เมื่อเดินทางมาถึงแยกทางเข้าอุทยานฯ จะเห็นป้ายตั้งอยู่ริมถนนอย่างเห็นได้ชัด และถนนหนทางก็ค่อนข้างสะดวกสบาย
ก่อนถึงตัวที่ทำการอุทยานฯ ต้องผ่านด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานฯ และไม่ไกลกันนัก ก็จะพบกับร่องรอยสถานีรถไฟประวัติศาสตร์ ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อเข้าสู่เขตลานจอดรถอุทยานฯ ซึ่งพื้นที่ให้บริการอย่างกว้างขวาง ผมก็ออกเดินทางไปน้ำตกไทรโยคใหญ่ก่อนเลย จากป้ายประมาณ 300 เมตร
ผ่านที่ทำการอุทยาน ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อขอคำแนะนำในการเที่ยวชมอย่างถูกต้อง เลยศูนย์บริการฯ ไปนิดก็พบกับเรือหางแมงป่องจำลอง
ทางเดินไปก็สะดวกสบาย ระหว่างทางก็พบกับธรรมชาติ ต้นไม้ที่สูงใหญ่ และลำธารเล็กๆ ที่ไหลไปลงยังน้ำตกไทรโยคใหญ่ ไม่ไกลกันก็พบกับสะพานแขวน สร้างขึ้นเพื่อข้ามแม่น้ำแควน้อย เดินไปยังจุดชมวิวก็สามารถมองเห็นน้ำตกไทรโยคใหญ่ที่ไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อยอย่างชัดเจน
ด้านล่างของสะพานแควน้อยมีท่าเทียบเรือแพเพื่อชมน้ำตกไทรโยคใหญ่ และน้ำตกไทรโยคเล็กอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงการล่องแม่น้ำแควน้อย ริมน้ำก็มีแพอาหารและที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
อีกฝั่งของสะพานเดินไปไม่ไกลพบกับน้ำตกไทรโยคเล็ก มีแพบริการให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด และจากนี้เม็ดฝนก็เริ่มโปรยปราย ผมเลยต้องถอยกลับไปหาที่หลบฝน เมื่อฝนเริ่มซา ก็เดินไปดูพุต้นน้ำและหม้อหุงข้าวญี่ปุ่นโบราณ
เดิมทีตั้งใจว่าจะนอนเต็นท์พักผ่อนกันที่อุทยานฯ เพื่อเดินไปชมถ้ำค้างคาว แต่เปลี่ยนใจไปพักกันที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณแทน ซึ่งจะได้เห็นในทริปต่อไป ก็เลยแวะกลับมาชมน้ำตกไทรโยคน้อย แต่ไม่มีสายน้ำตกอย่างเช่นเคย และเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปชมช่องเขาขาด แต่ก็ยังได้เก็บภาพบรรยากาศของสถานีรถไฟน้ำตกไทรโยคน้อยมาด้วย จบทริปครับ...
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)