ซัมเมอร์นี้ที่บาร์เซโลน่า! - เที่ยวสเปน ชิลล์ๆด้วยตัวเอง

เมื่อก่อนตอนผมได้ฟัง อ.ที่สอนสมัยเรียน เล่าถึงประสบการณ์ของแกช่วงที่ไปเรียนสเปนให้ฟัง ภาพในจินตนาการของผมคือมันต้องร้อน แห้งแล้ง คนนอนกลางวันเพราะอากาศร้อน ร้านค้าปิดตอนบ่ายๆเพราะคนนอนกลางวัน (จริงๆผมก็อยากไปนอนกลางวันนี้แหละ 555) เมื่อมีโอกาศผมจึงอยากมาสัมผัสบรรยากาศสักครั้งจะเหมือนที่คิดไว้หรือเปล่า

บาร์เซโลน่าคือเมืองที่ผมจะนำมารีวิวในวันนี้ครับ ซึ่งบาร์เซโลน่านั้นเป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากมาดริด(เมืองหลวงของสเปน) แต่ระบบเศรษฐกิจเติบโตเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้ๆกับฝรั่งเศษตอนล่าง เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกเมืองหนึ่งของสเปน คนยุโรปเองก็ชอบมาเที่ยวกันเพราะส่วนมากจะหนีหนาวมาจากทางเหนือมารับแดดอุ่นๆ แถมบาร์เซโลน่ายังมีชื่อทางด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงามต่างๆที่ออกแบบโดยศิลปินชื่อดังคือ Gaudi (ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็คงจะแนวๆ อ.เฉลิมชัย ประมาณนั้นแหละครับ)

ตอนเครื่องจะลงจอดที่สนามบินนั้นผมเห็นภาพน้ำทะเลสีน้ำเงินกับเมืองที่สีออกส้มๆดูแล้วมันตัดกันเหมือนภาพวาดเป็นภาพที่สวยงามมากครับ แต่ผมไม่ได้นั่งติดหน้าต่างเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูกัน

หลังจากผมเดินออกมาจากสนามบินแล้วภาพแรกที่เห็นคือท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งจะเข้มกว่าบ้านเรา แต่ก็ตกใจนิดๆเพราะมีต้นปาล์มแถมอากาศร้อนมาก ผมยังพูดกับตัวเองเรามาลงผิดสนามบินป่าวว่ะ นึกว่าอยู่อาหรับเอมิเรตส์ ยิ่งตอกย้ำภาพบรรยากาศในหัวของผม ดูแล้วแห้งแล้งและร้อนเหลือเกิน

ผมเดินตามป้ายไปขึ้นรถไฟเข้าตัวเมืองนะครับ ถ้าใครมาเที่ยวเองอยากประหยัดค่าใช้จ่ายก็เดินตามป้ายไปเลยครับ แนะนำให้ขึ้นรถไฟ ไม่ใช่รถไฟฟ้าใต้ดินนะครับ เพราะถ้ารถไฟฟ้าใต้ดินจะต้องไปเปลี่ยนหลายสถานีก่อนจะเข้าตัวเมืองเดี่ยวลำบาก ค่ารถไฟก็ไม่แพงครับ ผมจำราคาไม่ได้ น่าจะ 4.5 EURO นี้แหละครับ

ผมนั่งรถไฟและดูวิวข้างทางมาเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที มาลงที่สถานี Passeig Gracia แนะนำให้ลงที่สถานีนี้ครับถ้าที่พักของเราอยู่ใจกลางเมือง

เดินมาไม่ไกลก็ถึงโรงแรมซึ่งอยู่ติดๆกับลานน้ำพุ Plaça de Catalunya แนะนำให้พักแถวๆนี้นะครับใกล้ๆสถานที่เที่ยวที่ให้เดินเยอะดี
ผมออกไปถ่ายรูปที่หน้าระเบียงห้องพักโคตรเสียวเพราะระเบียงจะยื่นออกมาไม่มีคานรองรับพื้น มีแต่ลวดสลิงที่ดีงไว้ แถมลมก็พัดมาแรงมากๆ ต้องใช้มืออีกข้างจับราวระเบียงไว้ ถ่ายเสร็จแทบจะคลานเข้าห้อง ขาไม่มีแรงเพราะผมกลัวความสูง 55555

Catalunya ไม่ได้ออกเสียงว่า คาตาลูนย่า(เสียงสูง!) นะครับ จะออกเสียงคล้ายๆ ค่าทาลูเนีย(เน้นคำว่าค่า เนียออกเสียงเบาๆ) เว้นวรรคคำผิดชีวิตเปลี่ยน...เพราะผมถามคนแถวนั้นแล้วเขางงกันเป็นแถว 5555

หลังจากผมพักจนหายเหนื่อยแล้วก็ออกตะเวนกันเลยครับ ผมไปเดินที่ La Rambla ซึ่งเป็นถนนคนเดิน คนเดินตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน มีต้นไม้และร้านค้าสองข้างทาง บรรยากาศน่าเดินมากๆครับมีตึกสวยๆให้เราดู ลมจากทะเลพัดมาเรื่อยๆ ผมได้คำตอบให้ตัวเองหนึ่งข้อ สเปนร้อนแต่มีลมเย็นสบายแฮะ ไม่ได้เหมือนทะเลทรายตามที่จินตนาการมาก่อนหน้า 55555

แต่ต้องระวังกระเป๋าตังส์กันหน่อยนะครับ เพราะเพื่อนผมที่มาก่อนหน้า โดนล้วงกระเป๋าที่ถนนนี้แหละ

ข้างทางของถนนคนเดินครับ ผมชอบอาคารแบบนี้ครับ ดูมีมนต์ขลังดี

ร้านขายไอศกรีม หน้าร้อนแบบนี้ขายดีมากครับ บางช่วงคนจะมาต่อแถวซื้อกัน

จากถนนคนเดินผมแวะเข้าไปที่ซอยข้างๆทาง เป็นตลาด Boqueria ภาพแรกที่เห็นคือ เห้ยยย ผมมาเดินที่ตลาด อ.ต.ก. หรือเปล่าเนี้ย เหมือนกันเลย เป็นตลาดเปิด(open air) มีผลไม้ขาย มีอาหารทะเลขาย ขนมต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากยุโรปเหนือที่ตลาดจะอยู่ในตึกแบบปิด นอกจากจะเป็นตลาดนัดเท่านั้นถึงจะขายกันอยู่กลางแจ้ง ส่วนคนบริการที่เห็นเป็นผู้หญิงเป็นคนเอเชียผมคิดว่าน่าจะเป็นคนไทย แต่ผมไม่กล้าทักครับหน้าแตกมาหลายรอบล่ะ "i'm not thai!!" 5555

นักท่องเที่ยวชอบเดินตลาดนี้กันมากครับ ผมเลยแวะชิมอาหารทะเลที่เขาปรุงกันแบบสดๆ ที่นั่งจะคล้ายๆชูชิบาร์บ้านเรา นั่งเรียงแถวกินกัน
จานนี้ราคาประมาณพันกว่าบาทครับ

ขาหมูนี้มีชื่อว่า Gammon เห็นสีแดงๆแบบนี้รมควันมาแล้วทานได้เลยนะครับ รสชาติจะออกเค็มๆหวานๆ รสชาติที่ได้ขึ้นอยู่กับสมุนไพรที่นำมาหมัก

เยลลี่ก็ขายดีครับ

อย่างที่บอก ยังกับตลาด อ.ต.ก. มีผลไม้ด้วย ผลไม้ที่สเปนจะส่งออกไปฝั่งยุโรปเหนือด้วยนะครับ เพราะฝั่งเหนืออากาศหนาวปลูกได้เฉพาะผลไม้เมืองหนาว
ผลไม้บางชนิดก็ถูกกว่าบ้านเราครับ เช่นเชอร์รี่ก็ตกโลล่ะสองร้อยกว่าบาท รวมถึงพวกเบอร์รี่ต่างๆ แต่ผลไม้เมืองร้อนต่างๆก็จะแพงกว่าบ้านเรา

ผมเดินตลาดเสร็จแล้วก็มาต่อคิวรอโต๊ะทานอาหารเย็นครับ ซึ่งร้าน Les Quinze Nits เป็นร้านที่ขึ้นชื่อ เพราะอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวแต่ราคาถูกมากถ้าเปรียบเทียบกับแถวๆนี้ เป็นร้านแนะนำเลยครับต้องรีบมานะครับไม่งั้นคิวอาจจะยาวกว่านี้ ขนาดผมทานเสร็จแล้วยังมีคนต่อคิวอยู่ตลอดเวลา

บรรยากาศยามค่ำคืนของโบสถ์ครับ

บรรยากาศยามค่ำคืน

กลับมานอนที่โรงแรมครับ ด้านล่างตึกใกล้ๆจะมีร้านที่เปิด 24 ชม นะครับ ลงมาซื้อของได้ตลอดเวลา

ตื่นเช้าขึ้นมาหาไรทานครับ เนื่องจากโรงแรมที่ผมจองไว้ไม่ได้รวมค่าอาหารเช้า แต่ค่าโรงแรมก็ยังแพงเพราะค่าแรงคนยุโรปเขาแพงครับ

คนสเปนชอบทานตลอดเวลาเหมือนบ้านเราครับ เขามีอาหารทานเล่นที่ขึ้นชื่อคือ Tapas ถ้าบ้านเราก็เรียกว่าของว่างอะไรประมาณนั้น แต่คงจะว่างทั้งวันแหละครับ เพราะเห็นคนเข้าร้านตลอด 55555

ร้านอื่นๆที่ไม่ใช่ขนมปังก็มีนะครับ ถ้าเป็นขนมปังแบบนี้จะมีชื่อของมันเองคือ Pintxos แต่ก็ยังถือว่าเป็น Tapas เพราะ Tapas คือของทานเล่น หรือ อาหารว่างนั้นเอง ซึ่งราคาขายก็เฉลี่ยอยู่ชิ้นล่ะหนึ่งยูโรแต่ถ้าเป็นคนในพื้นที่ก็จะรู้ที่ราคาถูกกว่าหนึ่งเหรียญก็มีครับ ผมเดินไปเรือยๆในซอยหน่อย ก็เจอที่ถูกกว่านี้เหมือนกัน

ทานเสร็จแล้วก็เตรียมออกเดินกันเลยครับ แต่ก่อนอื่นผมแนะนำให้ซื้อตั๋วรถไฟฟ้าใต้ดินแบบ 10 เที่ยวที่ตู้จำหน่ายตั๋วไปเลยนะครับ แค่ 10 ยูโร ตกเที่ยวล่ะ 40 บาทเท่านั้นเอง ถือว่าถูกมากๆ เราไปไหนก็ได้ แถมสามารถใช้ได้กับรถไฟขากลับไปสนามบินได้ด้วยโคตรเจ๋ง!

ที่เห็นเป็นตึกรูปทรงแปลกๆ เหมือนมีรังนกมากมายอยู่หน้าบ้านคือ Casa Batlló เป็นผลงานการออกแบบของ Gaudi ครับ ผมคิดว่าเขาน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติเพราะกระจกสีและโมเสกต่างจะเป็นรูปต้นไม้สัตว์ต่างๆ แต่จะเป็นแนวแฟนตาสีนะครับ หลังคาตึกจะคล้ายๆเกล็ดมังกร ของจริงสวยมากครับ ผมว่าสมัยนั้นคงจะหลุดโลกไปเลยทีเดียว ตอนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้เขาชม

La Pedrera เป็นอีกผลงานของ Gaudi เป็นอพาร์ทเม้นรูปทรงแปลกๆ เหล็กดัดหน้าระเบียงห้องสวยงามครับ เปิดให้ขึ้นไปบนดาดฟ้านะครับ แต่ด้านในตึกบางส่วนยังเป็นอพาร์ทเม้น

สถาปัตยกรรมชิ้นนี้น่าจะเป็น มาสเตอร์พีซ ของ Gaudi เลยครับ มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวเยอะจริงๆ ถ้าใครไปบาร์เซโลน่า พลาดไม่ได้เลยครับ
แนะนำให้ซื้อตัวทางออนไลน์มาก่อนนะครับ เพราะเขาจะจำกัดจำนวนคนต่อวันต่อรอบไว้ ไม่งั้นจะอดเข้าไปข้างในเหมือนผม T-T

ที่เราเห็นช่องเล็กๆบนตัวอาคาร ผมเห็นนักท่องเที่ยวไปยื่นอยู่บนนั้นแล้วโผล่มาให้เห็นเยอะแยะเลยนะครับ

La Sagrada Familia เป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างในปี ค.ศ.1892 ผลงานยังไม่เสร็จ Gaudi ก็เสียชีวิตซะก่อนเนื่องจากถูกรถราง (Tram) ชน แต่คาดว่าน่าจะเสร็จประมาณปี 2030.

หลังจาก La Sagrada Familia ผมก็เดินมาเรื่อยๆจนถึง Arc de Triomf แต่ถ้าใครไม่อยากเดินสามารถนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่ สถานี Arc de Triomf ได้เลยนะครับ เพราะผมเดินมาก็เกือบครึ่งชั่วโมงอากาศก็ร้อน หลบแดดกินไอศกรีมเป็นระยะๆ 555555
La Sagrada Familia ถูกสร้างเพื่อเป็นซุ้มประตูเข้างาน Barcelona World Fair 1888 ตึกรอบๆก็สวยครับ

ผมนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาโผล่ที่สถานี Barceloneta เพื่อที่จะไปชายหาด เห็นคนเดินเยอะๆให้เดินตามไปได้เลยครับ ถึงชายหาดไม่มีหลงแน่นอน 55555

เดินมาทั้งวันล่ะ มานั่งพักทาน Tapas กัน ราคาก็ชิ้นล่ะยูโรกว่าๆ แต่รสชาติผมว่าสู้แบบที่เป็นขนมปังไม่ได้หรือร้านนี้ทำไม่อร่อยก็ไม่รู้ ตัวเป๊าะเปี้ยมันเหนียวๆไม่กรอบ เป็นทุกชิ้น เราเดินไปหยิบเองได้เลยครับ

ส่วนเครื่องดื่มที่แนะนำคือ แซงเกรีย (Sangria) จะเป็นไวน์แดงแล้วมีผลไม้เป็นชิ้นๆใส่เข้าไป เช่น ส้ม สตอเบอร์รี่ ลูกแพร์ อื่นๆ

วันนี้ผมยังใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินเจ้าเดิมไปที่สวน Parc Güell โดยเจ้าของที่ดินนั้นให้ Gaudi ออกแบบ โดยสัญญาว่า Gaudi สามารถทำบ้านอยู่ในสวนได้เลย อพาร์ทเม้นของ Gaudi เลยถูกสร้างอยู่ด้านหลังๆของสวนแห่งนี้ครับ
ย้ำอีกรอบนะครับ ถ้าจะมาต้องซื้อตั๋วออนไลน์ไว้ก่อนประมาณเจ็ดยูโร ผมมาซื้อหน้าสวนตอนบ่ายสองโมง แต่รอบที่สามารถเข้าได้คือทุ่มหนึ่ง เลยไม่รอครับ ดูเฉพาะด้านนอกสวนอย่างเดียว อดอีกตามเคย!

ร้อนมากกกกก ระหว่างเดินกลับลงมาจากสวนซื้อไอศกรีมมากินหน่อยล่ะกัน รสแซงเกรีย แท่งนี้สองยูโรกว่าๆครับ อร่อยดีได้อารมณ์ 555555

กลับเข้าตัวเมืองอีกรอบครับ เริ่มเดินชิลล์ดูร้านค้าต่างๆ ข้อดีของยุโรปผมว่าเวลาแต่ล่ะวันเหมือนจะนานครับ เพราะซัมเมอร์พระอาทิตย์จะตกประมาณ 4-5ทุ่ม ทำให้เรามีเวลาเดินเยอะขึ้น แต่ร้านค้าจะเริ่มปิดหกโมงเย็นน่ะครับ ยกเว้นร้านอาหารและขายของฝากต่างๆ

เช้านี้ผมต้องรีบตื่นเพื่อไปขึ้นเครื่องกลับครับ ลาก่อนบาร์เซโลน่า!

...จบการรีวิวบาร์เซโลน่าแล้วนะครับ เป็นทริปที่ประทับใจในความรู้สึกของผมเลยทีเดียว เมืองนี้สวยและมีเสน่ห์มากครับ ผมชอบงานสถาปัตยกรรมของที่นี้ ถึงแม้อากาศจะร้อนไปหน่อยแต่ยังมีลมที่พัดมาจากทะเลเป็นช่วงๆให้คลายร้อนบ้าง มีโอกาสจะกลับมาอีกแน่นอนครับ...