะเดินไปทางไหนก็ได้สัมผัสกับกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปตุกีส อยากถ่ายรูปเก็บไว้ซะทุกที่
2. ปีนังหลากหลายชนชาติ อาหารจึงหลากหลายด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารอินเดีย จีน มุสลิม คือครบรสของนักชิมจริงๆค่ะ
3. แพนชอบความอาร์ตของที่นี่จัง ทุกซอก ทุกหลืบ เกือบทุกอนู เราจะได้เห็นงานศิลปะซ่อนอยู่ เป็นเมืองสตรีทอาร์ตที่น่าหลงไหลจริงๆนะ
4. รักปีนังฮิล ธรรมชาติสุดๆ เหมือนได้กลิ่นโอโซนด้วยแหละ ต้นไม้เขียวๆ ดอกไม้สวยๆ ที่นี่มีเหมือนหยาดน้ำค้างเกาะอยู่ตามใบไม้ ตามต้นไม้ อากาศก็เย็นๆ ฟินอะ
5. เพราะเป็นเมืองเกาะ จึงได้เห็นฝนโปรยปรายลงมาเป็นปกติ ทำให้ทั้งวันไม่ร้อนมาก มีแดด มีลม มีฝน คละเคล้ากันไป แต่ถ้าใครไม่ชอบฝนข้อนี้คงไม่โอเคล่ะเนาะ
6. ราคาอาหารและสิ่งของพอๆกับที่ไทยเลยล่ะคะ ไม่แพงมาก
7. ที่นี่มืดช้า ทุ่มนึงแล้วยังสว่างอยู่เลย ทำให้แพนรู้สึกว่าเรามีเวลาเดินเล่นก่อนมืดมากกว่าเดิมนิดนึง
8. ราคาเกรสเฮาท์แสนถูก ยิ่งวอร์คอินเข้ามาก็ยิ่งถูกๆๆๆๆๆ
9. ชาวต่างชาติเยอะ แม่ค้า พ่อค้า จะพูดภาษาอังกฤษ สื่อสารกันง่ายค่ะ
10. เดินเที่ยวยังไงก็ไม่หลง ซอยบ้านเค้าเดินแล้วไม่งง เซ่อๆอย่างแพนยังเดินเที่ยวได้เลย
11. ระบบขนส่งเค้าดีจัง จะไปไหนมาไหนก็ง่าย สะดวก และไม่งง เพราะเค้ามีการแบ่งสาย แบ่งเลนส์ และข้อมูลการโดยสารแบบที่ดูแล้วก็เข้าใจ ทั้งจากต้นสถานี หรือตามป้ายรถเมล์ต่างๆก็มีเขียนบอก
12. มีรถจักรยาน รถมอไซด์ รถสามล้อให้เช่า เกือบทุกที่
13. แหล่งของกินยามค่ำคืนมีเยอะ ถ้าใครนอนดึกไม่ต้องห่วงค่ะ เมืองนี้ไม่มีหลับ
14. เพราะเป็นเมืองที่มีชาวมุสลิมเยอะ ก็จะมีสุเหร่าเยอะ ได้ยินเสียงสวดมาจากด้านในเกือบตลอดทาง รู้สึกไม่เหงาดี
15. ไม่รู้ทำไมถึงชอบแต่ถ้าใครไปรับบรองติดใจเหมือนแพน
ปล. ขากลับนั่งรถตู้แค่ 3 ชั่วโมงเอง ถึงตลาดกิมหยงไวมาก อย่าพลาดการเดินเล่นหาของกิน ของฝากที่ตลาดนะคะ ไก่ทอดอร่อยมาก แล้วก็ขากลับขึ้นรถสองแถวคันเดิมที่นั่งมาจากสนามบินตอนแรกค่ะ มีทริคกันโดนหลอกเล็กน้อยสำหรับการขึ้นรถสองแถว เพราะที่ตลาดมีรถสองแถวหลายสายมาก ให้เราขึ้นรถฝั่งตลาดนะคะ ดูคันสีฟ้าที่เขียนว่าสนามบิน ถ้ามีคันอื่นมาจอดรับแล้วให้เราเหมาไปอย่าขึ้นค่ะ และอย่าลืมถามให้ชัดเจนด้วยว่า
ค่ารถ 30 บาทรึเปล่า
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)