ข่าวและโปรโมชั่น

เที่ยวไทยครึกครื้น ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 เดือนแรก 10 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 4.3 แสนลบ.


ช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างมุ่งจุดหมายมาสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และกระจายไปเที่ยวทั่วทุกภาคของประเทศไทย ทำให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักกันอีกครั้งหลังจากซบเซามานานจากช่วงโควิด-19  ซึ่ง govivigo ได้ข้อมูลอัพเดตของจำนวนผู้ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-27 พ.ค. 66 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 10,378,457 คน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวแล้วกว่า 428,000 ล้านบาท โดยประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยสูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 1,606,373 คน จีน 1,098,604 คน รัสเซีย 734,995 คน เกาหลีใต้ 627,760 คน และอินเดีย 583,319 คน

ททท. เชื่อมั่นว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปี 66 จะกลับสู่ 80% ของรายได้ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 62 โดยเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.5 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 880,000 ล้านบาท
นายฉัททันต์ กล่าวว่า ททท. เดินหน้าขับเคลื่อนแผนการส่งเสริมตลาดอย่างเต็มกำลัง เพื่อผลักดันสู่เป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 2.38 ล้านล้านบาท โดยสำหรับนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ เร่งเครื่องด้วย Great Resumption Episode II ประกอบด้วย 5 กิจกรรมส่งเสริมตลาดหลัก ได้แก่
1. China is back มุ่งเจาะกลุ่มตลาดใหม่ในจีน พร้อมเพิ่มเที่ยวบินเพื่อรองรับความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน ควบคู่กับการส่งเสริมการเดินทางทางบก
2. 7-Digit Target เน้นกลุ่มตลาดศักยภาพในประเทศที่นักท่องเที่ยวเกิน 1 ล้านคน
3. Color your life by Amazing Thailand จัด Consumer Fair นำ Soft Power ไทยเข้าไปอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
4. Responsible Tourism ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
5. Second Tier, second to none เจาะกลุ่มเมืองรองในตลาดระยะใกล้ สำหรับตลาดระยะไกล เน้นการเพิ่มความถี่และที่นั่งสายการบินสู่เมืองหลักและเมืองรองในประเทศไทย ร่วมทำงานกับพันธมิตร เพื่อเจาะกลุ่ม

ตลาดใหม่ในเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงเชื่อมโยงสู่เมืองรองในประเทศไทย และการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวแบบ all-year round
นอกจากนี้ ททท. ยังมุ่งนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบ Luxury Experience ในกรุงเทพฯ จังหวัดพังงา และจังหวัดภูเก็ต รวมถึงสินค้าและบริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อาทิ แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เหมาะกับกลุ่มครอบครัวในจังหวัดเชียงใหม่ และการพักผ่อนที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ขณะเดียวกัน ควบคู่ไปกับการมุ่งนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อาทิ การท่องเที่ยวชุมชนด้วยจักรยานที่คุ้งบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ การท่องเที่ยวแบบผจญภัยที่อุ้มผาง จังหวัดตาก การท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ที่จุดหมายปลายทางคาร์บอนต่ำ เกาะหมาก จังหวัดตราด และ Little Amazon คลองสังเน่ห์ จังหวัดพังงา

ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ททท. เดินหน้ายกระดับห่วงโซ่อุปทาน Shape Supply สู่เป้าหมายการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Goals: STGs) ซึ่งต่อยอดจาก 17 เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ โดยสร้างมาตรฐานความยั่งยืน Sustainable Tourism Accelerating Rating (STAR) ให้ผู้ประกอบการนำไปใช้พัฒนาสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานในการให้บริการอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มประเภทรางวัล ?Low Carbon & Sustainability? ในรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 การพัฒนาทักษะผู้ประกอบการและบุคลากรด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการนำแพลตฟอร์มออนไลน์ มาช่วยในการบริหารจัดการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงแรม และแหล่งท่องเที่ยว
 

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)