คู่มือเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองฉบับรวบรัด
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีธรรมชาติที่สวยงามแปลกตาที่สุดในโลก ทั้งทุ่งหญ้าเขียวขจี ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่และทุ่งลาวาสีดำ ทำให้ไอซ์แลนด์เป็นประเทศในฝันของนักเดินทางทั่วโลกที่มองหาเส้นทางที่แปลกใหม่ ตื่นเต้นและน่าประทับใจ แม้ว่าดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าจะเดินทางไปเที่ยวไอซ์แลนด์เพราะต้องเตรียมตัวหลายอย่างและค่าใช้จ่ายคงไม่ใช่น้อยๆ แต่รู้หรือไม่ว่าไอซ์แลนด์เคยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่เที่ยวแล้วคุ้มค่าเงินที่สุดอันดับหนึ่งมาแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวขาลุยและคนที่ชอบเสพธรรมชาติบอกเลยว่าพลาดไม่ได้ ต้องลองไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ไอซ์แลนด์ใช้วีซ่าเชงเก้นเช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศในสหภาพยุโรป แต่ในประเทศไทยไม่มีสถานฑูตไอซ์แลนด์ตั้งอยู่การขอวีซ่าจึงต้องไปขอที่สถานฑูตเดนมาร์ก
สถาพอากาศในไอซ์แลนด์เปลี่ยนแปลงบ่อย ในช่วงฤดูหนาวคุณอาจพบหิมะตกเกือบตลอดเวลา จึงควรเตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อม เช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางได้ที่นี่ http://en.vedur.is
ภาษาทางราชการของไอซ์แลนด์คือไอซ์แลนดิก แต่คนไอซ์แลนด์สามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้
ในไอซ์แลนด์สามารถใช้เงินยูโรได้ แต่ก็มีสกุลเงินเป็นของตัวเองคือเงินโครน (Icelandic Krona) ถ้าต้องการแลกเงินไว้ใช้ให้แลกเป็นเงินโครนจะใช้ได้สะดวกกว่า แต่ถ้าเลือกแบบสะดวกที่สุดแนะนำให้ใช้บัตรเครดิต
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง แต่การเดินทางไกลไม่ว่าที่ใดก็ควรระมัดระวังตัวไว้เสมอ สำหรับเบอร์โทรศัพท์ที่ควรจดไว้ ดังนี้
- เบอร์โทรฉุกเฉินคือ 112
- เบอร์สำหรับการช่วยเหลือทางการแพทย์ 1770
- ตำรวจ 444-1000
พระอาทิตย์เที่ยงคืนคือช่วงเวลาหนึ่งของปีที่มีเวลากลางวันยาวที่สุด ใครอยากเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนก็สามารถพบได้ที่ไอซ์แลนด์ แต่จะมีในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนจนถึงปลายเดือนสิงหาคมเท่านั้น ซึ่งมักจะเกิดทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ เพราะอยู่ห่างจากจุด Arctic Circle เพียงไม่กี่กิโลเมตร จึงสามารถดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ไม่ยาก
ส่วนคนที่อยากไปล่าแสงเหนือในไอซ์แลนด์ จะมีตั้งแต่ช่วงกันยายนไปจนถึงกลางเดือนเมษายน แต่ขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เห็นชัดๆ ถ้าไม่อยากพลาดต้องเตรียมตัวและหาข้อมูลให้ดี
เส้นทางที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้เดินทางท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์แบบ Road Trip คือเส้นทาง Rind Road หรือ Highway No. 1 เป็นเส้นทางวงแหวนวิ่งรอบเกาะ ระหว่างทางจะมีจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ ให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมเป็นระยะๆ สำหรับคนที่สนใจจะขับรถเที่ยวเองในไอซ์แลนด์เรามีข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก ดังนี้
- เว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่จะขับรถเที่ยวในไอซ์แลนด์ http://safetravel.is/
- รถเช่ามีให้เลือกหลายแบบตั้งแต่รถขนาดครอบครัวไปจนถึงรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ควรเลือกรถให้เหมาะกับเส้นทางที่จะไป เช่น หากไปเที่ยวในแถบ Highland ควรใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ
- การจำกัดความเร็วในการขับรถ ความเร็วทั่วไปในพื้นที่เขตเมืองอยู่ที่ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง , พื้นที่นอกเมือง (ถนนไม่ได้ลาดยาง) อยู่ที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง , พื้นที่นอกเมือง (ถนนลาดยาง) อยู่ที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ยังไงก็อย่าลืมดูป้ายจำกัดความเร็วเป็นระยะ เพื่อความปลอดภัย
- หากไปเที่ยวหน้าหนาวต้องเตรียมตัวให้มากเป็นพิเศษ เพราะเนื่องจากสภาพอากาศและหิมะอาจทำให้ถนนลื่น หรือบางเส้นทางอาจปิดไม่ให้ขับผ่านไปได้ โดยเฉพาะเขตชานเมือง ขณะเดินทางจึงควรเช็คสภาพอากาศและสภาพรถอยู่เรื่อยๆ
- หากเริ่มต้นเดินทางจากเรคยาวิกใช้เส้นทาง Ring Road วิ่งรอบเกาะโดยไม่ได้ตัดไปใช้เส้นทางอื่นเลย ก็ไม่ต้องกลัวหลงเพราะเส้นทาง Ring Road จะวิ่งเป็นวงกลมปลายทางจะกลับวนมายังเมืองเรคยาวิก
- คนส่วนใหญ่ใช้เวลาขับรถเที่ยวบน Ring Road จนครบประมาณ 10 - 14 วัน หรือมากกว่า
- แต่ถ้าคุณมีเวลาไม่มาก ก็สามารถขับรถเที่ยวบนเส้นทางที่สั้นกว่าได้ เส้นทางนี้เรียกว่า Golden Circle ระยะทางราว 300 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นที่เรคยาวิกและไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างซึ่งอยู่ทางใต้ของไอซ์แลนด์ เช่น Thingvellir National park, Gullfoss, Strokkur Geysir, Haukadalur เป็นต้น
Klook.com
แผนที่ไอซ์แลนด์
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ที่นี่
ไอซ์แลนด์มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลากหลาย ทั้งภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น น้ำพุร้อน ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ ทุ่งหญ้าสีเขียวและชายหาดสีดำ เนื่องจากทั่วทั้งเกาะก็มีสถานที่สวยๆ อยู่เยอะแยะมากมายไม่สามารถหยิบยกมาได้ทั้งหมด วันนี้จึงนำมาแนะนำเพียงสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเส้นทาง Ring Road และ Gloden Circle มาให้ชมกัน
Blue Lagoon
บลูลากูน (Blue Lagoon) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในไอซ์แลนด์ บ่อน้ำร้อนสีฟ้าที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิดจากใต้ดินที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณและสุขภาพ
รูปภาพจาก: www.bluelagoon.com
Hallgrímskirkja
แลนด์มาร์กสำคัญของเมืองเรคยาวิก โบสถ์สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ ว่ากันว่าเราสามารถมองเห็นโบสถ์ได้จากเกือบทุกที่ในเมือง หน้าโบสถ์มีอนุเสาวรีย์ของไลเฟอร์ อีริกสัน (Leifer Eiriksson) ชาวนอร์สยุโรปคนแรกที่เดินทางพบกรีนแลนด์ อเมริกาเหนือและไอซ์แลนด์
รูปภาพจาก: www.iceland.is
ทัวร์เดินเท้าชมเมืองเรคยาวิก
Klook.com
Harpa
แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเรคยาวิก ตึกรูปทรงทันสมัยเจ้าของรางวัล Mies van der Rohe Award 2013 ภายในมีทั้งคอนเสิร์ตฮอล ร้านอาหารหรู และร้านค้า
รูปภาพจาก: www.iceland.is
Thingvellir National park
อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเรคยาวิกประมาณ 50 กม. เป็นสถานที่มีความสำคัญทางประวัติและทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
รูปภาพจาก: www.iceland.is
Strokkur Geysir
ตั้งอยู่ในเส้นทาง Golden Circle น้ำพุร้อนที่จะพุ่งขึ้นมาทุกๆ 7 - 10 นาที ห่างไปราว 100 เมตร ยังมีน้ำพุร้อนอีกแห่งคือ the Great Geysir หรือ Stori-Geysir ที่ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของไอซ์แลนด์
รูปภาพจาก: www.iceland.is
Gullfoss
กุลล์ฟอสส์เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง ในภาษาไอซ์แลนด์หมายถึงน้ำตกทองคำ น้ำตกลงสู่หน้าผาสูง 32 เมตร จนทำให้เกิดกลุ่มละอองน้ำสีขาวคล้ายกลุ่มควันพุ่งขึ้นมาจากเหวลึก เป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติระดับโลก
ข้อมูลเพิ่มเติม วิธีการเดินทางไปเที่ยวน้ำตกกุลล์ฟอสส์
รูปภาพจาก: www.iceland.is
Seljalandsfoss
สิ่งแรกที่จะได้พบเมื่อเดินทางไปเยือนเซลจาลันต์ฟอสส์ในช่วงหน้าร้อนคือ ต้นหญ้าและมอสสีเขียวที่ขึ้นโอบล้อมน้ำตก อีกทั้งยังมีดอกไม้หลากสีสัน ทั้งสีเหลืองและสีม่วง นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินไปด้านหลังน้ำตกได้อีกด้วย
Skogafoss
สโคการ์ฟอสส์อยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านสโคการ์ทางใต้ของเส้นทาง Ring Road น้ำตกสูงกว่า 60 เมตรเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไอซ์แลนด์ บางเวลาที่มีแสงแดดส่องกระทบคุณสามารถเห็นสายรุ้งยาวพาดผ่านหน้าน้ำตก
รูปภาพจาก: www.iceland.is
Skaftafell
จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งและธรรมชาติของไอซ์แลนด์ ที่ Skaftafell มีเส้นทางเดินไปยังน้ำตก Svartifoss และธารน้ำแข็ง Skaftafellsjökull หรือถ้าใครชอบปีนเขาก็มียอดเขาที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์อย่าง Hvannadalshnúkur
รูปภาพจาก: www.iceland.is
Vatnajökull National Park
อุทยานแห่งชาติ Vatnajökull ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ รวมความสวยงามทางธรรมชาติหลายๆ อย่างไว้ด้วยกันทั้งชายหาดสีดำและธารน้ำแข็งสีขาว ธารน้ำแข็ง Vatnajökull ถือเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป นอกจากนี้ยังมีถ้ำน้ำแข็งที่สวยสุดๆ หาชมไม่ได้จากที่ไหน
Snæfellsjökull National Park
ในพื้นที่ของ Snæfellsjökull นั้น มีทั้งภูเขาไฟ ธารน้ำแข็งและชายหาด จุดท่องเที่ยวหลักของอุทยานแห่งชาตินี้คือธารน้ำแข็ง Snæfellsjökull ที่ทอดยาวไปจรดกับภูเขาไฟ
Jokulsarlon Glacier
ทะเลเต็มไปด้วยน้ำแข็งสีขาวอมเทาอายุกว่า 1,000 ปี และชายหาดสีดำ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเส้นทาง Ring Road จะต้องชมเกือบทุกคน การล่องทะเลด้วยรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกผ่านไปท่ามกลางก้อนน้ำแข็งน้อยใหญ่เป็นหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้
รูปภาพจาก: www.iceland.is
Dettifoss
น้ำตกที่ใหญ่และไหลแรงมากที่สุดของยุโรป เป็นอีกจุดที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ในช่วงหน้าหนาวการเดินทางไปอาจยากสักหน่อย เพราะถนนที่เข้าไปยังน้ำตกทั้งสาย 862 และ 864 จะปิดเนื่องจากหิมะทำให้ถนนลื่นและเป็นอันตรายได้ เปิดให้ใช้อีกทีราวปลายเดือนพฤษภาคม
ทัวร์น้ำตก Dettifoss Waterfall ด้วยรถจี๊ป จากเมืองอคูเรย์รี่ (Akureyri)
Klook.com
Godafoss
โกดาฟอสส์เป็นน้ำตกที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของไอซ์แลนด์ เป็นน้ำตกที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์คือ ในอดีตเมื่อรัฐสภาไอซ์แลนด์ได้ยอมรับศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ ผู้ประกาศตรากฏหมายเดินทางกลับบ้านผ่านบริเวณน้ำตกได้ทิ้งรูปสลักพระเจ้าต่างๆ ของชาวนอร์สลงไปในแม่น้ำ จึงทำให้น้ำตกนี้ได้ชื่อว่า น้ำตกพระเจ้า
Akureyri
เมืองใหญ่อันดับสี่ของไอซ์แลนด์ เป็นศูนย์กลางทางการค้า การศึกษาและวัฒนธรรมของพื้นที่ทางเหนือของไอซ์แลนด์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเส้นทาง Ring Road แนะนำให้แวะพักผ่อนและเที่ยวเล่นที่เมืองนี้ก่อนเดินทางต่อ
รูปภาพจาก: www.iceland.is
Kirkjufell
ภูเขาสูง 463 เมตรตั้งอยู่เพียงหนึ่งเดียว เป็นหนึ่งในภูเขาที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดของไอซ์แลนด์ ใกล้ๆ กันมีน้ำตก Kirkjufellsfoss นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะถ่ายภาพสวยๆ ของน้ำตกที่มีฉากหลังเป็นภูเขา
รูปภาพจาก: www.iceland.is
สิทธิพิเศษจาก govivigo จองโรงแรมในไอซ์แลนด์ราคาพิเศษได้ที่นี่
Booking.com
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)