ที่เที่ยวอยุธยาน่าไป ตามรอยละคร บุพเพสันนิวาส
ช่วงนี้กระแสละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำลังดังแบบฉุดไม่อยู่ มีแต่คนพูดถึง โดยเฉพาะในโลกโซเชียล นอกจากฝีมือนักแสดงที่มากความสามารถ ทำให้แฟนละครได้ยิ้ม หัวเราะและสนุกสนานไปตามๆ กันแล้ว ละครยังได้สอดแทรกเรื่องราวประวัติศาสตร์ของไทย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงครองราชย์ไว้ด้วย รวมถึงยังมีคำศัพท์ไทยสมัยโบราณ อย่างเช่นคำว่า "ไปเวจ" ที่สื่อถึงการขับถ่ายของคนไทยในสมัยโบราณ หรือคำว่า "ออเจ้า" ที่เห็นหมื่นสุนทรเทวาพูดกับแม่การะเกดบ่อยๆ นั้น เป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่สองที่เราคุยด้วยหรือ หมายความว่า เธอ , คุณ นั่นเอง นอกจากนี้สถานที่ถ่ายทำหรือฉากในละครก็สวยงามมากๆ วันนี้ govivigo เลยอาสาพา ออเจ้า ไปเที่ยววัดที่ถูกพูดถึงและสถานที่ถ่ายทำในละครเรื่อง "บุพเพสันนิวาส" จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย
พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา
รูปภาพจาก : museumsiam.org
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรโบราณวัตถุที่พบจากกรุพระปรางค์ วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นเพื่อเก็บรักษาจัดแสดงโบราณวัตถุที่พบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ และโบราณวัตถุพบในจังหวัดนี้ นับเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แห่งแรกของไทยที่มีรูปแบบการจัดแสดงแบบใหม่คือ นำโบราณวัตถุมาจัดแสดงจำนวนไม่มากจนเกินไปและใช้แสงสีมาทำให้การนำเสนอดูน่าสนใจ มีอาคารจัดแสดงถึง 3 อาคารด้วยกัน คือ 1. หมู่อาคารเรือนไทย สร้างอยู่ในสระน้ำ มีลักษณะเป็นเรือนไทยภาคกลาง ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของผู้คนในอดีต 2. อาคารศิลปะในประเทศไทย มี 2 ชั้น จัดแสดงศิลปวัตถุสมัยต่าง ๆ ที่รวบรวมได้จากจังหวัดอยุธยา และ 3. อาคารเจ้าสามพระยา จัดแสดงศิลปวัตถุสำคัญ ๆ จากสมัยอยุธยา โดยรวมแล้วที่นี่มีสมบัติล้ำค่ามากมาย
ที่ตั้ง : ถนนโรจนะ ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดอยุธยา พระนครศรีอยุธยา 10300
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-16.30 น
ค่าเข้าชม : ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างประเทศ 150 บาท
วัดไชยวัฒนาราม
รูปภาพจาก: Flickr - Brian Hoffman
วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นในช่วง พ.ศ.2173 โดยพระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์อยุธยาในสมัยนั้น โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมร จึงทำให้มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งมาจากปราสาทนครวัด ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นปรางค์ประธานที่ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ละมุมของฐานมีปรางค์ประจำทิศตั้งอยู่ด้วย ซึ่งเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยอยุธยาตอนต้น นอกจากนี้ก็ยังมีจุดอื่น ๆ ที่ห้ามพลาด อาทิ ระเบียงคด, พระอุโบสถ, เมรุ, ภาพปูนปั้น, พระประธาน เป็นต้น
ที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. (ในช่วงเวลา 19.30-21.00 น. จะมีการเปิดไฟส่องไปยังโบราณสถานภายในวัด)
ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวมได้ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างประเทศ 220 บาท
วัดธรรมาราม
รูปภาพจาก: www.weloveayutthaya.com
วัดธรรมาราม เป็นวัดเล็กๆ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามเจดีย์พระศรีสุริโยทัย สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา สันนิษฐานว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 400 ปี อดีตที่นี่เคยเป็นที่ตั้งค่ายของพม่า เพราะอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดี ใกล้กับปากแม่น้ำลพบุรี แต่เมื่อเสียกรุงปี พ.ศ. 2310 วัดนี้ก็ถูกเผาทำลาย และบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่อีกครั้งเมื่อขึ้นสู่สมัยรัตนโกสินทร์ สร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาระหว่างประเทศไทยและศรีลังกา โดยจัดแสดงประวัติ เครื่องใช้ เครื่องอัฐบริขารของพระอุบาลีมหาเถระจากประเทศศรีลังกา มีสิ่งปลูกสร้างประกอบด้วยหอไตร หอระฆัง เรือนหมู่กุฏิ พิพิธภัณฑ์พระอุบาลีเถระ และ เขตพุทธาวาส ล้อมรอบด้วยระเบียงแก้วสมัยอยุธยา
ที่ตั้ง : ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ต.บ้านป้อม อ.เมืองพระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 13000
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. (ในช่วงเวลา 19.30-21.00 น. จะมีการเปิดไฟส่องไปยังโบราณสถานภายในวัด)
ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวมได้ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างประเทศ 220 บาท
วัดพุทไธศวรรย์
รูปภาพจาก: Flickr - ZoeK3000
วัดพุทไธศวรรย์ เป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โต มีชื่อเสียงและสำคัญที่สุดในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง สร้างขึ้นในบริเวณที่ซึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเมื่อทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ปัจจุบันเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่ององค์พ่อจตุคามรามเทพ เป็นอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาสักการะ จุดที่น่าสนใจภายในวัด คือ ปรางค์พระประธาน มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบขอมสีขาวสวยงาม สิ่งที่โดดเด่นภายในวัด นอกจากนี้ยังมี มณฑป 2 หลังที่อยู่ด้านข้างของปรางค์พระประธาน, พระอุโบสถ, หมู่พระเจดีย์สิบสององค์, วิหารพระนอน, พระตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์, พระนอน เป็นต้น
ที่ตั้ง : ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านทิศตะวันตก ตำบล สำเภาล่ม อำเภอ พระนครศรีอยุธยา พระนครศรีอยุธยา 13000
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
วัดเชิงท่า
รูปภาพจาก: Pantip - น้องเหนียวเที่ยวไทยวัดเชิงท่า หรือวัดตีนท่า เป็นวัดเก่า สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง วัดตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะเมือง ริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำลพบุรี ใกล้กับคูไม้ร้อง ซึ่งเป็นอู่เก็บเรือพระที่นั่ง ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ฝั่งตรงข้ามวัดคือ ป้อมท้ายสนม และ ปากคลองท่อซึ่งเป็นท่าข้ามเรือของฝั่งเกาะเมือง มาขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำหน้า วัดเชิงท่า บริเวณวัดมีโบราณสถานสำคัญประจำวัด ได้แก่ ปรางค์ห้ายอดสมัยอยุธยา ซึ่งมีลักษณะพิเศษหาที่อื่นไม่ได้ โดยก่อฐานพระปรางค์เป็นทรงแท่งสี่เหลี่ยมจตุรัสและสร้างวิหารยื่นออกไปเป็นรูปกากบาทหรือไม้กางเขนโดยเฉพาะทางทิศใต้ซึ่งเป็นหน้าวัดแต่เดิม สร้างเป็นวิหารขนาดใหญ่เป็นมหาปราสาทยอดปรางค์ที่พบที่วัดเชิงท่านี้แห่งเดียว
ที่ตั้ง : ใกล้กับวัดหน้าพระเมรุ ตำบลวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.30 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
วัดมงคลบพิตร
วัดมงคลบพิตร เป็นวัดโบราณสำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นที่ประดิษฐานพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย เดิมอยู่ทาง ทิศตะวันออกนอกพระราชวัง สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดฯ ให้ย้ายมา ไว้ทางด้านตะวันตก ที่ซึ่ง ประดิษฐานอยู่ในปัจจุบันและโปรดฯ ให้ก่อมณฑปสวมไว้ เป็นวัดโบราณสำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยที่ตั้งของ วัดมงคลบพิตรและพระราชวังโบราณตั้งอยู่ติดกัน นักท่องเที่ยวจึงนิยมเข้ามานมัสการหลวงพ่อมงคลบพิตรก่อน จะเข้าชม พระราชวังโบราณ และบริเวณทางด้านหน้าวิหารวัดพระมงคลบพิตร มีร้านค้าตั้งเรียงรายมากมายหลายร้าน จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ พื้นเมืองแทบทุกชนิดเช่น ปลาตะเพียน เครื่องจักสานเครื่องหวาย มีดอรัญญิก ผลไม้กวน และขนมชนิดต่างๆ เหมาะสำหรับผู้สนใจ ซื้อสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึกต่างๆ
ที่ตั้ง : อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน วันธรรมดาเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดเวลา 08.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
วัดพระศรีสรรเพชญ์
วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดที่มีความสำคัญที่สุดวัดหนึ่งในยุคโบราณ เพราะมีวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างให้เป็นวัดส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานโดยไม่มีพระสงฆ์จำวัด ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญมากมาย รวมถึงพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาปีละ 2 ครั้ง เป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์อยุธยาเกือบทุกพระองค์ เปรียบได้กับ วัดศรีรัตนศาสดารามในกรุงเทพมหานคร ถึงปัจจุบันเหลือเพียงซากอิฐและปูน แต่ก็ยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ ถนนศรีสรรเพชญ์ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00 - 18.00 น. (เวลา 19.30-21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน)
ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท หรือซื้อบัตรรวม ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท เข้าชมวัดบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ภายในระยะเวลา 30 วัน
วัดพนัญเชิงวรวิหาร
รูปภาพจาก: Flickr - Paul Arps
วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่งของอยุธยา มีมาก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งซึ่งครองเมืองอโยธยาเป็นผู้สร้างขึ้นตรงที่พระราชทานเพลิงศพพระนางสร้อยดอกหมาก และพระราชทานนามวัดว่า “วัดพระเจ้าพระนางเชิง ” (หรือวัดพระนางเชิง) จุดที่น่าสนใจในวัด พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ ,ตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก และที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ หลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกง ที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพ นับถือมาช้านาน เมื่อมายังวัดแห่งนี้จึงไม่แปลกที่จะต้องพบเจอผู้คน จำนวนมากที่ไหลเวียนมานมัสการหลวงพ่อโตกันอย่างเนืองแน่น
ที่ตั้ง : หมู่ 2 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม : คนไทยเข้าชมฟรี สำหรับชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท
วัดใหญ่ชัยมงคล
วัดใหญ่ชัยมงคล เดิมชื่อวัดป่าแก้วหรือวัดเจ้าไท ถือว่าเป็นวัดมีความสำคัญทางประวัติศาตร์มากที่สุดและเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุดวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่มีเรื่องราวทางประวัติศาตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและยังมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ ยังมีสวนหย่อมที่สวยงามให้พักผ่อนอีกด้วย สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดได้แก่ เจดีย์ชัยมงคล อนุสรณ์แห่งชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเหนือมังกะยอชวา พระมหาอุปราชของหงสาวดี และวิหารพระพุทธไสยาสน์ สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นที่ถวายสักการะบูชาและปฏิบัติพระกรรมฐาน ปัจจุบันมีการสร้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีผู้นิยมไปนมัสการอย่างสม่ำเสมอเป็นจำนวนมาก
ที่ตั้ง : 40/3 หมู่ที่ 3 ตำบล คลองสวนพลู อำเภอ พระนครศรีอยุธยา จังหวัด พระนครศรีอยุธยา 13000
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น
ค่าเข้าชม : คนไทยเข้าฟรี ชาวต่างชาติเสีย 20 บาท
เพนียดคล้องช้าง อยุธยา
รูปภาพจาก : sanook.com
เพนียดคล้องช้าง หรือวังช้างอยุธยา แล เพนียด คือสถานที่สำหรับการจับช้างหน้าพระที่นั่ง แต่เดิมเคยใช้พื้นที่ข้างพระราชวังจันทรเกษม จนถึงสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงย้ายมาที่ที่ตั้งอยู่ในปัจจุบัน และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของเมืองไทย ด้านในมีการจัดให้นักท่องเที่ยวได้มาป้อนกล้วย-อ้อยช้าง ถ่ายรูปกับช้างอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีช้างมากกว่า 100 เชือกให้ได้ชมกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการจัดกิจกรรมสุดพิเศษอย่างการดูแลช้าง ทั้งการอาบน้ำช้าง การขัดผิวช้าง การฝึกช้าง การทำอาหารสมุนไพรให้ช้าง ฯลฯ
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ตำบลสวนพริก อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 08.30 - 16.30 น.
ค่าเข้าชม : วันธรรมดามีบริการขี่ช้างทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น. ราคา 100-500 บาท ตามระยะเวลา 15 หรือ 30 นาที ถ่ายรูปกับช้าง 40 บาท และมีที่พักให้ค้างคืนเพื่อสัมผัสการเลี้ยงช้างอย่างใกล้ชิด
หาก "ออเจ้า" อยากไปก็ย่อมได้ อย่ารอช้า!! รีบวางแผนไปเที่ยววันหยุดนี้เลย เพราะอยุธยาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ แค่นิดเดียว ขับรถประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น จะไปเช้า-เย็นกลับ หรือไปค้างสักคืนก็น่าสน หาก "ออเจ้า" อยากถ่ายรูปออกมาสวยเข้ากับบรรยากาศ อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน ก็จัดเต็มใส่ชุดไทยกันไปเลย แล้วอย่าลืมแวะไปชิมของดีของเด็ด กุ้งแม่น้ำเผามันเยิ้มๆ ข้าวสวยร้อนๆสักจาน ตบท้ายด้วยของหวานอย่างโรตีสายไหมกันด้วยนะ
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)